แม้ว่าฤดูกาล 2023/2024 เพิ่งจะอยู่ในช่วงต้นซีซั่น แต่การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็สนุกตื่นเต้นเร้าใจ ยิ่งล่าสุด อาร์เซน่อล สามารถคว่ำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ในเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้การแข่งขันเพิ่มความเข้มข้นเป็นทวีคูณ

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กลายเป็นทีมโฉมใหม่ภายใต้การกุมบังเหียนของอังเก้ ปอสเตโคกลู โดยพวกเขายังไม่แพ้ทีมใดในลีก พร้อมกับเก็บไปแล้ว 20 คะแนนครองตำแหน่งจ่าฝูง โดยมี อาร์เซน่อล ที่ทำแต้มได้เท่ากันรั้งอันดับ 2 ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" แชมเก่าหล่นมาอยู่อันดับ 3 และ ลิเวอร์พู อันดับ 4 ตามหลัง 2 กับ 3 แต้มตามลำดับ

แน่นอนว่าสถานการณ์ยังคงสามารถพลิกผันได้ตลอดเนื่องจากเพิ่งจะอยู่ในช่วงต้นซีซั่นเท่านั้น และหลังจบช่วงพักเบรกทีมชาติ อันดับของทั้ง 4 ทีมอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง จากโปรแกรม 6 แมตช์ต่อไปของพวกเขาก็ได้

1. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

โปรแกรม 6 เกมพรีเมียร์ลีก : ฟูแล่ม (เหย้า), คริสตัล พาเลซ (เยือน), เชลซี (เหย้า), วูล์ฟส์ (เยือน), แอสตัน วิลล่า (เหย้า), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน)

หลังจากผ่านไป 8 เกมลีก สเปอร์ส ภายใต้การคุมทัพของ ปอสเตโคกลู ต้องบอกเลยว่าผลงานของพวกเขาน่าประทับใจเลยทีเดียว โดยทีมก้าวขึ้นมารั้งจ่าฝูงลีกซึ่งเป็นอันดับที่แฟนบอล "ไก่เดือยทอง" ไม่ค่อยได้สัมผัสมาเนินนาน

กุนซือชาวออสซี่ สร้างทัพ "พี่ไก่" ให้กลายเป็นทีมที่เล่นได้สนุกเร้าใจ สามารถไล่บดขยี้คู่แข่งได้ตลอดทั้งเกม หรือบางครั้งต่อให้มีผู้เล่นน้อยกว่าก็ยังสามารถสร้างผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง

หลังจบช่วงฟีฟ่าเดย์ ปอสเตโคกลู แอนด์ โค. ต้องเตรียมลงทำศึกลอนดอน ดาร์บี้ 3 แมตช์ติดต่อกัน โดยเริ่มจากการดวลฟูแล่ม, พาเลซ และ เชลซี จากนั้นก็ต้องปะทะกับ วูล์ฟส์ และ วิลล่า จากโปรแกรมดูเหมือนจะเอื้ออำนวยให้ สเปอร์ส ยังจ่าฝูงอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะต้องเจอบททดสอบใหญ่เยือน แมนฯ ซิตี้ วันที่ 2 ธันวาคม

2. อาร์เซน่อล

โปรแกรม  6 เกมพรีเมียร์ลีก : เชลซี (เยือน), เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (เหย้า), นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เยือน), เบิร์นลี่ย์ (เหย้า), เบรนท์ฟอร์ด (เยือน), วูล์ฟส์ (เหย้า)

มีหลายคนยังคงตั้งข้อสงสัยว่าทีมของกุนซือมิเกล อาร์เตต้า จะมีสภาพจิตใจที่พร้อมจะท้าดวลแชมป์ลีกกับ แมนฯ ซิตี้ อีกครั้งหรือไม่ หลังพวกเขาต้องเคยเจ็บปวดจากการโดยทัพ "เรือใบสีฟ้า" ปาดหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาพร้อมที่จะคว่ำ แมนฯ ซิตี้ หลังสามารถเอาชนะทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า 1-0 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ "ปืนใหญ่" มีแต้มเท่ากับ สเปอร์ส จ่าฝูงแล้ว

"เดอะ กันเนอร์ส" มีบทพิสูจน์สำคัญหลังพักเบรกทีมชาติ เมื่อจะต้องปะทะกับ เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งถือว่าเป็น 2 จาก  6 เกมที่อันตรายที่สุดของพวกเขา ขณะที่การดวลกับ เชฟฯ ยูฯ, เบิร์นลี่ย์, เบรนท์ฟอร์ด และ วูล์ฟส์ ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรง อาร์เซน่อล

3. แมนเชสเตอร์ ซิตี้

โปรแกรม 6 เกมพรีเมียร์ลีก : ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (เหย้า), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน), บอร์นมัธ (เหย้า), เชลซี (เยือน), ลิเวอร์พูล (เหย้า), สเปอร์ส (เหย้า)

การแพ้เกมลีก 2 แมตช์ติดต่อกันถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในยุคเป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่มันเกิดขึ้นแล้วในช่วงต้นซีซั่นนี้ และแน่นอนว่า  นายใหญ่ชาวสแปนิช คงใช้ช่วงฟีฟ่าเดย์ทำการวิเคราะห์ความผิดพลาดเพื่อที่จะปรับแก้ให้ทีมกลับมาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง

สำหรับ 6 แมตช์ต่อไปต้องบอกว่าเป็นงานที่หนักหนาสาหัสสำหรับ แมนฯ ซิตี้ อย่างแท้จริง เนื่องจากพวกเขาต้องเจอคู่แข่งระดับเขี้ยวรากดินทั้ง ไบรท์ตัน, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล และสเปอร์ส ส่วนเกมที่เบาที่สุดก็คือปะทะ บอร์นมัธ เท่านั้น

แน่นอนว่านี่คือบททดสอบสำหรับแชมป์เก่า เพราะคู่แข่ง 5 จาก 6 ทีมของพวกเขาต้องบอกว่าสุดแกร่ง แม้แฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" อาจจะรู้สึกหวาดหวั่นจากโปรแกรมที่เห็น แต่หากมองอีกมุมถ้า แมนฯ ซิตี้ ปราบทีมเหล่านั้นได้หมด คงไม่มีใครจะหยุดพวกเขาได้อีกต่อไป

4. ลิเวอร์พูล

โปรแกรม 6 เกมพรีเมียร์ลีก : เอฟเวอร์ตัน (เหย้า), น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (เหย้า), ลูตัน ทาวน์ (เยือน), เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน), ฟูแล่ม (เหย้า)

แม้ว่าจะเก็บได้ 1 แต้มจาก 2 เกมล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีก ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงอยู่ในสถานการณ์ของการลุ้นแชมป์ลีก เพราะพวกเขาตามหลังจ่าฝูงเพียงแค่ 3 คะแนนเท่านั้น

สาวก "เดอะ ค็อป" ยังคงรู้สึกเชื่อมั่นว่าพวกเขายังคงมีโอกาสที่จะเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง เพราะฟอร์มการเล่นในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างน่าประทับใจ แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขก็คือเกมรับที่ยังขาดการเล่นที่เหนียวแน่น

หากเช็คจากโปรแกรมทั้ง  6 แมตช์หลังจบช่วงพักเบรกทีมชาติ ต้องบอกเลยว่าถ้ามองตามหน้าเสื่อคงไม่มีทีมไหนที่อันตรายมากนัก ยกเว้นแมตช์ที่ต้องไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม วันที่ 25 พฤศจิกายน ฉะนั้นถ้าหากเอาชนะคู่แข่งที่เหลือได้ สถานการณ์ลุ้นแชมป์ของ "หงส์แดง" จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเลยทีเดียว