นับเป็นข่าวเศร้าของวงการฟุตบอลทั่วโลก หลังจากที่ เปเล่ ตำนานกองหน้าชาวบราซิเลี่ยนเสียชีวิตลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้เขาต้องจากโลกนี้ไปด้วยวัย 82 ปี

ในช่วงที่ยังค้าแข้งอยู่นั้น เปเล่ เป็นนักเตะที่เก่งกาจจนหลายคนยกให้เขาเป็นเบอร์ 1 ของโลกในช่วงนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เขามีผลงานที่ยังเป็นสถิติมาจนถึงทุกวันนี้ด้วย อย่างเช่นการที่เขาเป็นคนที่ได้แชมป์ ฟุตบอลโลก มากที่สุด ที่จำนวน 3 สมัย หรือการที่ กินเนสส์ บุ๊ค จารึกชื่อเขาให้เป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดตลอดกาลที่จำนวน 1,279 ลูกจากการลงเล่น 1,363 นัด

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเรื่องสถิติต่างๆ แล้วนั้น มันยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเจ้าของฉายา "ไข่มุกดำ" อีกถึงหลายเรื่อง และวันนี้เราจะมายกตัวอย่างเรื่องเหล่านั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงเขากัน

- ที่มาของชื่อ

อย่างที่รู้กันดีว่านักฟุตบอลชาวบราซิเลี่ยนหลายคนจะถูกเรียกด้วยฉายามากกว่าชื่อจริง เพราะว่าชื่อจริงของพวกเขานั้นยาวมาก รายของ เปเล่ เองก็เป็นอย่างนั้น แต่ที่จริง "เปเล่" ไม่ใช่ชื่อเล่นแรกของเขา เพราะครอบครัวของเขาเคยเรียกเขาว่า "ดิโก้" และเขาก็ใช้ชื่อเล่นนั้นอยู่หลายปี

แล้วชื่อ เปเล่ มาได้ยังไงน่ะหรือ ? คำตอบก็คือสมัยที่ยังเป็นเด็กนั้นเขาเคยเรียก บิเล่ ผู้รักษาประตูของ วาสโก ดา กาม่า ซึ่งเป็นนักฟุตบอลคนโปรดของเขาว่า "ปิเล่" แน่นอนว่ามันเป็นการออกเสียงที่ผิด บรรดาเพื่อนร่วมห้องของเขาก็เลยตั้งชื่อให้เขาว่า "เปเล่" และเขาก็ถูกเรียกด้วยชื่อนั้นแทน "ดิโก้" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

- สืบสายเลือดยอดกองหน้า

บิดาของ เปเล่ มีชื่อว่า ชูเอา รามอส โด นาสซิเมนโต้ หรือชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ดอนดินโญ่ โดยบิดาของเขาเองก็เคยเป็นนักเตะเหมือนกัน ซึ่งตัว ดอนดินโญ่ นั้นเคยค้าแข้งกับหลายทีมในบราซิล อย่างเช่น อัตเลติโก มิเนยโร่ และ ฟลูมิเนนเซ่

ตำแหน่งของ ดอนดินโญ่ ก็คือกองหน้าเหมือนกับ เปเล่ และครั้งหนึ่ง ดอนดินโญ่ ก็เคยสร้างความฮือฮาด้วยการทำประตูจากลูกโหม่งได้ถึง 5 ลูกในเกมเดียว ซึ่งตลอดชีวิตการเล่นของ เปเล่ เขาไม่สามารถทำตามบิดาได้เลย อย่างดีที่สุดคือการเคยทำประตูจากลูกโขกได้ 4 ลูกภายใน 1 นัด

- ยากจนมาก

เปเล่ ก็เหมือนกับเด็กชาวบราซิเลี่ยนหลายคนที่มีชีวิตวัยเด็กยากจนสุดขีด โดยเขาถึงขั้นเคยต้องเตะบอลตามท้องถนนในสภาพที่เอาหนังสือพิมพ์กับเปลือกแตงโมมายัดใส่ถุงเท้าเพื่อให้มันทำหน้าที่แทนที่ลูกฟุตบอลเลย

นอกจากนี้ มีหลายครั้งที่เขาต้องเล่นฟุตบอลแบบเท้าเปล่าด้วย ซึ่งในเวลาต่อมาเขากับเพื่อนๆ ก็ตั้งทีมกันเองที่ชื่อว่า "เหล่าคนไร้รองเท้า" อีกต่างหาก และนั่นก็ถือเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกในชีวิตของ เปเล่

- ทำ สตอลโลน นิ้วหัก

คอบอลหลายคนน่าจะจำภาพยนตร์เรื่อง Escape to Victory ได้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นหนังระดับตำนานที่มีเกมฟุตบอลเข้ามาเกี่ยวข้องสูงมากๆ แถมนอกจากจะมีดาราระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน กับ ไมเคิ่ล เคน มาแสดงนำแล้วนั้น มันก็ยังมีคนดังในวงการลูกหนังมาร่วมแสดงด้วยหลายคน โดยที่ เปเล่ ก็เป็นหนึ่งในนั้น

หนังเรื่องดังกล่าวออกฉายหลังจากที่ เปเล่ แขวนสตั๊ดไปแล้วราว 4 ปี แต่เมื่อปี 2013 สตอลโลน เคยออกมาเล่าเรื่องลับสุดยอดระหว่างการถ่ายทำหนัง Escape to Victory ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการที่เขาถึงกับนิ้วหักเพราะพยายามจะป้องกันลูกจุดโทษของ เปเล่

สตอลโลน เคยเปิดใจว่า "นั่นเป็นหนึ่งในจุดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผมเลย ผมโดนอัดใส่แบบเต็มแรง! ทุกวันนี้นิ้วของผมยังหักจากการพยายามบล็อกลูกจุดโทษของ เปเล่ อยู่เลย ตอนนั้นเขาใส่รองเท้าแบบที่ใช้กันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือก็คือมีส่วนปลายที่ทำจากเหล็ก ส่วนลูกฟุตบอลตอนนั้นมันก็มีสภาพเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ มันหนาและมีน้ำหนักมากกว่าลูกฟุตบอลแบบในปัจจุบันสัก 2 เท่าได้"

"เขาบอกว่าเขาจะยิงมัน และตอนนั้นผมก็คิดว่า -ก็แค่ซ็อคเกอร์ มันจะหนักหนาสาหัสอะไรกันเชียว ? นี่เป็นเรื่องหมูๆ แน่นอน"

สตอลโลน บอกด้วยว่า เปเล่ เก่งกาจมากจนถึงขั้นยิงให้ลูกตรงไปยังจุดที่เขาบอกกับตนได้อย่างแม่นยำ "เขาตัดสินใจที่จะยิงลูกจุดโทษแล้วบอกผมว่าเขาจะยิงไปยังตรงจุดไหน ตอนนั้นผมก็ยืนรอเซฟอยู่นะ แต่บอลลูกแรกมันผ่านตัวผมไปก่อนที่ผมจะได้ขยับตัวด้วยซ้ำ เขายิงไปยังจุดที่เขาบอกจริงๆ หลังจากนั้นเขาก็ทำอย่างนั้นได้อีก แถมหนนี้บอลมันทะลุตาข่ายไปโดนกระจกของอาคารในค่ายทหารที่เราใช้ถ่ายทำกันด้วย ตอนนั้นผมคิดกับตัวเองเลยว่า -นี่ล้อกันเล่นป่ะเนี่ย ?- มันทำให้ผมเกิดความเคารพในแบบใหม่เลย"

- มีวันพิเศษของตัวเอง

หลายที่ทั่วโลกมีวันพิเศษที่เป็นการสื่อถึงบุคคลที่มีความสำคัญกับพื้นที่นั้นๆ เปเล่ เองก็มีอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะที่ ซานโตส มีการกำหนดให้วันที่ 19 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น "เปเล่ เดย์" โดยสาเหตุเป็นเพราะนั่นคือวันที่ เปเล่ ทำประตูลูกที่ 1,000 ในอาชีพการเล่นของเขาได้นั่นเอง

- หยุดสงคราม (ชั่วคราว)

เมื่อช่วงปี 1967 เปเล่ เคยเดินทางไปยังประเทศไนจีเรียในวาระพิเศษ โดยตอนนั้น ไนจีเรีย อยู่ในช่วงที่เกิดการสู้รบระหว่างทางรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้านอย่างดุเดือด แต่ตอนที่ เปเล่ เดินทางไปที่นั่นมันก็ถึงขั้นมีการทำข้อตกลงสงบศึกเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อที่ทุกคนจะได้ดู เปเล่ โชว์ฝีเท้าเลย

- แฟนคลับเยอะ

อย่างที่รู้กันดีว่า เปเล่ เคยย้ายไปเล่นให้ นิวยอร์ค คอสมอส ทีมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่านั่นทำให้วงการฟุตบอลแดนลุงแซมครึกครื้นกันอย่างมาก โดยมันถึงขั้นที่ว่านักเตะของทีมคู่แข่งหลายคนอยากแลกเสื้อกับ เปเล่ ทุกนัดเลย

ท้ายที่สุดแล้ว คอสมอส ก็ต้องหาทางออกด้วยการเตรียมชุดแข่งของ เปเล่ เอาไว้หลายตัวในช่วงก่อนลงเล่น เพื่อเอาไว้มอบให้บรรดาคู่ต่อสู้หลังจบเกม โดย กอร์ดอน แบรดลี่ย์ หนึ่งในโค้ชของ คอสมอส ในตอนนั้นบอกว่า "เปเล่ เป็นจุดสนใจหลัก บางครั้งเราต้องเตรียมเสื้อไป 25 หรือ 30 ตัว ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีวันได้ออกจากสนามแบบยังมีชีวิตอยู่แน่ๆ"

- ถูกยกเป็นสมบัติของชาติ

ช่วงที่ เปเล่ ยังเล่นอยู่กับ ซานโตส นั้น เขาตกเป็นข่าวกับทีมในชาติทวีปยุโรปอย่างหนัก จนสุดท้ายทางรัฐบาลของ บราซิล ต้องประกาศให้เขาเป็นสมบัติของชาติในปี 1961 เพื่อเป็นการไม่ให้เขาย้ายออกจากประเทศ แต่เงื่อนไขดังกล่าวก็ถูกยกเลิกในเวลาต่อมา

- ภักดีกับ ซานโตส

อย่างที่บอกไปว่าพอผ่านไปสักพักมันก็มีการยกเลิกเงื่อนไขการห้ามออกจากประเทศของ เปเล่ ซึ่งนั่นทำให้ทีมดังในทวีปยุโรปพยายามตามจีบ เปเล่ อย่างหนัก โดยทีมในกลุ่มนั้นมีอย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และ เอซี มิลาน เป็นต้น แต่สุดท้ายก็ไม่มีทีมไหนที่สมหวังเลย

เปเล่ เคยย้อนความหลังเมื่อปี 2015 ว่า "ผมเคยถูกชวนไปเล่นที่ทวีปยุโรปหลายครั้ง ผมเคยถูกชวนไปเล่นที่ เรอัล มาดริด, มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ตอนนั้นผมโอเคกับการอยู่ที่เดิม ตอนนั้น ซานโตส เป็นทีมที่ดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้มันต่างออกไป และสมัยก่อนเราก็ไม่มีพวกเอเยนต์ด้วย ทุกวันนี้นักเตะไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสินใจอีกแล้วว่าพวกเขาจะไปเล่นที่ไหน มันกลายเป็นหน้าที่ของ เอเยนต์"

- ไม่ชอบฉายา เปเล่

แม้ว่าชื่อ เปเล่ จะเป็นที่เรียกได้ง่าย แต่ชายผู้มีชื่อจริงว่า เอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซิเมนโต้ เคยบอกเองว่าในสมัยที่ยังเป็นเด็กนั้นเขาไม่ชอบฉายานี้เลย และอยากให้คนเรียกเขาด้วยชื่อ เอ็ดสัน มากกว่า

ทำไมน่ะหรือ? นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นแฟนตัวยงของ โธมัส อัลวา เอดิสัน นักประดิษฐ์ชื่อดัง และชื่อจริงของเขามันก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกับนามสกุลของ เอดิสัน นั่นเอง โดยเขาเคยเผยเมื่อปี 2019 ว่า "ผมมีวัยเด็กที่มีความสุข ชื่อของผมคือ เอ็ดสัน แต่จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเรียกผมว่า เปเล่ ซึ่งที่จริงผมไม่ชอบมันเลย ผมเริ่มเถียงกับทุกคน ผมเป็นแฟนตัวยงของ โธมัส เอดิสัน เปเล่ คืออะไรกัน ? โธมัส เอดิสัน น่ะเป็นคนสำคัญจะตาย!"