เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สานฝันพา แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกมาครองตามหวัง "โรดรี้" ตะบันสุดคมกำราบ อินเตอร์ มิลาน ที่หวิดตีคืนท้ายเกม 1-0 จบฤดูกาลสุดมหัศจรรย์ของทัพ เรือใบ กวาดสามโทรฟี่รายการหลักทั้ง พรีเมียร์ลีก,เอฟเอคัพ,ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ประดับบารมีสโมสร

สนาม : อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม (สนามกลาง, ตุรกี)

ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ คืนวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา "เรือใบ" แมนฯ ซิตี้ หวังสร้างประวัติศาสตร์สโมสรสำหรับการลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยแรก พร้อมสานฝันทริปเปิ้ลแชมป์ "เออร์ลิง ฮาลันด์ " ยืนหอกล่าสกอร์ ปะทะ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ที่วางทีเด็ด "เลาตาโร่ มาร์ติเนซ" หมายตาโทรฟี่บิ๊กเอียร์สมัยที่ 4 หลังเคยทำได้เมื่อปี 1964,1965,2010

เริ่มครึ่งแรกหกนาที แบร์นาร์โด้ ซิลวา ลากบอลลุยเข้าเขตโทษด้านขวาโยกหลบ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ ก่อนปั่นบอลเลี้ยวไปเสาสองแต่โค้งน้อยไปออกข้างกรอบประตูแทน

ต่อมานาที 12 มัตเตโอ ดาร์เมียน ซัดบอลโด่งย้อยเหมือนจะออกหลัง เอแดร์ซอน โมราเอส ออกนอกกรอบหวังเก็บบอลแต่เจอ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ใช้ความขยันวิ่งโขกบอลชิงเล่นก่อนมีช็อตดวล จอห์น สโตนส์ กรรมการชาวโปแลนด์ชี้เป็นลูกเตะจากประตู

เรือใบทักทายหนักหน่วงนาที 27 อิลคาย กุนโดกัน แปะเร็วเข้ากลาง เควิน เดอ บรอยน์ โฉบรับพร้อมแทงทะลุถึง เออร์ลิง ฮาลันด์ สปีดมาซัดเต็มแรงติดตัว อังเดร โอนาน่า ที่ยืนปิดมุมเสาแรกด้านซ้าย

สองนาทีถัดมา เควิน เดอ บรอยน์ คราวนี้สบโอกาสตะบันหน้ากรอบเขตโทษบอลเลี้ยวแหวกเกมรับงูใหญ่ตรงตัวนายทวารเนรัซซูรี่ย่อตัวรับไม่ยาก

เกมดำเนินถึงนาที 36 แมนซิตี้ เจอข่าวร้าย เควิน เดอ บรอยน์ เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาฝืนเล่นไม่ไหวต้องส่ง ฟิล โฟเด้น ลงทำหน้าที่แทน ซึ่งเป็นการเล่นไม่ครบทั้งแมตช์ในนัดชิงอีกหนถัดจากเมื่อปี 2021 สำหรับมิดฟิลด์ชาวเบลเยี่ยม

หมดครึ่งแรกยังเสมอกันที่ 0-0

ช่วงครึ่งหลังนาที 57 เอดิน เชโก้ ล้มลงนั่งกับพื้นสนามเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ซิโมเน่ อินซากี้ ตัดสินใจแก้หมากจัด โรเมลู ลูกากู ลงสนามทันที

เพียงนาทีเดียว แบร์นาร์โด้ ซิลวา จ่ายคืนหลังให้ มานูเอล อคานจี ดันไม่รู้กันเมื่อกองหลังเรือใบปล่อยบอลทำ เอแดร์ซอน โมราเอส ออกมานอกกรอบแบบกั๊กโดน เลาตาโร่ มาร์ติเนซ วิ่งมาขโมยแล้วยิงยังดีนายทวาร แมนซิตี้ ช่วยป้องกันเอาไว้

และแล้วนาที 68 มานูเอล อคานจี ดันสูงก่อนไหลเรียดมาที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาหยอดเจอ ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้ สกัดมาหา โรดรี้ ปรี่พร้อมปั่นบอลเสียบตาข่ายสุดคม เรือใบ ออกนำ 1-0

ถัดมาแค่สามนาที เดนเซล ดุมฟรีส์ กระโดดโหม่งบอลโด่งกระดอนมาหน้าประตูระยะ 7 หลา เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ โขกบอลย้อยข้าม เอแดร์ซอน โมราเอส แต่ว่าตกบนคานกระเด้งหาเจ้าตัวอีกครั้ง คราวนี้พยายามซ้ำแต่มี โรเมลู ลูกากู ยืนขวางเพื่อทีมเดียวกัน

งูใหญ่เดินหน้าลุยนาที 73 โรเมลู ลูกากู จับบอลในเขตโทษแล้วซัดลอดขา รูเบน ดิอาส บอลน้ำหนักใช้ได้เพียงแต่ เอแดร์ซอน โมราเอส อยู่ถูกตำแหน่งป้องกันเซฟเรือใบอีกครา

จากนั้นสี่นาที ฟิล โฟเด้น เกือบมีชื่อพังสกอร์ พลิกตัวหลบแข้งคู่แข่งกระชากหลุดไปหวดบอลในเขตโทษ อังเดร โอนาน่า ช้มตัวดักตะครุบบอลไม่มีพลาดเช่นกัน

เนรัซซูรี่หวิดตีคืนนาที 89 โรบิน โกเซนส์ ตัวสำรองโถมตัวโขกเข้ากลางในเขตโทษ โรเมลู ลูกากู ก้มหัวโหม่งซ้ำหน้าประตู เอแดร์ซอน โมราเอส ขยับป้องกันด้วยขาก่อนเป็น รูเบน ดิอาส เคลียร์พ้นอันตรายออกไป

ช่วงทดเจ็บ 90+5 งูใหญ่เกือบทำได้ โรบิน โกเซนส์ ได้โขกแต่เจอเซฟ เอแดร์ซอน โมราเอส ก่อนจบเกม แมนฯ ซิตี้ ชนะ อินเตอร์ มิลาน 1-0 จบฤดูกาลสุดมหัศจรรย์ของทัพ เรือใบ กวาดสามโทรฟี่รายการหลักทั้ง พรีเมียร์ลีก,เอฟเอคัพ,ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ประดับบารมีสโมสร

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

แมนฯ ซิตี้ (3-2-4-1): เอแดร์ซอน โมราเอส,มานูเอล อคานจี,รูเบน ดิอาส,นาธาน อาเก้,จอห์น สโตนส์ (ไคล์ วอล์คเกอร์ น.82),โรดรี้,แบร์นาร์โด้ ซิลวา,เควิน เดอ บรอยน์ (ฟิล โฟเด้น น.36),อิลคาย กุนโดกัน,แจ็ค กรีลิช,เออร์ลิง ฮาลันด์

อินเตอร์ มิลาน (3-5-2): อังเดร โอนาน่า,มัตเตโอ ดาร์เมียน (ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ น.84),ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้,อเลสซานโดร บาสโตนี่ (โรบิน โกเซนส์ น.76),เดนเซล ดุมฟรีส์ (ราอูล เบลล่าโนว่า น.76),นิโกโล่ บาเรลล่า,มาร์เชโล่ โบรโซวิช,ฮาคาน ชัลฮาโนกลู (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.84),เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้,เลาตาโร่ มาร์ติเนซ,เอดิน เชโก้ (โรเมลู ลูกากู น.57)