ด้วยกระแสข่าวจากหลายสื่อดังที่รายงานออกมา ก็พอจะฟันธงได้แล้วว่า จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางดาวดังชาวอังกฤษวัย 19 ปี จะอำลา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ย้ายไปร่วมก๊วนสโมสรยักษ์ใหญ่แดนกระทิงดุอย่าง เรอัล มาดริด หลังจบฤดูกาลนี้ ซึ่งจะกลายเป็นแข้งเลือดผู้ดีลำดับที่หก ที่ได้สวมยูนิฟอร์ม "ราชันชุดขาว" และนี่คือห้านักเตะสัญชาติอังกฤษที่เคยไปโชว์ฝีเท้าในถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว ก่อนหน้า เบลลิงแฮม ซึ่งก็มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว คละเคล้ากันไป

- ลอรี่ คันนิงแฮม (1979-1984)

นี่คือนักฟุตบอลอังกฤษคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่เคยเล่นให้ เรอัล มาดริด โดยเจ้าตัวย้ายจาก เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไปร่วมทัพ "ราชันชุดขาว" ในปี 1979 ซึ่งมีแค่ฤดูกาลแรกเท่านั้น ที่ได้ลงเล่นสม่ำเสมอ ก่อนเจอปัญหาบาดเจ็บรุมเร้า จนได้โชว์ฝีเท้าเพียงน้อยนิด และย้ายออกไปในปี 1984 (ซีซั่นสุดท้าย 1983-84 ถูกปล่อยตัวให้ สปอร์ติ้ง กิฆอน ยืมใช้งาน) โดยที่ได้แชมป์ ลา ลีกา 1 สมัย และ โกปา เดล เรย์ 2 สมัย

หลังจากนั้นราว 5 ปี ระหว่างที่ค้าแข้งกับ ราโย บาเยกาโน่ คันนิงแฮม ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าตอนอายุ 33 ปี จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงมาดริด

สถิติกับ เรอัล มาดริด : ลงเล่น 66 นัด, ทำได้ 20 ประตู

- สตีฟ แม็คมานามาน (1999-2003)

ย้ายมาจาก ลิเวอร์พูล แบบฟรีๆ ในช่วงซัมเมอร์ปี 1999 ถึงแม้ไม่ใช่แข้งระดับแกนหลักที่ลงสนามเป็นตัวจริงทุกนัด แต่ "แม็คก้า" มักจะเป็นตัวทีเด็ด ทำประตูสำคัญๆ ให้ เรอัล มาดริด เสมอ จนกลายเป็นที่รักของบรรดาแฟนบอล "ราชันชุดขาว" และหนึ่งในประตูที่อยู่ในความทรงจำของหลายๆ คนคือ ลูกกระโดดสลับขายิงในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่ เรอัล มาดริด พิชิต บาเลนเซีย 3-0 ในฤดูกาล 1999-2000

แม็คมานามาน อยู่กับ เรอัล มาดริด 4 ฤดูกาล และประสบความสำเร็จไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยตำแหน่งแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย, ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย

สถิติกับ เรอัล มาดริด : ลงเล่น 158 นัด, ทำได้ 14 ประตู

- เดวิด เบ็คแฮม (2003-2007)

นี่คือหนึ่งในบรรดาแข้งซูเปอร์สตาร์ของ เรอัล มาดริด ยุค "กาลาติกอส" ชุดแรก เคียงบ่าเคียงไหล่กับ หลุยส์ ฟิโก้, โรนัลโด้ และ ซีเนดีน ซีดาน โดย เบ็คแฮม ย้ายมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวราว 37 ล้านยูโร (ประมาณ 1,369 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2003 ซึ่งถึงแม้อยู่กับทีม 4 ฤดูกาลเหมือนกับ แม็คมานามาน แต่ประสบความสำเร็จไม่มากเท่า เพราะ เบ็คแฮม ได้แค่แชมป์ ลา ลีกา และ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า อย่างละสมัยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงผลงานในสนาม เบ็คแฮม ถือว่าได้รับคำชื่นชมไม่น้อย และเป็นที่รักของบรรดาเพื่อนร่วมทีม

สถิติกับ เรอัล มาดริด : ลงเล่น 155 นัด, ทำได้ 20 ประตู

- ไมเคิ่ล โอเว่น (2004-2005)

เรอัล มาดริด ที่ตอนนั้นมีแข้งระดับโลกในทีมเพียบ เจียดเงินเพียงแค่ 8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 344 ล้านบาท) พร้อมกับส่ง อันโตนิโอ นูนเญซ ให้ ลิเวอร์พูล เพื่อแลกกับการคว้าตัว โอเว่น มายังถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 แต่น่าเสียดายที่ "เบบี้โกล" แจ้งเกิดกับ เรอัล มาดริด ไม่สำเร็จ เพราะเป็นเพียงแค่กองหน้าตัวเลือกท้ายๆ ต่อจาก โรนัลโด้ และ ราอูล กอนซาเลซ

สุดท้าย โอเว่น ก็ตัดสินใจย้ายกลับอังกฤษทันทีในช่วงซัมเมอร์ปีต่อมา ด้วยการเลือกซบ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดยที่เจ้าตัวไม่ได้แชมป์อะไรเลยกับ "ราชันชุดขาว" แต่สถิติการทำประตูไม่ถึงกับน่าเกลียด แถมทำประตูในเกม "เอล กลาซิโก" (นัดเปิดบ้านชนะ บาร์เซโลน่า 4-2) ได้ด้วย

สถิติกับ เรอัล มาดริด : ลงเล่น 45 นัด, ทำได้ 16 ประตู

- โจนาธาน วู้ดเกต (2004-2007)

วู้ดเกต ย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มาร่วมทัพ "ราชันชุดขาว" แบบเซอร์ไพรส์ ด้วยค่าตัว 13.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 580.5 ล้านบาท) ในซัมเมอร์ปี 2004 ช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับ ไมเคิ่ล โอเว่น แต่ที่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าคือ วู้ดเกต มีปัญหาบาดเจ็บ จนไม่ได้ลงเล่นแม้แต่นัดเดียวในฤดูกาลแรกที่ เรอัล มาดริด

โชคชะตาเหมือนเล่นตลกสำหรับ วู้ดเกต เพราะเกมแรกที่เล่นให้กับ เรอัล มาดริด นั้น (เจอ แอธเลติก บิลเบา วันที่ 22 สิงหาคม 2005) นอกจากมีการทำเข้าประตูตัวเองแล้ว ต่อมาเจ้าตัวยังถูกไล่ออกอีกด้วย (ได้รับใบเหลืองที่สอง) และหลังจากนั้น วู้ดเกต ได้เล่นให้ "ราชันชุดขาว" อีกแค่ 13 นัด ก่อนย้ายกลับบ้านเกิด ด้วยการโยกซบ มิดเดิลสโบรช์ ซึ่งก็เหมือนกับ โอเว่น ที่ไม่ได้แชมป์อะไรเลยกับยักษ์ใหญ่แห่งกรุงมาดริด

สถิติกับ เรอัล มาดริด : ลงเล่น 14 นัด, ทำได้ 1 ประตู