4เทพผู้ดีมาครบ,เรอัล-บาเยิร์น ไม่พลาด! สรุป 16 ทีมลุยรอบน็อกเอาต์ชปล.
Posted 03/11/2022 by siamsport
ศึกลูกหนัง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2022/23 ผ่านพ้นรอบแบ่งกลุ่มเป็นที่เรียบร้อย โดยที่ใช้เวลาฟาดแข้งแบบรวบรัดแค่เกือบ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เพราะมีศึกฟุตบอลโลก 2022 รออยู่ และข้างล่างนี้คือโฉมหน้า 16 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ ซึ่งแชมป์เก่า เรอัล มาดริด รวมถึง ลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่า ต่างมาตามนัด เช่นเดียวกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ยังคงมาตรฐานสูงเหมือนเดิม สำหรับการแข่งขันในถ้วย "บิ๊ก เอียร์ส" ส่วนยักษ์ใหญ่ที่ไม่ได้ไปต่อ ก็มีอย่าง บาร์เซโลน่า, แอตเลติโก มาดริด, ยูเวนตุส และ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
- นาโปลี (แชมป์กลุ่ม เอ)
ผลงาน : ชนะ 5, เสมอ 0, แพ้ 1, ยิงได้ 20, เสีย 6 (+14), 15 แต้ม
ซีซั่นนี้ ทีมจ่าฝูง เซเรีย อา ภายใต้การนำทัพของกุนซือ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดทั้งในลีกและถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเฉพาะในรายการหลัง พวกเขาถือว่าทำผลงานได้ดีเกินคาด ผ่านเข้ารอบแบบสบายๆ ด้วยการคว้าชัยรวด 5 นัดแรก ซึ่งก็รวมถึงชัยชนะ 4-1 เหนือ ลิเวอร์พูล ที่บ้านตัวเอง และการบุกไปยำโหด อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 6-1 ที่ โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า
- ลิเวอร์พูล (รองแชมป์กลุ่ม เอ)
ผลงาน : ชนะ 5, เสมอ 0, แพ้ 1, ยิงได้ 17, เสีย 6 (+11), 15 แต้ม
รองแชมป์จากฤดูกาลที่แล้ว ออกสตาร์ตแบบสุดช็อก เพราะบุกไปพ่าย นาโปลี ยับเยินด้วยสกอร์ 1-4 ทว่าหลังจากนั้นทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เดินหน้าเก็บชัยชนะรวด 5 นัด ซึ่งก็รวมถึงการแก้แค้น นาโปลี ที่ แอนฟิลด์ (ชนะ 2-0) เมื่อคืนวันอังคาร พร้อมลิ่วสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบหล่อๆ แม้เป็นแค่อันดับสองก็ตาม (แต้มเท่ากับ นาโปลี แต่ ลิเวอร์พูล มีสถิติ "เฮด-ทู-เฮด" เป็นรอง)
- ปอร์โต้ (แชมป์กลุ่ม บี)
ผลงาน : ชนะ 4, เสมอ 0, แพ้ 2, ยิงได้ 12, เสีย 7 (+5), 12 แต้ม
ยักษ์ใหญ่จากโปรตุเกส เปิดฉาก 2 เกมแรกแบบแพ้รวด และหนึ่งในนั้นคือการพ่าย คลับ บรูช คาบ้าน 0-4 แต่สุดท้าย ปอร์โต้ ที่มี เมห์ดี้ ทาเรมี่ หัวหอกชาวอิหร่าน เป็นดาวเด่น กลับกลายเป็นแชมป์กลุ่ม เพราะเดินหน้าโกย 12 คะแนนเต็ม จาก 4 เกมต่อมา
- คลับ บรูช (รองแชมป์กลุ่ม บี)
ผลงาน : ชนะ 3, เสมอ 2, แพ้ 1, ยิงได้ 7, เสีย 4 (+3), 11 แต้ม
ถือเป็นทีมจอมเซอร์ไพรส์ประจำทัวร์นาเมนต์เลยก็ว่าได้ เพราะทีมดังจากเบลเยียมทีมนี้ ถือเป็นทีมแรกๆ ที่การันตีการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย และที่สุดยอดมากๆ คือ พวกเขาเก็บคลีนชีตได้ถึง 5 เกม
- บาเยิร์น มิวนิค (แชมป์กลุ่ม ซี)
ผลงาน : ชนะ 6, เสมอ 0, แพ้ 0, ยิงได้ 18, เสีย 2 (+16), 18 แต้ม
ถึงแม้ผลงานในลีกดูต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก "เสือใต้" ยังคงมีมาตรฐานที่สูงปรี๊ด และเล่นได้โดดเด่นกว่าชาวบ้านเสมอ ทั้งๆ ที่ฤดูกาลนี้ถูกมองว่าอยู่ในกลุ่มแห่งความตาย หรือ "กรุ๊ป ออฟ เดธ" แท้ๆ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นงานง่ายสำหรับ บาเยิร์น ที่คว้าชัยชนะได้แบบ 100% ซึ่งถือเป็นทีมเดียวในซีซั่นนี้ ที่ทำสถิติดังกล่าวได้ และนับเป็นซีซั่นที่สองติดต่อกันแล้ว ที่ บาเยิร์น คว้าชัยรวดทั้ง 6 เกมในรอบแบ่งกลุ่มถ้วย "บิ๊ก เอียร์ส"
- อินเตอร์ มิลาน (รองแชมป์กลุ่ม ซี)
ผลงาน : ชนะ 3, เสมอ 1, แพ้ 2, ยิงได้ 10, เสีย 7 (+3), 10 แต้ม
"งูใหญ่" ของกุนซือ ซิโมเน่ อินซากี้ การันตีเข้ารอบตาม บาเยิร์น ตั้งแต่แมตช์เดย์ที่ห้า ที่พวกเขาเปิดบ้านยำ วิคตอเรีย พิลเซ่น 4-0 โดยที่ตลอด 6 เกม พวกเขาแพ้ให้กับ "เสือใต้" เพียงทีมเดียว (แพ้ด้วยสกอร์ 0-2 ทั้งเยือนและเหย้า)
- ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (แชมป์กลุ่ม ดี)
ผลงาน : ชนะ 3, เสมอ 2, แพ้ 1, ยิงได้ 8, เสีย 6 (+2), 11 แต้ม
ถือเป็นกลุ่มที่ทั้งสี่ทีมมีลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้าย และเป็น "ไก่เดือยทอง" ของกุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เข้าป้ายคว้าแชมป์กลุ่ม หลังบุกไปพลิกเชือด โอลิมปิก มาร์กเซย 2-1 เมื่อคืนวันอังคาร โดยที่มาได้ประตูชัยในนาทีที่ 90+4 จาก ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก
- ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต (รองแชมป์กลุ่ม ดี)
ผลงาน : ชนะ 3, เสมอ 1, แพ้ 2, ยิงได้ 7, เสีย 8 (-1), 10 แต้ม
แชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ลบคำสบประมาท ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ ในฐานะทีมอันดับสอง ได้อย่างน่าประทับใจ โดยที่พวกเขาเร่งเครื่องคว้าชัยใน 2 เกมสุดท้ายที่เจอกับ โอลิมปิก มาร์กเซย และ สปอร์ติ้ง ลิสบอน (ชนะ 2-1 ทั้งสองเกม)
- เชลซี (แชมป์กลุ่ม อี)
ผลงาน : ชนะ 4, เสมอ 1, แพ้ 1, ยิงได้ 10, เสีย 4 (+6), 13 แต้ม
แชมป์เมื่อฤดูกาล 2020/21 เปิดหัว 2 เกมแรกได้อย่างน่าผิดหวัง (แพ้ 1, เสมอ 1) แต่ไปๆ มาๆ พวกเขาสามารถการันตีการเป็นแชมป์กลุ่มได้ตั้งแต่ก่อนถึงนัดสุดท้าย ซึ่งก็ต้องขอบคุณการคว้าชัยรวดในเกมที่ 3-5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตบ เอซี มิลาน แบบสวยๆ ทั้งเกมเหย้า (3-0) และเยือน (2-0)
- เอซี มิลาน (รองแชมป์กลุ่ม อี)
ผลงาน : ชนะ 3, เสมอ 1, แพ้ 2, ยิงได้ 12, เสีย 7 (+5), 10 แต้ม
"ปีศาจแดง-ดำ" ทำได้ตามเป้า สำหรับการเข้ารอบตาม เชลซี หลังเปิดบ้านอัด ซัลซ์บวร์ก 4-0 ในเกมสุดท้าย เมื่อคืนวันพุธ ซึ่งถือเป็นการผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก หนแรกในรอบ 9 ปี ของสโมสร
- เรอัล มาดริด (แชมป์กลุ่ม เอฟ)
ผลงาน : ชนะ 4, เสมอ 1, แพ้ 1, ยิงได้ 15, เสีย 6 (+9), 13 แต้ม
"ราชันชุดขาว" แชมป์เก่าจากฤดูกาลที่แล้ว และเป็นแชมป์ 14 สมัย ไม่พลาดกับการเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่ม หลังเปิดบ้านถล่ม เซลติก 5-1 ส่งท้าย เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ถึงแม้ฟอร์มฝืดไม่ชนะสองนัดติดในแมตช์ที่ 4 และ 5 (บุกเจ๊า ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 1-1 และบุกแพ้ แอร์เบ ไลป์ซิก 2-3) ก็ตาม
- แอร์เบ ไลป์ซิก (รองแชมป์กลุ่ม เอฟ)
ผลงาน : ชนะ 4, เสมอ 0, แพ้ 2, ยิงได้ 13, เสีย 9 (+4), 12 แต้ม
ไลป์ซิก ของกุนซือ มาร์โค โรเซอ พลิกสถานการณ์เข้ารอบได้อย่างสุดยอด ทั้งที่ผ่าน 2 เกมแรก มี 0 แต้ม โดยพวกเขาเดินหน้าคว้าชัยรวดใน 4 เกมหลังสุด ซึ่งก็รวมถึงชัยชนะ 3-2 เหนือ เรอัล มาดริด ที่ เร้ดบูลล์ อารีน่า เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเลยทีเดียว
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (แชมป์กลุ่ม จี)
ผลงาน : ชนะ 4, เสมอ 2, แพ้ 0, ยิงได้ 14, เสีย 2 (+12), 14 แต้ม
ทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะทีมจ่าฝูงได้สบายๆ ตามคาด ซึ่งถึงแม้ผลงานไม่ได้โหดเหมือนฤดูกาลก่อนๆ แต่นั่นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ขณะที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิงตัวเก่ง กระทุ้งไปแล้วถึง 5 ประตู จากการลงเล่นเพียง 4 นัด
- โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (รองแชมป์กลุ่ม จี)
ผลงาน : ชนะ 2, เสมอ 3, แพ้ 1, ยิงได้ 10, เสีย 5 (+5), 9 แต้ม
"เสือเหลือง" จูงมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้ารอบ หลังจากที่ทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0 ที่ ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่แข้งดาวเด่นประจำทีมคือ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางชาวอังกฤษ ที่กดไปแล้วถึง 4 ประตู ในรายการนี้
- เบนฟิก้า (แชมป์กลุ่ม เอช)
ผลงาน : ชนะ 4, เสมอ 2, แพ้ 0, ยิงได้ 16, เสีย 7 (+9), 14 แต้ม
"เหยี่ยวลิสบอน" แซง เปแอสเช เป็นแชมป์กลุ่มเฉยเลย หลังเกมสุดท้ายเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา พวกเขาบุกไปยำใหญ่ มัคคาบี้ ไฮฟา 6-1 โดยถึงแม้ทั้งสองทีมมีสถิติเท่ากันหมด ทั้งแต้ม, ประตูได้, ประตูเสีย, ผลต่าง หรือแม้แต่สถิติ "เฮด-ทู-เฮด" ทว่า เบนฟิก้า มาเชือดเฉือนตรงที่พวกเขาทำประตูนอกบ้านถึง 9 ลูก ซึ่งมากกว่า เปแอสเช ที่ทำได้ 6 ลูก ซึ่งด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ทีมของกุนซือ โรเจอร์ ชมิดท์ กลายเป็นเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะทีมอันดับหนึ่งแทน
- ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (รองแชมป์กลุ่ม เอช)
ผลงาน : ชนะ 4, เสมอ 2, แพ้ 0, ยิงได้ 16, เสีย 7 (+9), 14 แต้ม
เกมสุดท้ายเมื่อคืนวันพุธ อุตส่าห์บุกไปเชือด ยูเวนตุส 2-1 ถึงเมืองตูริน แต่ประตูช่วงทดเจ็บของอีกสนาม (เบนฟิก้า บุกถล่ม มัคคาบี้ ไฮฟา 6-1) กลายเป็นประตูที่ฉุด เปแอสเช ลงมาเป็นที่สอง เพียงเพราะพวกเขาทำประตูนอกบ้านได้น้อยกว่า "เหยี่ยวลิสบอน" กระนั้น เปแอสเช ของกุนซือ คริสตอฟ กัลทิเยร์ ถือเป็นทีมอันดับสอง ที่ทีมแชมป์จากกลุ่มอื่นๆ คงไม่อยากเจอเป็นแน่
หมายเหตุ : สำหรับการจับสลากประกบคู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายนนี้ โดยการแข่งขันนัดแรกจะฟาดแข้งในวันที่ 14, 15, 21 และ 22 กุมภาพันธ์ ปีหน้า ส่วนนัดสองจะเตะกันในวันที่ 7, 8, 14 และ 15 มีนาคม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เชลซีได้แชมป์กลุ่ม! สเตอร์ลิ่ง ยิงเจ๊า-ซากาเรีย ประเดิมซัดสอย ซาเกร็บ ศึกชปล.
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม อี นัดสุดท้าย คืนวันพุธที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา "สิงห์บลูส์" เชลซี เพิ่งแพ้ยับให้ ไบรท์ตัน ส่วนถ้วยนี้เข้ารอบไปแล้วเพียงแต่จบแชมป์กลุ่มหรือไม่เท่านั้น เกรแฮม พ็อตเตอร์ ขนผู้เล่นชุดใหญ่ "สเตอร์ลิ่ง-โอบาเมยอง" นำทัพดวล ดินาโม ซาเกร็บ ที่มีสิทธิ์ซิวที่สามไปเพลย์ออฟในศึกยูโรปาลีก เจ้าถิ่นช็อกตามหลังเพียงเจ็ดนาทีแรก ซาเด็กห์ โมฮาร์รามี่ วางบอล...อัลวาเรซ ยิงหนึ่ง-จ่ายสอง! แมนซิตี้ รัว3เม็ดครึ่งหลังดับเซบีย่า ลิ่วน็อคเอาท์ชปล.
แมนฯ ซิตี้ แม้จะตามหลัง เซบีย่า ก่อนในครึ่งแรก ทว่าครึ่งหลังได้ ริโก ลูอิส แบ็กวัย 17 ปี กระทุ้งประตูแรกในนัดเปิดตัวชปล. ก่อนที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่ทั้งยิงและจ่ายมาซัดเม็ดที่สอง และแอสซิสต์อีกเม็ดให้ มาห์เรซ ซัดปิดกล่องพาทีมแซงเอาชนะ 3-1 มีเพิ่มเป็น 14 คะแนน คว้าแชมป์กลุ่ม จี ไปครองพร้อมควง ดอร์ทมุนด์ ลิ่วรอบ 16 ทีมชปล. ส่วน เซบีย่า จบที่ 3 ได้สิทธิ์ไปเล่นในถ้วย ยูโรปา ลีกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอ...เรอัล มาดริด โหดถล่ม เซลติก ซิวแชมป์กลุ่ม จับติ๋ว 16 ทีม ชปล. จันทร์หน้า
เรอัล มาดริด โชว์ฟอร์มสมราคาแชมป์เก่าหลังเรียงหน้าไล่ถล่ม เซลติก ขาดลอย 5-1 เกมนี้มีถึง 3 จุดโทษในครึ่งแรก ทว่าทัพ "ม้าลายเขียว-ขาว" ยิงไปติดเซฟของ กูร์กตัวส์ ส่งผลให้ "ราชันชุดขาว" มีเพิ่มเป็น 13 คะแนน หลังแข่งจบรอบแบ่งกลุ่ม 6 นัด คว้าแชมป์กลุ่ม เอฟ ส่วน เซลติก จมบ๊วยของกลุ่มมีแค่ 2 แต้ม โดยการจับสลากรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 7 พ.ย.นี้ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดสุดท้าย รอบแบ่งกลุ่...แม่นยำ!เทคโนโลยีจับล้ำหน้าช่วยลิเวอร์พูลรอดเสียประตู
ลิเวอร์พูล รอดจากการโดนขึ้นนำไปได้ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยีการจับล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติ หลังจากภาพอนิเมชั่นมันแสดงให้เห็นว่าหัวของ เลโอ ออสติการ์ด ล้ำหน้านิดหน่อยชนิดที่ถ้ามองด้วยตาเปล่าก็อาจจะมองไม่เห็น
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
แห้ว 3 หนเกินพอแล้ว!บ่อนชูกุนซือทีมพรีเมียร์ลีกเต็งคุม บาเยิร์น
บอกเพื่อน (อีกแล้ว)! โธมัส ทูเคิ่ล กระสันนั่งเก้าอี้กุนซือ แมนยู แทน เอริค เทน ฮาก
วิเคราะห์บอล เรอัล มาดริด พบ กาดิซ วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2567
เจดอน ซานโช่ รับยังไม่รู้กลับ แมนยู หรืออยู่ ดอร์ทมุนด์ ต่อ
อาจเปลี่ยนได้!เผยทีมวาง ชปล. ซีซั่นหน้าจากคะแนนปัจจุบัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
"ศุภชัย" ซัดเบิ้ล! ไทย ทุบ คีร์ก...
โดนรัวครึ่งหลัง! ไทย บุกพ่าย ญี่...
คลิปไฮไลท์