กลายมาเป็นกองหน้าระดับหัวแถวของยุคนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ วิคเตอร์ โอซิมเฮน หัวหอกคนเก่งของ นาโปลี ซึ่งมีแววว่าอาจได้ย้ายมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้า

หลังสร้างชื่อใน เซเรียอา ได้อย่างน่าประทับใจ สตาร์ทีมชาติ ไนจีเรีย ก็ถูกลือว่าเป็นเป้าหมายระดับท็อปของ แมนฯ ยูไนเต็ด เนื่องจาก เอริค เทน ฮาก กุนซือดัตช์กระหายเซ็นสัญญากับดาวยิงคนใหม่ในช่วงซัมเมอร์

นอกจาก โอซิมเฮน แล้ว แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีม สเปอร์ส ก็ถูกโยงกับ ผีแดง เช่นกัน แต่ในฐานะที่เป็นสมบัติสุดหวงของ ไก่เดือยทอง จึงทำให้เชื่อว่าโอกาสที่ดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติ อังกฤษ จะได้ย้ายทีมมีน้อยกว่าพ่อค้าแข้งแอฟริกันซึ่งประกาศชัดเจนแล้วว่าสนใจย้ายมาวาดลวดลายในลีกอิงลิช

จะอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว โอซิมเฮน จะได้อำลา นาโปลี หรือเปล่า เรามาทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นจะดีกว่า

1. น้องเล็กคนสุดท้อง

เกิดที่ ลากอส วันที่ 29 ธ.ค.1998 และเป็นน้องคนสุดท้องจากจำนวนพี่น้องหกคน

2. พระเจ้าทรงยอดเยี่ยม

โอซิมเฮน มีเรื่องราวที่น่าสนใจเนื่องจากนามสกุลของเขามีความหมาย

ตามภาษาท้องถิ่น "โอซิมเฮน" หมายความว่า "พระเจ้าทรงยอดเยี่ยม"

3. มุ่งหน้าสู่ยุโรป

หลังสร้างชื่อในระดับเยาวชนได้ โวล์ฟสบวร์ก ก็เป็นสโมสรของยุโรปรายแรกที่เซ็นสัญญากับ โอซิมเฮน

ดาวยิงผิวสีย้ายจากทีม อัลติเมท สไตรเกอร์ อะคาเดมี่ สโมสรท้องถิ่นใน ลากอส ไปหากินใน บุนเดสลีกา ด้วยค่าตัว 3,970,225 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 1ม.ค.2017 โดยนับเป็นหนึ่งในนักเตะค่าตัวแพงที่สุดที่ย้ายออกจากทีมระดับอนุบาลของแอฟริกาไปค้าแข้งในยุโรป

4. โดดเด่นในศึก ฟุตบอลโลก ชุดยู17

โอซิมเฮน เป็นกำลังสำคัญพาทีมชาติ ไนจีเรีย คว้า แชมป์โลก ชุดยู 17 ปี 2015 ที่ ชิลี โดยเขาพังประตูได้ 10 ลูกจากการลงสนาม 7 นัดของทัวร์นาเมนต์

ไม่เพียงจะครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดเท่านั้น โอซิมเฮน ยังได้รางวัล ซิลเวอร์บอล ด้วยจากการโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นโดยเป็นรองแค่ เคเลชี่ เอ็นวาคาลี่ กองกลางเพื่อนร่วมชาติที่ได้รางวัล โกลเด้นบอล

5. ทุบสถิติ ฟุตบอลโลก ยู17

ในทัวร์นาเมนต์ที่ ชิลี โอซิมเฮน สร้างสถิติในศึก ฟุตบอลโลก ชุดยู 17 ด้วยการระเบิดตาข่าย 10 ประตูจาก 7 นัด ทำลายสถิติที่ยืนยาว 9 ประตูของรายการนี้ที่ ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ หัวหอกทีมชาติ ฝรั่งเศส กับ ซูเลยมาเน่ คูลิบาลี่ ดาวเตะทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ถือครองร่วมกัน

6. นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีป

จากผลงานที่สุดยอดใน ฟุตบอลโลก ชุดยู 17 ปี 2015 ส่งผลให้ โอซิมเฮน ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกาในปี 2015

7. มี ดร็อกบา เป็นไอดอล

ด้วยเหตุที่เฝ้าดู ดิดิเยร์ ดร็อกบา สตาร์ทีม เชลซี สร้างชื่อมาตั้งแต่แรก โอซิมเฮน จึงเอ่ยถึงยอดกองหน้าร่วมทวีปด้วยความชื่นชม

"ดร็อกบา เป็นนักเตะที่ไม่เคยยอมแพ้ และต่อสู้อย่างมีสปิริต เขามีความหิวกระหาย และเอาจริงเอาจังตลอดเวลาในสนาม ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง เขาจะพยายามยิงประตูเพื่อทีม" โอซิมเฮน เอ่ยกับ อีเอสพีเอ็น

8. ปฏิเสธ อาร์เซน่อล

ก่อนที่จะโด่งดังกับ นาโปลี อยู่ในเวลานี้ โอซิมเฮน เกือบได้ค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก มาก่อนด้วยซ้ำ

ย้อนเวลากลับไปในปี 2015 สตาร์ชาว ไนจีเรีย ได้รับข้อเสนอมากมายหลังเริ่มเป็นที่รู้จักโดยหนึ่งในจำนวนนี้ได้แก่ อาร์เซน่อล ชนิดที่เจ้าตัวได้คุยกับ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ เดอะ กันเนอร์ส ในเวลานั้นแล้วด้วย

"ผมคุยกับ อาร์แซน เวนเกอร์ หลังจบทัวร์นาเมนต์ และเขาอยากให้ผมย้ายไปที่ อาร์เซน่อล"

"ผมมีตัวเลือกมากมายทั้ง บาร์เซโลน่า , อินเตอร์ , แอตเลติโก มาดริด , ยูเวนตุส และ ฯลฯ อาร์เซน่อล เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ยังไม่ดีที่สุดในตอนนั้น ผมอยากเริ่มเล่นทันทีตอนที่ผมมีอายุ 18 ปี ผมอยากย้ายไปอยู่กับทีมที่จะมอบเวลาลงสนามให้ผม และ โวล์ฟสบวร์ก แสดงให้ผมเห็นถึงความเป็นไปได้"

9. คว้ารางวัล มาร์ค วิเวียง โฟเอ้

ก่อนที่ซีซั่น 2019/20 ของ ลีกเอิง จะถูกประกาศยกเลิกเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 โอซิมเฮน สร้างผลงานกับ ลีลล์ ด้วยการกระทุ้งได้ 18 ประตูจาก 38 นัดรวมทุกรายการ

จากฟอร์มที่เด็ดขาดของเขามากพอที่จะทำให้เขาได้รางวัล มาร์ค วิเวียง โฟเอ้ ในฐานะนักเตะแอฟริกันยอดเยี่ยมของ ลีกเอิง จากการประกาศของ Radio France International (RFI)

10. ค่าตัวพุ่งกระฉูด

หลังสำแดงเดชกับ ลีลล์ ได้อย่างยอดเยี่ยม โอซิมเฮน ก็ตกเป็นที่สนใจของ นาโปลี ทีมลูกหนังใน เซเรียอา

ในที่สุด เขาก็ย้ายไปค้าเกือกในเมือง เนเปิ้ลส์ ด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโรซึ่งสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 80 ล้านยูโรได้โดยนอกจากจะเป็นสถิติของสโมสรแล้ว มันยังเป็นสถิตินักเตะแอฟริกันที่มีค่าตัวแพงที่สุดในเวลานั้นอีกด้วย

11. มิสเตอร์แฮททริค

หลังเซ็นสัญญากับ นาโปลี โอซิมเฮน ก็กลายเป็นนักเตะคนโปรดของแฟนบอลในทันที

เพียงแค่สองเกมแรกกับสโมสรในปี 2020 ดาวยิง ไนจีเรีย ก็ตะบันแฮททริคได้สองหนในเกมปรีซีซั่นกับ ลากีล่า และ เตราโม่

ด้วยเหตุนี้ อิล โรม่า สื่อยักษ์ของเมืองมะกะโรนีจึงรายงานว่าสาวก นาโปลี ขนานนามให้เขาว่า "มิสเตอร์แฮททริค" มาตั้งแต่นั้น

12. ดาวยิงอันดับเก้าของชาติ

นับตั้งแต่ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในปี 2017 โอซิมเฮน ยิงประตูให้ทีมชาติ ไนจีเรีย ไปแล้ว 15 ประตูจาก 23 เกม

ต่อผลงานดังกล่าวทำให้เขารั้งอันดับเก้าของทำเนียบดาวซัลโวทีม อินทรีมรกต ไล่หลัง อาเหม็ด มูซ่า  หัวหอกทีม ซิวาสสปอร์ กับ โอเดี้ยน  อิกาโล่ กองหน้าทีม อัล ฮิลาล ที่ยิงให้แผ่นดินเกิดได้ 16 เม็ดเท่ากันแค่ประตูเดียว

กระนั้นก็ดี หากจะวัดกันด้วยจำนวนประตูต่อเกม โอซิมเฮน นำหน้าเป็นอันดับหนึ่งที่ตัวเลข 0.68

13. นำหน้าดาวซัลโว เซเรียอา

นอกจากจะพา นาโปลี นำเป็นจ่าฝูงของ เซเรียอา แล้ว โอซิมเฮน ยังนำหน้าเป็นดาวซัลโวของลีกอิตาเลี่ยนเช่นกันจากการกระทุ้งไปแล้ว 21 ประตูเฉพาะในลีกซึ่งนับเป็น 32.8% ของจำนวนประตูที่ต้นสังกัดของเขาทำได้ในขณะนี้

สำหรับศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งทีมของกุนซือ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ รอดวลกับ มิลาน ทีมร่วมลีกในรอบควอเตอร์ไฟนั่ล โอซิมเฮน ยิงได้ 4 ประตู