มีหลายกระแสในช่วงที่ผ่านมาอยากเห็น ลิเวอร์พูล เสริมแกร่งในแดนกลาง เพราะเชื่อว่านี่เป็นตำแหน่งที่ทีมจำเป็นต้องปรับปรุง อย่างไรก็ตามมีเหตุผลที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมอาจไม่เลือกเสริมทัพในแผงมิดฟิลด์ !
     ปัจจุบันแผงมิดฟิลด์ของ "หงส์แดง" ค่อนข้างแข็งแกร่งมากๆ เพราะมีทั้ง ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ อัลกันทาร่า, นาบี เกอิต้า, เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, เจมส์ มิลเนอร์ และ อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน

     ล่าสุดสโมสรเซ็นสัญญากับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ มาร่วมทัพเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับแท็กติกโดยนักเตะสามารถลงได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลาง และขยับไปเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์ รวมถึงขึ้นไปเล่นแนวรุกก็ได้

     เมื่อมองแล้วดูเหมือน ลิเวอร์พูล มีตัวเลือกเยอะในแดนกลางก็ตาม แต่เอาเข้าจริงๆ แฟนบอล "หงส์แดง" เริ่มกังวลใจเพราะตัวหลักในแผงมิดฟิลด์อย่าง "เฮนโด้" อายุปาเข้าไป 32 ปีแล้ว ส่วน ติอาโก้ อายุ 31 ปีแต่มีปัญหาเรื่องบาดเจ็บต่อเนื่องเช่นเดียวกับ เกอิต้า

     ขณะที่ โจนส์ และ เอลเลียตต์ ยังคงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และพัฒนาศักยภาพอีกซักระยะ ด้าน มิลเนอร์ จะอายุครบ 37 ปีในปีหน้าคงยากจะยืนระยะยาวให้กับทีม ส่วน อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น่าจะหมดอนาคตไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ คาร์วัลโญ่ ยังต้องใช้เวลาปรับตัวอีกพักใหญ่ๆ

     แล้วมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ คล็อปป์ และ บอร์ดบริหารอาจเลือกที่จะไม่เสริมแกร่งในแดนกลาง งานนี้ลองมาวิเคราะห์กันดูดีกว่า

อย่าเพิ่งลืม ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่
     กองกลางดาวรุ่งทีมชาติโปรตุเกส รุ่นยู-21 อาจยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ แน่นอนว่า คล็อปป์ คงจะยังไม่สามารถใช้งานเขาอย่างเต็มที่ในฤดูกาล 2022/2023 แน่นอน

     ดาวเตะวัย 19 ปีเป็นนักเตะแห่งอนาคตของสโมสร แต่ด้วยวัยของเขาและการที่เพิ่งจะย้ายมาอยู่กับทีม มันคงยากที่จะให้ คาร์วัลโญ่ ลงสนามอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้ คล็อปป์ ต้องมองหาตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักเตะ

     อย่างไรก็ตามจากสถิติของ คาร์วัลโญ่ แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเล่นได้ทั้งแนวรุก และเพลย์เมกเกอร์ ผลงานซัดไป 10 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ตอนเล่นให้ ฟูแล่ม จนได้ตั๋วเลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก แสดงให้เห็นว่านักเตะพัฒนาศักยภาพได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถเป็นอนาคตของ "หงส์แดง" ได้

     ด้วยพรสวรรค์ของ คาร์วัลโญ่ เชื่อว่า คล็อปป์ กล้าที่จะใช้งานนักเตะลงสนามทั้งในเกมพรีเมียร์ลีก และฟุตบอลถ้วย ซึ่งนั่นจะทำให้เขาได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ และพร้อมเบียดเป็นตัวหลักของทีม

โจนส์ กับ เอลเลียตต์ พร้อมขึ้นมาเป็นตัวหลัก ?
     ขณะที่  โจนส์ วัย 21 ปี และ เอลเลียตต์ วัย 19 ปี เป็นสองดาวรุ่งที่อาจจะถูกลืมไปบ้าง แต่ผลงานของพวกเขาถือว่าอยู่ในระดับที่ทำให้ คล็อปป์ พอใจ และให้โอกาสพวกเขาได้ลงเล่นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
 
     ทั้งสองคนจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกในฤดูกาลใหม่ เหมือนกับเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เพราะ โจนส์ กับ เอลเลียตต์ ถูกส่งลงสนามในทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง และทั้งคู่สามารถแสดงพรสวรรค์ของพวกเขาออกมาได้อย่างเต็มที่
 
     โดยเฉพาะ เอลเลียตต์ สามารถเฉิดฉายในแดนกลางช่วงต้นซีซั่นที่ผ่านมา แต่ดันดวงแตกข้อเท้าหักในเกมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ส่งผลให้ต้องพักรักษาตัวยาวนาน และพอกลับมาลงสนามก็ยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งกลับมาได้เลย

     คล็อปป์ มองว่า โจนส์ และ เอลเลียตต์ เป็นการลงทุนสำหรับอนาคต และพวกเขาจำเป็นต้องมีโอกาสได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอเพื่อพัฒนาศักยภาพ แม้ว่าทั้งคู่ยังก้าวไปไม่ถึงระดับที่จะเป็นตัวหลักของทีมชุดใหญ่ แต่ "บอส" มองในด้านบวกสำหรับดาวรุ่งสองคนนี้

     เพื่อให้ โจนส์ และ เอลเลียตต์ ได้แสดงศักยภาพออกมาให้เต็มที่ พวกเขาจำเป็นต้องได้ลงเล่นเยอะๆ ฉะนั้นการเซ็นสัญญากับกองกลางระดับหัวกะทิอาจจะเป็นการจำกัดโอกาสของ 2 ดาวรุ่ง และ คล็อปป์ คงไม่อยากเห็นผลผลิตชั้นดีต้องเป็นแบบนั้น !

รอคอย เบลลิงแฮม ย้ายมาร่วมทัพ
     เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, อลีสซง เบ็คเกอร์ และ อิบราฮิม่า โกนาเต้ เป็นสามตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล มีความสุขในการที่จะรอคอยพวกเขา จนกระทั่งได้เซ็นสัญญากับนักเตะเหล่านี้ ซึ่งมันเป็นการรอที่คุ้มค่าเหลือเกิน

     แล้วในกรณีของ จู๊ด เบลลิงแฮม อาจจะเป็นแบบเดียวกัน ! โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไม่มีทางที่จะขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ เนื่องจากทีมเพิ่งจะเสียสตาร์ดังอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายน

     มันคงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ที่ ลิเวอร์พูล จะยอมรอคอยการคว้าตัว เบลลิงแฮม ในช่วงซัมเมอร์หน้า เพราะ คล็อปป์ มองว่ามิดฟิลด์ที่เกิดในเมืองเบอร์มิงแฮม เหมาะอย่างยิ่งกับระบบการเล่นของเขา

     ปัจจุบัน เบลลิงแฮม อายุเพิ่งจะ 19 ปีเท่านั้น และหากได้นักเตะมาร่วมทีมเขาน่าจะเป็นตัวหลักในแผงมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ช่วงหลายๆ ปีต่อจากนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนักเตะจะเป็นคนที่เหมาะสมกับการสืบทอดตำแหน่งของ เฮนเดอร์สัน 
 
     ตอนนี้สิ่งที่สำคัญก็คือ ลิเวอร์พูล จะต้องพยายามเดินเกมเพื่อเจรจาคว้าตัว เบลลิงแฮม ซึ่งเป็นที่หมายตาของ เรอัล มาดริด มาร่วมทัพให้ได้ในช่วงซัมเมอร์หน้า ถ้าหากทำสำเร็จนี่จะเป็นการรอคอยที่คุ้มค่าอีกครั้งของ "หงส์แดง"

การปรับระบบเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์
     หลายคนเชื่อว่าการเซ็นสัญญาของ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเฉพาะการได้ตัว คาร์วัลโญ่ และ ดาร์วิน นูนเญซ น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนในเรื่องของแท็กติกการเล่นที่ คล็อปป์ อาจจะหันมาใช้แผน 4-2-3-1 สำหรับฤดูกาลใหม่
 
     แน่นอนว่าหากปรับมาใช้ระบบการเล่นแบบนี้ คล็อปป์ จะต้องเลือกกองกลางแค่ 2 คนไม่ใช่ 3 คนอย่างที่สาวก "หงส์แดง" เคยเห็นเป็นประจำ งานนี้ นูนเญซ คงจะถูกจับมายืนเป็นหน้าเป้า เพราะศักยภาพของเขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ โดยมี 3 แนวรุกคอยทำหน้าที่สนับสนุนแดนหน้า
 
     คาร์วัลโญ่ คงจะดูจับมายืนอยู่ด้านหลัง หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ในตำแหน่งผู้เล่นหมายเลข 10 หรือเพลย์เมกเกอร์ ส่วน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะยืนทางฝั่งขวา และ หลุยส์ ดิอาซ ทำหน้าที่ประจำการทางฝั่งซ้าย ด้วยขุมกำลังในเวลานี้ คล็อปป์ น่าจะแฮปปี้ที่มีผู้เล่นเกมรุกหลายคนที่พร้อมสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันลงสนามได้

     งานนี้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน น่าจะใช้ทั้งระบบ 4-3-3 และ 4-2-3-1 ในซีซั่นใหม่ เพราะนั่นจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายในการเล่น และทำให้คู่แข่งจับทางพวกเขาได้ยากมากกว่าเดิมหลายเท่า