ออกอาการไม่สู้ดีจริงๆสำหรับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ซึ่งแต่ละเกมคว้าผลลัพธ์ได้อย่างยากลำบากชนิดเลือดตาแทบกระเด็น และบุกมาแพ้ นาโปลี จนได้ในแม็ตช์เปิดหัวรอบแบ่งกลุ่มถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อวันพุูธที่ 7 ก.ย.

จากผลลัพธ์โดนทีมลูกหนังของเมือง เนเปิ้ลส์ ขยี้เละ 4-1 ฟ้องให้เห็นตำตาว่า เร้ด แมชีน ไม่เหลือความน่าเกรงขามของทีมที่มีลุ้นซิวแชมป์ครบทั้งสี่รายการเมื่อซีซั่นก่อนอีกต่อไปแล้ว

1.หงส์ ขยาดเกมเยือน นาโปลี

แม้ทีมรองจ่าฝูง เซเรียอา จะเปลี่ยนชื่อสนามจาก ซาน เปาโล มาเป็น ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า อย่างเป็นทางการแล้วเพื่อเป็นเกียรติแก่ตำนานคนดังผู้ล่วงลับ แต่ถึงวันนี้สังเวียนแข้งของ นาโปลี ยังเป็นของแสลงสำหรับ ลิเวอร์พูล ไม่เปลี่ยน

ก่อนหน้านี้ ทั้งสองทีมเคยเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มที่นี่มาแล้วสองหน และเป็นทีมเจ้าบ้านที่พิชิต เครื่องจักรสีแดง ได้ทั้งสองเกมด้วยสกอร์ 1-0 และ 2-0 ในซีซั่น 2018/19 และ 2019/20

และในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ต้องเดินออกจากสนามแห่งนี้ในฐานะผู้แพ้อีกจนได้ แถมสกอร์ยับเยินมากขึ้นอีกด้วย จะมีดีก็แค่ว่า หลุยส์ ดิอาซ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะ หงส์แดง ที่ยิงประตูแรกในสังเวียนแข้งแห่งนี้ได้สำเร็จ

2. การเริ่มเกมที่เลวร้าย

ผ่านมาถึงขณะนี้ ลิเวอร์พูล ยังแก้ปัญหาเสียประตูอย่างรวดเร็วก่อนหน้าทีมคู่แข่งไม่ตก

เพียงแค่นาทีที่ 5 พวกเขาก็เสียลูกโทษให้ นาโปลี ทะยานนำก่อน และนับจากนั้นสถานการณ์ก็เข้าทางทีมดังของ เซเรียอา ตามระเบียบก่อนที่ทีมของ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ จะเผด็จศึก เครื่องจักรสีแดง หงายเก๋งพร้อมสานต่อสถิติยังแพ้ไม่เป็นในซีซั่นนี้ได้ต่อไป

สำหรับ หงส์แดง การโดนเจาะไข่แดงก่อนในเกมวันพุธนับเป็นนัดที่ห้าในทุกรายการของซีซั่นนี้แล้วที่พวกเขาตกเป็นรองทีมคู่แข่งก่อนซึ่งเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดเทียบเท่ากับ เซาธ์แฮมป์ตัน

3.โกเมซ และ ซาลาห์

นอกจาก ลิเวอร์พูล จะตาข่ายขาดก่อน และอย่างรวดเร็วแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นาโปลี สร้างปัญหาให้กับทีมจากอังกฤษได้อย่างสบายในหลายๆจังหวะที่พวกเขาเปิดเกมรุก

ที่แน่ๆ โจ โกเมซ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวบ่อน้ำมันเสียคนสองหนเห็นๆชนิดไม่คิดเข็ดหลาบกับการโดน วิคเตอร์ โอซิมเฮน และ ควิช่า ควารัตสเคเลีย ฉกบอลหนีไปได้ในการดวลเดี่ยว และกลายเป็นการเสียประตูเพิ่มอีกลูกให้กับทีมเจ้าบ้านจากการเข้าฮอสของ โจวานนี่ ซิเมโอเน่ ตัวสำรองที่ลงมาแทนกองหน้า ไนจีเรีย ที่บาดเจ็บ และคลำเป้าได้ทันทีในเกมประเดิมสนามถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยเวลาแค่สามนาทีที่ลูกชายของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือทีม แอตเลติโก มาดริด ได้อยู่ในสนาม

ด้วยเหตุนี้ มันจึงสะท้อนให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล คิดผิดมหันต์ที่ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับ โกเมซ ซึ่งไม่เคยโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจเลย แถมขยันเจ็บอีกต่างหาก กระทั่งเจ้าตัวมายื่นดาบให้ฝ่ายตรงข้ามทิ่มแทงทีมตัวเองจนได้ในเกมนี้

ลงเอยแล้ว ลิเวอร์พูล จึงแพ้ในเกมหูใหญ่ยับเยินที่สุดจากสกอร์ 4-1 เทียบได้กับที่พวกเขาเคยพ่ายสองทีมจาก ลา ลีกา ทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์ซ่า ด้วยสกอร์ 3-0 ในปี 2014 และ 2019

ด้าน โม ซาลาห์ ก็ไม่อาจเป็นที่พึ่งในการผลิตตาข่ายสำหรับ หงส์แดง เหมือนเคยอีกแล้วในซีซั่นนี้เนื่องจากดาวยิงทีมชาติ อียิปต์ ยังมีปัญหาเท้าบอดอย่างต่อเนื่อง สร้างผลงานไม่คุ้มกับที่สโมสรตกลงต่อสัญญาใหม่เลยสักนิด

สำหรับซีซั่นนี้ คิง ออฟ อียิปต์ สอยตาข่ายในลีกให้ หงส์แดง ได้แค่สองเม็ดเท่านั้น มันจึงสมควรแก่เวลาแล้วที่ คล็อปป์ จะต้องดร็อปดาวดังวัย 30 ปีให้นั่งข้างสนามบ้างเผื่อว่าอะไรๆจะดีขึ้น

4.รู้จัก เมสซี่ จอร์เจีย

ควิช่า ควารัตสเคเลีย ชื่ออาจเรียกยากบรรลัย แต่หมอนี่แหละที่ได้รับการขนานนามให้เป็น เมสซี่ แห่ง จอร์เจีย

และจากฟอร์มสุดยอดของเขาในเกมบู๊กับ ลิเวอร์พูล จึงไม่แปลกเลยว่าทำไม นาโปลี จึงมีผลงานการออกสตาร์ตในซีซั่นนี้ที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

ในวัยเพียง 21 ปี ปีกดาวรุ่งทีมชาติ จอร์เจีย สร้างชื่อได้อย่างน่าทึ่งใน เซเรียอา ทั้งๆที่เขาเพิ่งย้ายมาจากทีมในบ้านเกิด ดินาโม บาตูมี่ ในซัมเมอร์นี้นี่เองด้วยค่าตัวเพียงแค่ 9 ล้านปอนด์

และจากการได้ลงเล่นในลีกมะกะโรนีห้านัด ควารัตสเคเลีย เจ้าของเสื้อหมายเลข 77 ซัดไปแล้วสี่ประตู และห้าแอสซิสต์ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวกับหนึ่งในลีกใหญ่ของยุโรปที่ร้อนแรงเกินห้ามใจอย่างแท้จริง

และในที่สุด หงส์แดง ก็โดนฝีเท้าของเขาเล่นงานเข้าให้เต็มๆเช่นเดียวกับหลายๆทีมในเมืองพิซซ่าที่รู้จักพิษสงของดาวรุ่งรายนี้กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

5.เกมหน้าของทั้งสองทีม

สำหรับนัดต่อไป ลิเวอร์พูล จะเจองานหนักด้วยการเปิดบ้านต้อนรับ อาแจ็กซ์ ซึ่งระเบิดฟอร์มขยี้ เรนเจอร์ส เละเทะชนิดสู้กันไม่ได้ 4-0 วันที่ 13 ก.ย.หลังผ่านพ้นเกมปะทะกับ วูล์ฟส์ ในศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม แอนฟิลด์ วันที่ 10 ก.ย.

และหากว่า คล็อปป์ ยังสะสางปัญหาเกมรับห่วยแตก เกมรุกฝืดสนิทไม่ตก หงส์แดง ก็ต้องระวังให้ดีเนื่องจากแชมป์ลีกดัตช์เป็นทีมที่มีเกมรุกจัดจ้าน และหลากหลายแม้ในช่วงซัมเมอร์พวกเขาจะขายสตาร์ดังออกไปหลายรายก็ตาม

ส่วน นาโปลี ซึ่งเด็ดปีก หงส์แดง ได้อย่างงดงาม 4-1 จะต้องออกไปเยือนบ้างในนัดสองโดยมีโปรแกรมปะทะกับ เรนเจอร์ส หลังจากพวกเขาลงเล่นเกมลีกเปิดบ้านบู๊กับ สเปเซีย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว