ทิม เชอร์วู้ด ตำนานแข้ง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ออกโรงเตือนไปถึงเอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าเขาไม่สามารถดร็อปแข้งปีศาจแดงรายหนึ่งได้หลังเกมกับเบิร์นลีย์

ทิม เชอร์วู้ด เตือน เอริค เทน ฮาก ว่าเขาเสี่ยงที่จะทำลายขวัญกำลังใจของทีม หากดร็อป ฮันนิบาล เมจบรี หลังจากแข้งรายนี้ได้ประเดิมสนามแบบเต็มเกมในเวทีพรีเมียร์ ลีก กับเบิร์นลีย์เมื่อวันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2566 นักเตะวัย 20 ปีรายนี้ถูกเรียกตัวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่อันเป็นผลจากวิกฤตอาการบาดเจ็บซึ่งทำให้ผู้จัดการทีมปีศาจแดงไม่สามารถใช้งานนักเตะที่เซ็นสัญญาเข้ามาในช่วงซัมเมอร์อย่างโซฟียาน อัมราบัต และ เมสัน เม้านท์ ได้

เมจบรีย้ายจากโมนาโกมาร่วมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อสี่ปีที่แล้ว และเขาต้องรอคอยจังหวะเวลาที่เหมาะสมอยู่นานกว่าจะได้มีโอกาสสร้างผลกระทบในระดับทีมชุดใหญ่ กองกลางทีมชาติตูนิเซียรายนี้ทำประตูในเกมพ่ายแพ้ต่อไบรท์ตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเนื่องจากดาวเตะรุ่นพี่หลายคนยังไม่พร้อมลงสนาม เขาจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นตัวจริงสำหรับการเดินทางไปเทิร์ฟ มัวร์

และเมื่อถึงคราวที่หลังชนกำแพงหลังจากพ่ายแพ้มาสี่นัดรวด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คว้าชัยชนะมาได้สำเร็จ ต้องขอบคุณลูกวอลเลย์อันน่าทึ่งของบรูโน่ แฟร์นันเดส ในช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรกไม่นาน และในขณะที่เป็นกัปตันทีมที่เดินออกไปพร้อมกับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ แต่เชอร์วู้ดกลับรู้สึกว่าฟอร์มการเล่นของเมจบรีคือสิ่งที่แสดงถึงแง่มุมที่เป็นขวัญกำลังใจมากที่สุดในชัยชนะของทัพปีศาจแดง

 เขาบอกกับ Premier League Productions ว่า "เป็นแง่บวกอย่างแท้จริงจากฟอร์มการเล่นเมื่อผมดูฟอร์มการเล่นส่วนตัวของทีมแมนฯ ยูไนเต็ด สำหรับ ฮันนิบาล ผมคิดว่ามันดี" “เขามีความกล้า ผมคิดว่าเขามองหาบอลอยู่ตลอดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม” “เวลาไม่ได้ครองบอล เขาดูเหมือนเขาจะรีบไปทุกที่เพื่อเอาบอลกลับคืนมา" "ผมคิดว่าเขามีเกมที่ยอดเยี่ยมและเขามีแต่จะดีขึ้นเท่านั้น ผมแค่หวังว่าเขาจะอยู่ในทีมต่อไป" "เขามีสิทธิ์มากกว่าหนึ่งในซูเปอร์สตาร์ที่กำลังกลับมาและแซงหน้าเขาไปซึ่งไม่ดีต่อขวัญกำลังใจของทีมและสปิริตของทีม"

ทั้งนี้ 24 ชั่วโมงหลังจากประสบชัยชนะที่เทิร์ฟ มัวร์ ฮันนิบาลก็ได้มาส่งข้อความถึงกองเชียร์แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่านทางอินสตาแกรม "ทีม, นักเตะ, สตาฟฟ์ และแฟนๆ ต่างก็ต่อสู้ร่วมกันเพื่อ 3 แต้ม" นอกจากนี้เขายังได้รับความชื่นชมจากเพื่อนร่วมทีมในอะคาเดมี่อย่าง แดน กอร์ และ แซม เมอร์เรย์