ส่องชัด ๆ ฟุตบอลโลก 2022 คนไทยจะได้ดูหรือไม่ คาดใช้งบ กสทช. แต่อาจต้องดึงเอกชนเข้าร่วม เบื้องต้นชัวร์แล้ว ถ่ายทอดสดช่องทางไหน

           ใกล้เข้ามาเต็มที่แล้วสำหรับการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งจะแข่งขันกันที่ประเทศกาตาร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่ากระแสในไทยกลับไม่คึกคักเท่าที่ควร ปัจจัยหลักเป็นความไม่ชัดเจนเรื่องการจะได้รับชมหรือไม่ เพราะจนถึงปัจจุบัน (3 พฤศจิกายน) ไทยยังคงไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก แต่อย่างใด

           เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยกำชับให้ กกท. เร่งดำเนินการประสานงาน กสทช. ให้คนไทยได้ชมการถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022 ประเทศกาตาร์ (21 พฤศจิกายน -18 ธันวาคม 2565) นี้

           ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ThaiPBS รายงานว่า ตัวเลขที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เสนอไปยัง กสทช. คือ จำนวน 1,600 ล้านบาท ในขณะที่ กสทช. มีเงินในกองทุนเหลือเพียง 900 ล้านบาท จึงให้ กกท.ไปทำรายละเอียด และคุยกับเอเจนซี่เพื่อขอลดราคา คาดว่าจะมีความชัดเจนในวันนี้ (3 พฤศจิกายน) นอกจากนี้ ยังต้องดึงเอกชนเข้ามาร่วมลงขันซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับเอกชนที่เป็นเจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์ 2 รายในประเทศ แต่ยังยึดฟูลแพ็กเกจ ถ่ายทอดสดครบทั้ง 64 นัด

ช่องทางการถ่ายทอดสด บอลโลก 2022 ในไทย

           -  ผู้ดำเนินการถ่ายทอดสด ได้ข้อสรุปแน่นอนแล้วว่า กกท. จะเป็นศูนย์กลางถ่ายทอด ผ่านช่องหลัก T-Sport ส่วนสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น ๆ ยังไม่มีการติดต่อเข้ามา

           - การถ่ายทอดบอลโลก 2022 ในไทย จะครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ทั้งฟรีทีวี เพย์ทีวี ออนไลน์ และการรับชมผ่านแอปพลิเคชัน เป็นไปได้ที่ส่วนหนึ่งจะดูสดทางฟรีทีวี และบางนัดจะต้องดูทางเพย์ทีวีที่มีค่าบริการ

ประเทศในอาเซียน กับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด บอลโลก 2022

           จากข้อมูลพบว่าในกลุ่มประเทศอาเซียน มีเพียง ไทย ลาว และเมียนมา เท่านั้นที่ยังไม่ได้ตกลงซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก ราคาที่ฟีฟ่า (FIFA) กำหนดให้ไทยมีราคาค่อนข้างสูง โดยประเมินจากความนิยมฟุตบอลในประเทศและขนาดของเศรษฐกิจ ซึ่งไทยถูกจัดให้อยู่ในระดับเดียวกับมาเลเซีย

           เบื้องต้น ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดครบ 64 นัด อยู่ที่ 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,444 ล้านบาท ) แต่มาเลเซียเลือกถ่ายทอดสดทางฟรีทีวี จำนวน 27 นัด และเทปถ่ายทอดอีก 9 นัด ใช้เงินประมาณ 261 ล้านบาท

           ขณะที่ เวียดนาม ซื้อในราคาราว 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 532 ล้านบาท) เนื่องจากฟีฟ่าประเมินขนาดของเศรษฐกิจของเวียดนามเล็กกว่าไทย ส่วน ฟิลิปปินส์ ถ่ายทอดสดทางเพย์ทีวี ซื้อในราคาประมาณ 1,306 ล้านบาท, อินโดนีเซีย ซื้อในราคาประมาณ 1,596 ล้านบาท ด้าน สิงคโปร์ เป็นประเทศที่ซื้อแพงที่สุดในอาเซียน โดยถ่ายทั้ง 64 นัด ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ราคา 2,636 ล้านบาท และมีเพียง 9 นัด เท่านั้นที่ถ่ายทอดสดทาง ฟรีทีวี