เกมระหว่าง ทีมชาติไทย พบ มาเลเซีย ในวันนี้มีตั๋วนัดชิงขนะเลิศ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 48 เป็นเดิมพัน ว่าแล้วจึงขอจัดตัวแบบ 'คาดการณ์' ให้คุณได้อ่าน ลองดูกันว่าจะตรงใจคุณบ้างหรือไม่!!


ผู้รักษาประตู : กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล


แม้ว่า กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก จอมหนึบจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด น่าจะมีโอกาสมากกว่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟอร์มของ กัมพล กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะฤดูกาล 2022-23 เล่นไป 5 เกม เสียแค่ลูกเดียว แถมยังเซฟจุดโทษมาแล้ว 1 ครั้ง อีกต่างหาก


แบ็กขวา : นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม


ชั่วโมงนี้ นฤบดินทร์ คือเบอร์หนึ่งในทางเลือกของแบ็กขวาอย่างแท้จริง ด้วยมาตรฐานการเล่นที่สม่ำเสมอ รับ-รุกดีพอๆ กัน พละกำลังล้นเหลือ จนทำให้ ทริสต็อง โด ซึ่งเป็น 'ลูกรัก' ของ มาโน่ โพลกิ้ง ต้องหลุดทีมไป


เซนเตอร์ฮาล์ฟ : พรรษา เหมวิบูลย์


ด้วยประสบการณ์ในนามทีมชาติไทย ที่มากกว่าใครในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง ยังไงเสีย พรรษา ได้เป็นตัวยืนแน่ๆ บวกกับเรื่องของรูปร่างและทางบอลที่ไว้ใจได้ ทำให้เขาคือตัวเลือกแรกๆ ของทัพช้างศึกมาโดยตลอดในระยะหลัง


เซนเตอร์ฮาล์ฟ : กฤษดา กาแมน


กับ ชลบุรี - กฤษดา ถูกขยับไปเป็นมิดฟิลด์อย่างเต็มตัว ทว่าพอมาทีมชาติ ยิ่งในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งในระดับอาเซียน อเล็กซานเดร โพลกิ้ง มักจะจับเขาไปยืนกองหลัง โดยที่มีอิสระในการบิวต์-อัพเกมจากแดนหลัง ซึ่งนั่นน่าจะทำให้กัปตันฉลามชลได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ


แบ็กซ้าย : ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์


น่าจะถึงเวลาที่ฟูลแบ็กวัย 20 ปี ได้เฉิดฉาย บวกกับการที่ มาโน่ อาจจะดัน ธีราทร บุญมาทัน ไปเล่นกองกลาง และฟอร์มของ ฉัตรมงคล ก็สม่ำเสมอมาตั้งแต่ซีซั่นที่ผ่านมา จนถึงฤดูกาลปัจจุบันที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้เขามีโอกาสได้ลงสนามในนามทีมชาติไทย เป็นครั้งแรกในชีวิต ในเกมที่จะพบมาเลเซีย นี่แหละ


กองกลาง : จักรพันธ์ แก้วพรม


กัปตันทีม ราชบุรี พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 'อายุเป็นเพียงตัวเลข' ในวัย 34 เขายังโลดแล่นใน ไทยลีก ได้สบายๆ แถมยังฟอร์มร้อนฉ่าเกินห้ามใจ กับการทำไป 3 แอสซิสต์ และยิงได้ 1 ประตู ด้วยประสบการณ์ที่มี บวกกับการเล่นอันชาญฉลาด น่าจะทำให้ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง จิ้มชื่อ จักรพันธ์ อยู่ในโผตัวจริง


กองกลาง : ธีราทร บุญมาทัน


ถูกขยับมาเล่นกองกลางในระดับสโมสร และก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากๆ กับการจ่ายบอลประเภทได้-เสียที่สร้างความแตกต่างให้ทีมได้ในชั่วพริบตา ซึ่งเมื่อบวกกับเหลี่ยมฟุตบอล รวมไปถึงคลาสที่มี ทำให้ ธีราธร มีโอกาสสูงที่จะออกสตาร์ตในตำแหน่งมิดฟิลด์ เนื่องจากแบ็กซ้าย ฉัตรมงคล ก็พร้อมจะทำหน้าที่แทน


กองกลางตัวรุก : ชนาธิป สรงกระสินธ์


แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขากับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ จะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ในนามทีมชาติ ยังไงตำแหน่งเพลย์เมเกอร์ผู้รังสรรค์เกมรุกก็ต้องให้ ชนาธิป ลงสนาม เพราะด้วยสกิลการเอาตัวรอด รวมไปถึงคิลเลอร์พาสที่เกิดขึ้นได้ในทุกวินาที


กองหน้าฝั่งขวา : ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว


จริงๆ แล้ว ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา คืออีกคนที่มีโอกาสสูงที่จะออกสตาร์ตเป็นตัวจริง ทว่าแนวรุกจาก บุรีรัมย์ ยังมีจุดด้อยตรงเกมรับ ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ ชาญณรงค์ นักเตะพรสวรรค์สูงของ ชลบุรี มีเหนือกว่า เพราะเมื่อเทียบฟอร์มการเล่นแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ต่างกันนัก ขึ้นอยู่ว่า มาโน่ จะใช้ประโยชน์จากตรงไหนมากกว่ากันเท่านั้นเอง


กองหน้าตัวเป้า : ศุภชัย ใจเด็ด


5 ประตู จาก 6 เกม ที่ลงสนาม คือสิ่งที่พิสูจน์ความเก่งกาจของศูนย์หน้าชาวปัตตานี ได้เป็นอย่างดี เวลานี้เขาพัฒนาตัวเองไปได้ไกลขึ้นเรื่อยๆ ฉลาดในการเล่น, ไหวพริบดีและมีความเฉียบขาดในการจบสกอร์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ศุภชัย จึงถูกมองว่าจะก้าวมาเป็นตัวแทนของ ธีรศิลป์ แดงดา ในอนาคต


กองหน้าฝั่งซ้าย : สุภโชค สารชาติ


เริ่มฉายความเก่งกาจใน เจลีก ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่จำนวนนาทีในการลงสนามยังน้อยอยู่ก็ตาม แต่ด้วยพิษสงของ สุภโชค ที่รายล้อมด้วยความอันตรายทุกจังหวะ เขานี่แหละคือนักเตะที่จะเพิ่มมิติในแนวรุกให้กับทีมชาติไทย อีกทั้งแฟนๆ จะได้เห็นกันแบบเต็มๆ ตาด้วยว่าพัฒนาการของแนวรุกชาวศรีสะเกษ รุดหน้าไปได้ไกลเพียงใดแล้ว