ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ใช้ระบบไหน? 3 แนวรุกเป็นใคร ? 5 ประเด็นสำคัญสำหรับลิเวอร์พูลก่อนเปิดซีซั่น

ใช้ระบบไหน? 3 แนวรุกเป็นใคร ? 5 ประเด็นสำคัญสำหรับลิเวอร์พูลก่อนเปิดซีซั่น

Posted 04/08/2023 by siamsport

ช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่นของลิเวอร์พูลซัมเมอร์นี้ ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ได้เห็นจุดเด่นจุดด้อยชัดเจน และแน่นอนว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ มีการบ้านกองโตที่จะต้องรีบจัดการก่อนที่ฤดูกาล 2023/2024 จะเปิดฉากในสัปดาห์หน้า

สิ่งที่ชัดเจนที่ คล็อปป์ ต้องรีบแก้ปัญหาก็คือเรื่องเกมรับที่ตอนนี้สภาพค่อนข้างน่าเป็นห่วงเหลือเกิน เพราะหาก "หงส์แดง" ยังเล่นได้หละหลวมแบบนี้ในเกมเปิดซีซั่นพบ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี มีหวังโดนขย้ำหัวขาดแหงๆ

นอกจากนี้ตำแหน่งกองกลางตัวรับยังไม่รู้ว่าจะเอายังไง หลัง ฟาบินโญ่ โบกมือลาไปโกยเงินที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย และยังมีอีกหลายประเด็นที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน จะต้องรีบตอบให้ได้ ก่อนที่จะต้องยกพลบุกถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคมนี้

1. ใครจะได้เล่นตัวจริงตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับเปิดพบ เชลซี ?

คำถามที่แฟนบอลลิเวอร์พูลต้องครุ่นคิดอย่างหนักนับตั้งแต่ที่ ฟาบินโญ่ อำลาถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพราะจนถึงตอนนี้ "เดอะ เร้ดส์" ยังไม่สามารถหาคำตอบว่าใครจะมาแทนที่ ดาวเตะชาวบราซิเลียน ได้เลย

สำหรับกองกลางตัวรับที่จะต้องทำหน้าที่เป็นคู่หูของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ต้องสามารถรับบทบาทส่วนใหญ่แทน "หนุ่มเทรนต์" ได้ เนื่องจาก "ท่านรอง" จะได้มีสมาธิกับการผลิตผลงานที่ดีที่สุดของเขาออกมานั่นก็คือการสร้างสรรค์เกม

แน่นอนว่าแคนดิเดตสำหรับบทบาทนี้ก็คือ โรเมโอ ลาเวีย แต่ตอนนี้นักเตะยังไม่ได้ย้ายมาจาก "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ดังนั้น คล็อปป์ จึงต้องหาทางแก้ปัญหานี้ไปก่อนโดยอาจตัดสินใจมอบโอกาสให้กับ เคอร์ติส โจนส์

บทบาทกมิดฟิลด์ตัวรับดูเหมือน โจนส์ สามารถทำได้ เพราะ คล็อปป์ เคยแสดงความเห็นในช่วงที่สโมสรอุ่นเครื่องปรีซีซั่นว่าถ้าหาก "หงส์แดง" ไม่สามารถหาดึงตัวใครมาร่วมทัพได้ ก็จะใช้งาน ดาวเตะเลือดผู้ดีรายนี้

จะว่าไปแล้ว โจนส์ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ตอนที่เล่นให้ทีมชาติอังกฤษ รุ่นยู-21 รวมทั้งช่วงปรีซีซั่นกับต้นสังกัด และงานนี้ กุนซือเลือดด๊อยท์ช มองว่าเขาสามารถพัฒนาศักยภาพในบทบาทนี้ได้

ขณะที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็เป็นอีกทางเลือกกับตำแหน่งนี้ แต่ถ้ามองจากความจริงคงเป็นไปได้ยาก เพราะถ้าหากทำแบบนั้นทีมคงเสียประโยชน์จากพรสวรรค์ของเขาไปเปล่าๆ

2. สามประสานแนวรุก ?

นี่คือปัญหาในเชิงบวก เพราะทุกสโมสรคงอิจฉา คล็อปป์ ที่ต้องเจอกับปัญหาแบบนี้ นั่นหมายความว่าทีมมีแนวรุกที่สุดยอด และไม่สามารถจัดสรรได้ว่าใครควรจะได้ลงเล่นตัวจริง 

จากผลงานในช่วงปรีซีซั่นมีความเป็นไปได้สูงที่สามประสานเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ในแมตช์เยือน "สิงห์บลูส์" เชลซี น่าจะเป็น หลุยส์ ดิอาซ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โคดี้ กัคโป อย่างไรก็ตาม ดีโอโก้ โชต้า ก็กำลังทำผลงานได้ดี เช่นเดียวกับ ดาร์วิน นูนเญซ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างเฉียบคมในช่วงอุ่นเครื่อง

ด้วยการที่ "หงส์แดง" ต้องเล่นในเกมยูฟ่า ยูโรปา ลีก นั่นทำให้บรรดาแนวรุกของทีมสบายใจได้ เพราะคงได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันลงสนาม แต่สิ่งที่พวกเขาควรกังวลก็คือโอกาสลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีก มากกว่า

ตอนนี้ต้องบอกว่าแนวรุกของ ลิเวอร์พูล เต็มไปด้วยความมั่นใจ และความเฉียบคม โดยเฉพาะ นูนเญซ ที่ดูเหมือนจะเล่นด้วยความมุ่งมั่น แถมมีแววว่าเขาจะได้ประจำการในฐานะหน้าเป้าสำหรับซีซั่นใหม่นี้

3. สานต่อระบบใหม่ ?

หากจำกันได้ช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล กำลังจะหมดหวังที่จะได้โควตาไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนระบบการเล่น

แรกเริ่มเดิมที "หงส์แดง" ในยุค คล็อปป์ มักจะเล่นในระบบ 4-3-3 จากนั้น นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช ตัดสินใจคิดนอกกรอบด้วยการเริ่มหันมาใช้ระบบที่ใกล้เคียงกับแท็คติก 3-4-3 ขณะที่ทีมครองเกม

การทำแบบนั้นส่งผลให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีโอกาสได้ขยับจากแบ็กขวาขึ้นไปเล่นตรงกลางมากขึ้น ก่อนที่เขาจะขยับลงมายืนต่ำตอนที่ทีมไม่ได้ครองเกม แน่นอนว่าการปรับแท็คติกแบบนี้ทำให้ "หงส์แดง" โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น และดูเหมือนว่า คล็อปป์ คงจะยึดติดกับแผนการเล่นแบบนี้

"บอส" ใช้ระบบดังกล่าวในช่วงปรีซีซั่น และการเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้ ดูเหมือนจะเป็นบทพิสูจน์ว่าระบบใหม่น่าจะถูกนำมาใช้แบบถาวร เพราะ โดมินิค โซโบซไล และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ สามารถคุมพื้นที่ได้ทั่วสนาม และยังช่วยในเรื่องเกมรับกับเกมรุกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นหากทีมสามารถคว้าตัว ลาเวีย มาร่วมทัพได้ก่อนเปิดซีซั่น นั่นจะยิ่งทำให้แผงมิดฟิลด์ของ "เดอะ เร้ดส์" สมบูรณ์แบบ และคงเป็นการตอบคำถามได้อย่างชัดเจนว่า คล็อปป์ จะเลือกใช้แท็คติกแบบไหนสำหรับฤดูกาล 2023/2024

4. ใครจะเป็นแบ็กอัพให้กับ เทรนต์  ?

การที่ทีมมีโปรแกรมทั้งเกมพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แน่นอนว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไม่สามารถลงสนามได้ทุกแมตช์อยู่แล้ว ฉะนั้น คล็อปป์ จึงต้องมองว่ากองหนุนให้กับ "หนุ่มเทรนต์" ในยามที่เขาไม่ได้ลงนาม

ต้องบอกเลยว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่คงทำให้ คล็อปป์ ปวดหัวเลยทีเดียว เพราะ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ เป็นกลจักรสำคัญสำหรับระบบใหม่ เนื่องจากพรสวรรค์ที่สุดพิเศษในการเล่นบอลของเขา

สำหรับช่วงเวลานี้ไม่น่าเป็นไปได้ที่ ลิเวอร์พูล จะกระโจนเข้าสู่ตลาดซื้อขายนักเตะเพื่อหาผู้เล่นแบ็กขวาเข้ามาเสริมทัพ เพราะดูเหมือน คอเนอร์ แบรดลี่ย์ จะสามารถเข้ามาเติมเต็มหาก "ท่านรอง" ไม่ได้ลงสนาม

แบรดลี่ย์ มีโอกาสที่จะได้รับบทบาทนี้ในช่วงปรีซีซั่น และแม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเตะที่เหมือนกับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นนักเตะสำรองที่มีประโยชน์ในกรณีที่ทีมพบกับคู่แข่งที่อ่อนกว่า เกมยูโรปา ลีก และฟุตบอลถ้วยในเมืองผู้ดี

5. แข้งใหม่จะแจ้งเกิดได้ไหม ?

ต้องยอกมรับการการคว้านักเตะใหม่มาร่วมทัพตั้งแต่ช่วงต้นซัมเมอร์เป็นเรื่องดีมากๆ เพราะนั่นจะทำให้นักเตะมีโอกาสได้ปรับตัวกับต้นสังกัดใหม่ และพร้อมอย่างเต็มทีมเมื่อต้องลงสนามในเกมอย่างเป็นทางการ

โซโบซไล และ แม็ค อัลลิสเตอร์ เข้ามาได้ถูกที่ถูกเวลา เพราะนั่นทำให้แผงกองกลางของ "หงส์แดง" แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยผลงานของทั้งสองคนที่แสดงให้เห็นเต็มสองตาแล้วในแมตช์อุ่นเครื่องปรีซีซั่น เป็นเครื่องการันตีว่าพวกเขาพร้อมช่วยเหลือทีมแล้ว

สำหรับ สตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 มีโอกาสได้ลงสนามในเกมอุ่นเครื่อง 4 แมตช์ และสร้างผลงานได้น่าพอใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเกมที่ถลุง "สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ 4-0 ดังนั้นมีโอกาสสูงมากที่เขาจะได้เป็นตัวจริงในเกมเปิดลีกสุดสัปดาห์หน้า

ขณะที่ โซโบซไล อาจจะยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางกับ ลิเวอร์พูล แต่นักเตะก็คือว่าฟอร์มใช้ได้ และหากไม่มีปัญหาเรื่องเจ็บเข่าเขาน่าจะพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ ส่วนกรณีของ ลาเวีย หากย้ายมาตอนนี้อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว เนื่องจากไม่ได้เล่นเกมปรีซีซั่นกับทีมเลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »