ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » "ฟาส" เศร้าเบิ้ลยิงตัวเอง! ลิเวอร์พูล สุดเฮงบี้ เลสเตอร์ หวิว เฮในลีก 4 นัดติด

"ฟาส" เศร้าเบิ้ลยิงตัวเอง! ลิเวอร์พูล สุดเฮงบี้ เลสเตอร์ หวิว เฮในลีก 4 นัดติด

Posted 31/12/2022 by siamsport

ชนะแบบเขินๆ! ลิเวอร์พูล แม้จะโดน เลสเตอร์ ซิตี้ นำแต่ไก่โห่ ทว่า เว้าท์ ฟาส แนวรับของจิ้งจอกเจอฝันร้ายมาทำเข้าประตูตัวเองสองเม็ดติดๆ ส่งให้ "หงส์แดง" เฉือนคว้าชัยไปแบบสุดเฮง 2-1 คว้าชัยในลีก 4 นัดติด รั้งที่ 6 มี 28 คะแนน จี้ "ผีแดง" อันดับ 5 แต้มเดียว

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2565 ที่สนาม แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล อันดับ 6 รับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 13 

เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียวจากเกมที่บุกชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 โดย ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ลงมาแทน ฟาบินโญ่ โดยสามแนวรุกยังเป็น  โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ และอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน 

ส่วนทางฝั่ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ เลสเตอร์ ซิตี้ ปรับทัพจากเกมที่พ่ายคาบ้านให้ นิวคาสเซิ่ล 0-3 โดยดร็อป ยูริ ตีเลอมันส์ และเจมี่ วาร์ดี้ เป็นสำรอง แนวรุกวาง แพทสัน ดาก้า เป็นหน้าเป้า โดยมีตัวลากเลื้อยอย่าง อโยเซ่ เปเรซ และฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ทางริมเส้น

ก่อนเริ่มเกมนักเตะทั้งสองทีมยืนไว้อาลัยแก่ เดวิด จอห์นสัน อดีตแข้งลิเวอร์พูล และ เปเล่ ตำนานลูกหนังของโลกที่เพิ่งเสียชีวิตไปอย่างสงบในวัย 82 ปี

ออกสตาร์ตเกมมาได้แค่ 4 นาทีแรก "เดอะ ค็อป" ต้องเงียบกริบเมื่อเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายบุกขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ แดนนี่ วอร์ด เตะโด่งขึ้้นมาจากหน้าปากประตู บอลถึง บาร์นส์ ชิ่งจังหวะเดียวให้ แพทสัน ดาก้า ก่อนสะกิดเร็วให้ เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ กระชากควบบอลพาเข้าไปซัดผ่าน อลีสซง เข้าไป

นาที 15 ร็อดเจอร์ส ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็วหลง แพทสัน ดาก้า หัวหอกของทีมเล่นต่อไม่ไหวหลังบาดเจ็บ ต้องส่ง เจมี่ วาร์ดี้ ลงมาเล่นแทน

นาที 16  นูนเญซ เรียกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษหลังโดน ลุค โธมัส แบ็กซ้าย เลสเตอร์ ฟาวล์ใส่ระยะกว่า 23 หลา ก่อนที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะซัดไปติดกำแพง 

นาที 27 แฟนบอลเจ้าบ้านเฮเก้อ หลัง แดนนี่ วอร์ด เปิดบอลหน้าประตูไปติด ซาลาห์ ก่อนที่ แชมเบอร์เลน จะชิ่งคืนให้ ซาลาห์ ซัดเข้าไป ทว่าผู้ตัดสินเป่าเป็นล้ำหน้าก่อนหลัง แชมเบอร์เลน อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนหน้านี้ 

นาที 38 ลิเวอร์พูล ตามไล่ตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ เทรนต์ ครอสบอลมาหน้าประตู เว้าท์ ฟาส พยายามสกัดบอลออกหลังแต่สกัดผิดเหลี่ยมบอลปลิ้นข้ามหัว วอร์ด ก่อนย้อยชนเสาสองข้ามเส้นซุกก้นตาข่ายไป ช่วยให้ "หงส์แดง" ได้ประตูชนิดสุดเฮง

เท่านั้นไม่พอ นาที 45 กลายเป็นฝันร้ายของ เว้าท์ ฟาส ติดๆ หลัง ดาร์วิน นูนเญซ หลุดเข้าไปชิพบอลผ่าน วอร์ด กำลังพุ่งเข้าประตู แต่บอลไปชนเสา แต่เจ้ากรรม เว้าท์ ฟาส วิ่งไปพยายามจะสกัดแต่บอลกลายเป็นเข้าประตูตัวเองไป เป็นลูกที่สองของเจ้าตัวในเกมที่ทำเข้าประตูตัวเองส่งให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง นาที 53 ลิเวอร์พูล ชวดได้ประตูที่สามนำห่าง หลัง นูนเญซ แทงบอลทะลุช่องสุดสวยให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปซัดนิ่มๆ แต่บอลหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย

อีกสองนาทีต่อมา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสบอลเข้าไปให้ ดาร์วิน นูนเญซ ขึ้นโขกแต่บอลยังไปตรงตัว แดนนี่ วอร์ด

นาที 78 นูนเญซ ได้โอกาสซัดอีกครั้งแต่เจ้าตัวยิงหลุดกรอบออกไปอย่างน่าผิดหวัง

นาที 82 นูนเญซ ฉกบอลแล้วหนี เว้าท์ ฟาส ไปได้แต่ไม่มีมุมยิงก่อนพยายามไหลให้ ซาลาห์ แต่โดนแข้งเลสเตอร์ทำลายจังหวะกระนั้น ซาลาห์ ตามไปเก็บอีกครั้งก่อนปั่นเสาแรกแต่ แดนนี่ วอร์ด ยังพุ่งปัดออกไปหวุดหวิด

จบเกม ลิเวอร์พูล เบียดเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 คว้าชัยในลีก 4 นัดติด รั้งที่ 6 มี 28 คะแนน จี้ "ผีแดง" อันดับ 5 แค่แต้มเดียวแต่แข่งมากกว่าหนึ่งเกม ส่วน "จิ้งจอกสยาม" แพ้สองนัด มี 17 คะแนน อยู่อันดับ 13 เหมือนเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ (GK) - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (โจ โกเมซ น.86), โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอสตาส ซิมิคาส น.62) - ติอาโก้ อัลคันตาร่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (สเตฟาน บาจ์เซติช น.86) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, 

ดาร์วิน นูนเญซ, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน  (นาบี เกอิต้า น.62)

เลสเตอร์ (4-1-4-1) : แดนนี่ วอร์ด (GK) - ทิโมธี กาสตาญ, ดาเนี่ยล อมาร์ตี้ย์, เว้าท์ ฟาส, ลุค โธมัส - บูบาการี่ ซูมาเร่ - อโยเซ่ เปเรซ (เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ น.71), วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ (ยูริ ตีเลอมันส์ น.59),  เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ - แพทสัน ดาก้า (เจมี่ วาร์ดี้้ น.15)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »