แม้ว่าก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล จะเสมอในลีกมา 2 นัดติดต่อกัน แต่หลายคนก็เชื่อว่าพวกเขาไม่น่าจะพลาดในการเปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับมือ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อวันศุกร์ที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา เพราะอีกฝ่ายเป็นอันดับสุดท้ายของตารางคะแนนที่ไม่ชนะใครมา 6 นัดติดต่อกันแล้ว

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายกลับกลายเป็น อาร์เซน่อล ซะเองที่ต้องมาลุ้นเหนื่ออยกว่าที่จะสามารถเก็บผลเสมอ 3-3 ได้ และถึงแม้มันจะทำให้ทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า รอดจากการปราชัย แต่มันไม่ได้ส่งผลดีต่อการลุ้นแชมป์ของพวกเขามากนัก เพราะตอนนี้กลายเป็นว่า อาร์เซน่อล เก็บเพิ่มเป็นเพียง 75 คะแนนจากการลงเล่น 32 นัด มากกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5 แต้ม โดยที่ฝั่ง "เรือใบสีฟ้า" ลงเล่นน้อยกว่าอยู่ถึง 2 เกมด้วยกัน ซึ่งนอกจากเรื่องนั้นแล้วมันก็ยังมีเกร็ดบางอย่างที่น่าสนใจจากเกมนี้เช่นกัน

- ดูโอยังบลัด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ อาร์เซน่อล มีลุ้นแชมป์ลีกมาจนถึงตอนนี้เป็นเพราะฟอร์มที่โดดเด่นของทั้ง บูกาโย่ ซาก้า และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ 2 แนวรุกดาวรุ่งของพวกเขา โดยเกมล่าสุดทั้งคู่ทำได้คนละ 1 ประตู แถมกรณีของ ซาก้า ยังทำแอสซิสต์ได้ด้วย

นั่นทำให้เท่ากับว่าฤดูกาลนี้ 2 แนวรุกที่มีอายุ 21 ปีทั้งคู่ต่างก็มีส่วนร่วมกับประตู (การยิงเองและแอสซิสต์) ในลีกเยอะมาก โดยของ ซาก้า อยู่ที่ 23 ลูก ส่วน มาร์ติเนลลี่ มีส่วนร่วมกับประตูแตะหลัก 20 ลูกพอดี และนั่นก็ส่งผลให้นี่เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ที่มีนักเตะอายุไม่เกิน 21 ปีจำนวน 2 คนจากทีมเดียวกันที่มีส่วนร่วมกับการทำประตูต่อ 1 ฤดูกาลได้อย่างน้อย 20 ลูก โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในฤดูกาล 2006-07 ซึ่งคู่ดูโอในครั้งนั้นคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เวย์น รูนี่ย์ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

นอกจากนี้ สำหรับกรณีของ มาร์ติเนลลี่ เองแล้วนั้น นี่ถือเป็นประตูที่ 15 ของเขาใน พรีเมียร์ลีก พอดี ทำให้เขาเป็นนักเตะชาวบราซิเลียนคนที่ 2 ที่ยิงใน พรีเมียร์ลีก ได้อย่างน้อย 15 ลูก ส่วนคนแรกไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่ยิงได้ 15 ประตูกับ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาล 2017-18 นั่นหมายความว่า มาร์ติเนลลี่ มีโอกาสยิงได้มากกว่ารุ่นพี่ของเขาด้วย

- แรงฮึดทีมท้ายตาราง

บางครั้งทีมที่อยู่ในโซนตกชั้นจะมีแรงฮึดสู้แบบน่าเหลือเชื่อจากสถานการณ์ที่หลังพิงฝา ซึ่งเกมล่าสุดที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ก็เป็นหนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะไม่มีใครคิดมาก่อนว่า เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งในทีมที่ยิงในลีกได้น้อยที่สุดจะบุกมาพังตาข่าย อาร์เซน่อล ได้ถึง 3 หน

ด้วยเหตุนี้ นี่เลยนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ที่ทีมซึ่งเป็นอันดับสุดท้ายก่อนเริ่มการแข่งขันนั้น สามารถซัดใส่ทีมที่เป็นจ่าฝูงได้อย่างน้อย 3 ลูก โดยนี่ถือเป็นนัดที่ 2 ในลีกประจำฤดูกาลนี้เท่านั้นด้วยที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ยิงในลีกได้อย่างต่ำ 3 ลูกต่อ 1 เกม ซึ่งเกมแรกคือวันที่พวกเขาเสมอกับ สเปอร์ส 3-3

- จุดด้อยในเกมรับ

จริงอยู่ที่ก่อนลงเล่นเกมนี้ อาร์เซน่อล เสียประตูในลีกไปเพียง 31 ลูก จนทำให้เขาเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีก แต่ซีซั่นนี้พวกเขามีเกมรับที่น่าเป็นห่วงพอตัวตอนที่ได้เล่นในบ้าน เพราะจนถึงตอนนี้สามารถเก็บคลีนชีทในลีกที่ เอมิเรต์ สเตเดี้ยม ได้เพียง 3 นัดเท่านั้น และมีทีมเดียวที่มีผลงานด้านนี้แย่กว่าเขา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น เซาธ์แฮมป์ตัน นั่นเอง

นอกจากนี้ อาร์เซน่อล ยังอาจจะมีปัญหากับสมาธิในตอนต้นเกมนิดหน่อยด้วย เพราะ 2 ประตูที่เร็วที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ก็เกิดขึ้นจากฝีมือของคู่แข่ง อาร์เซน่อล ทั้งนั้น แถมยังเกิดขึ้นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทั้ง 2 ลูกอีกต่างหาก ประกอบด้วยลูกที่ บอร์นมัธ  ทำได้หลังเริ่มเกมไปเพียง 9 วินาที เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และลูกของ การ์ลอส อัลการาซ ดาวเตะ เซาธ์แฮมป์ตัน ในนัดล่าสุ