เฟร์ราน โซเรียโน่ ประธานบริหารแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืนยืนความสำเร็จของสโมสรไม่ได้เกี่ยวกับการทุ่มเงินซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพ พร้อมระบุแทนที่จะมัวแต่สนใจตรวจสอบเรื่องการเงินของ "เรือใบสีฟ้า" น่าจะเอาเวลาไปไล่เช็คเรื่องการใช้จ่ายของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ อาร์เซน่อล ยังดีกว่า

แมนฯ ซิตี้ กำลังไล่ล่าทริปเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาลนี้ หลังจากพวกเขาไล่ต้อน เรอัล มาดริด สกอร์รวม 2 นัดถล่มไป 5-1 ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ดวล อินเตอร์ มิลาน ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องการเพียง 3 คะแนนจาก 3 นัดก็ครองแชมป์ และยังทะลุชิง เอฟเอ คัพ โดยพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อย่างไรก็ตาม ทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงมีชนักติดหลัง เมื่อ พรีเมียร์ลีก อ้างว่าพวกเขาทำผิดกฎด้านการเงินถึง 115 ครั้ง ในช่วงระหว่างปี 2009-2018 และหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงแล้วนั้น แมนฯ ซิตี้ ก็มีโอกาสที่จะเจอบทลงโทษได้หลายแบบ อย่างเช่นการโดนริบแชมป์, ถูกตัดแต้ม และโดนขับออกจากลีก เป็นต้น

งานนี้ โซเรียโน่ ประกาศก้องว่าสโมสรไม่ละเมิดกฎการเงิน และพร้อมที่จะให้ทำการตรวจสอบอย่างเต็มที่ แถมยังชี้ทีมคู่แข่งร่วมลีกยังใช้จ่ายมากกว่าด้วยซ้ำ "คุณต้องดูการลงทุนซื้อนักเตะในอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว, 3 ปี, 5 ปีเท่านั้น เราไม่เคยเป็นสโมสรที่ซื้อนักเตะมากที่สุด"

"มีอีกหลายสโมสรที่ลงทุนด้านการเงินมากกว่าเรา อย่างเช่น เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล การที่มาพูดว่าเราใช้เงินมหาศาล และเราคว้าแชมป์เพราะการทำแบบนั้น มันไม่เป็นความจริงเลย"

จากการเปรียบเทียบข้อมูลตัวเลของเว็บไซต์ "ทรานส์เฟอร์มาร์เก็ต" ระบุว่า เชลซี เป็นสโมสรที่ใช้เงินซื้อนักเตะมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยทุ่มเงินไปกว่า 1,820 ล้าน ปอนด์ (ราว 76,440 ล้านบาท) ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ลงทุนจำนน 1,500 ล้านปอนด์ (ราว 63,000 ล้านบาท) ส่วน แมนฯ ยูฯ จำนวน 1,450 ล้านปอนด์ (ราว 60,900 ล้านบาท)