ฟีฟ่า กำลังคิดที่จะปรับรูปแบบการแข่งขันของ ฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งจะส่งผลให้มีเกมโดยรวมเพิ่มขึ้น 20 นัดด้วยกัน ตามการเปิดเผยของ เดอะ ซัน สื่อของอังกฤษ
  
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) กำลังพิจารณาและหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันของศึก ฟุตบอลโลก 2026 ด้วยการเพิ่มจำนวนกลุ่มกับทำให้รอบน็อกเอาต์เริ่มที่รอบ 32 ทีมสุดท้าย ตามรายงานของ เดอะ ซัน สื่อของประเทศอังกฤษ

ทัวร์นาเมนท์ดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่จะมีการเพิ่มจำนวนทีมที่ได้สิทธิ์ลงเล่นรอบสุดท้ายไปเป็น 48 ทีม หลังจากตลอดเวลาที่ผ่านมาโควต้าดังกล่าวอยู่ที่ 32 ทีม โดยที่ แคนาดา, เม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา จะเป็นเจ้าภาพร่วมกัน อย่างไรก็ตาม มันก็มีการประชุมกันอยู่ตลอดว่าจะทำยังไงในเรื่องการหาทีมเข้าไปเล่นในรอบน็อกเอาต์

ก่อนหน้านี้มีการลือกันว่า ฟีฟ่า จะให้เกมในรอบแบ่งกลุ่มที่เสมอกันนั้น มีการดวลจุดโทษเพื่อให้ทีมที่ชนะในช่วงดวลเป้าได้เพิ่ม 1 คะแนนเป็นกรณีพิเศษ แต่ล่าสุด เดอะ ซัน บอกว่าแนวคิดหลักในตอนนี้ขององค์กรลูกหนังโลกก็คือการเพิ่มจำนวนกลุ่มในรอบแบ่งกลุ่มจากเดิม 8 กลุ่ม ให้เป็น 12 กลุ่ม โดยจะยังมีกลุ่มละ 4 ทีมตามเดิม ซึ่งอันดับ 1 กับ 2 ของแต่ละกลุ่มจะได้เข้าสู่รอบแรกของน็อกเอาต์ หรือรอบ 32 ทีมสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ส่วนตั๋วอีก 8 ใบที่เหลือจะตกเป็นของทีมในอันดับ 3 ที่มีผลงานดีที่สุดจำนวน 8 ทีม

อย่างไรก็ตาม หากใช้แนวทางดังกล่าว จำนวนเกมโดยรวมก็จะเพิ่มไปเป็น 104 เกม จากเดิมมีการเตะกัน 64 นัด ขณะที่ทีมที่ไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ก็จะต้องลงเล่นเพิ่มจาก 7 เกมไปเป็น 8 แมตช์ และจะทำให้ทัวร์นาเมนท์ ฟุตบอลโลก 2026 ต้องใช้เวลาการแข่งขันอย่างน้อย 35 วัน เยอะกว่าของ ฟุตบอลโลก 2022 ที่ใช้เวลา 28 วัน โดยถึงแม้ ฟีฟ่า จะบอกว่าตอนนี้แนวคิดดังกล่าวยังไม่ได้ถึงขั้นเป็นวาระสำคัญ แต่ เดอะ ซัน ระบุว่ามันกำลังได้รับความเห็นชอบมากขึ้น