เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...

1.แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ เอริค เทน ฮาก อย่างแน่นอนนะครับ ฤดูกาลที่ผ่านมาก็หลุดเป็นตัวสำรองแบบถาวร หากไม่มีใครบาดเจ็บก็จะไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง แม้แต่ในบอลถ้วย

2.คนข่าวอย่าง ฟาบริซิโอ โรมาโน่ รายงานว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กับปราการหลังระดับโลกผู้นี้ ทำข้อตกลง "แยกทาง" กันเป็นที่เรียบร้อย หลังจบฤดูกาลนี้ โดยเห็นพ้องต้องกันทั้ง 2 ฝ่าย แม้จะเหลือสัญญาอีกถึง 3 ปี ก็ตาม

3. ตอนแรกมีข่าวว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเอาไอ้หัวแตงโมเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอในการแลกซื้อตัว เมสัน เมาต์ จาก เชลซี

แต่เข้าใจว่าทางทีมสิงห์บลูส์คงตอบกลับไปว่า...

"เอามาแต่ค่าตัวเท่านั้นพอ ส่วน แม็กไกวร์ พวกมึงเก็บไว้เถอะครับ"

4. วันก่อนมีข่าวล่ามาแรงว่า สเปอร์ส ของกุนซือคนใหม่อย่าง แอนจ์ โปสเตโคกลู มีความสนใจที่จะคว้าตัว แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไปร่วมทีม เพื่อช่วยให้พวกเขากลับไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง

ก่อนมีข่าวตามมาอีกว่า เวสต์แฮม ของ เดวิด มอยส์ เป็นอีกสโมสรที่อยาก "เอานะ" กัปตันทีมปีศาจแดงคนปัจจุบันไปเสริมทัพ

ได้ยินแล้วก็รู้สึกปลื้มปริ่มที่ยังมีคนเห็นค่าของ "คิง แฮร์รี่" บางทีอาจเพราะเวลาเขาสวมชุดสีขาวเหมือนทีมชาติอังกฤษแล้วมักจะโชว์ฟอร์มดีก็เป็นได้ คลับไก่เลยอยากได้ตัวไปเสริมเกมรับ

5. เมื่อ 2019 แมนฯ ยูไนเต็ด บรรจงกระชากตัว แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มาในราคามหาศาลถึง 80 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติกองหลังค่าตัวแพงที่สุดของเมืองหลวงลูกหนัง

ถึงตอนนี้ เขาลงเล่นให้ปีศาจแดงไปแล้ว 175 นัด ในทุกรายการ โดยทำได้ 7 ประตู

เรียนตามตรงว่าไม่อยากให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งค่าตัวนักเตะผู้นี้แพงเกินไป เพราะเดี๋ยวจะไม่มีใครยอมจ่าย

แต่อย่างน้อยขอสัก 20 ล้านปอนด์ก็ยังดี เพื่อเอาไปสมทบทุนจ่ายค่าฉีกสัญญา มูลค่า 40 ล้านปอนด์ของ คิม มิน-แช จาก นาโปลี

บางทีการย้ายไปอยู่กับทีมที่ขนาดเล็กลงอาจช่วยให้เขาไม่ถูกจับจ้อง และไม่กดดันมากเกินไปจนกลับชาติมาเกิดใหม่ก็เป็นได้