ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » สามประสานอย่างโหด, รองจ่าฝูงแล้วจ้า! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล ถล่ม เบรนท์ฟอร์ด

สามประสานอย่างโหด, รองจ่าฝูงแล้วจ้า! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล ถล่ม เบรนท์ฟอร์ด

Posted 13/11/2023 by siamsport



ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในแมตช์ไล่ต้อน เบรนท์ฟอร์ด 3-0 ที่สนามแอนฟิลด์ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้ ดาร์วิน นูนเญซ สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ดแต่มีส่วนกับทีมเยอะมาก แต่ทำแอสซิสต์ให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงประตูปลดล็อกในครึ่งแรก

ขณะเดียวกัน "บังโม" ยังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญเสมอ เพราะสองประตูของเขาช่วยทำให้ทีมเล่นได้ง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญตอนนี้ ซาลาห์ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายกับการเล่นในอังกฤษรวม 200 ประตู (ลิเวอร์พูล 198 ลูก, เชลซี 2 ลูก)

สำหรับตอนนี้ "เดอะ เร้ดส์" พุ่งขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงได้แล้ว โดยมี 27 คะแนน ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงแค่แต้มเดียวเท่านั้น และหลังช่วงพักเบรกทีมชาติ ทั้งสองทีมต้องดวลกันซะด้วย งานนี้บอกเลยว่าทั้งคู่ฟาดฟันกันไฟแล่บแน่นอน

1. นูนเญซ เฉิดฉาย

ตอนนี้ต้องบอกเลยว่า ดาร์วิน นูนเญซ กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจสุดขีด โดยฟอร์มในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านักเตะเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น และกระหายที่จะทำประตู

ฟอร์มการเล่นในช่วงครึ่งแรกต้องบอกเลยว่าเป็นผลงานที่สุดยอดที่สุดของนักเตะในฤดูกาลนี้ก็ว่าได้ เพราะเขามีส่วนกับการเล่นของทีมอย่างมาก โดยเฉพาะการสร้างโอกาสยิงประตู และการเชื่อมเกมกับ ดีโอโก้ โชต้า และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

น่าเสียดายที่ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย 2 ครั้งในครึ่งแรกแต่โดนจับล้ำหน้า แม้ไม่มีชื่อในฐานะคนทำประตูก็ตามแต่ สตาร์ทีมชาติอุรุกวัย มีชื่อในฐานะคนทำแอสซิสต์ให้กับ โม ซาลาห์ ในจังหวะได้ประตูขึ้นนำ 1-0

ต้องยอมรับว่า นูนเญซ กับ ซาลาห์ เล่นเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสถิติระบุว่า หัวหอกชาวอุรุกวัย แอสซิสต์ ให้ "บังโม" ยิงไป 7 ลูก ทั้งสองคนเล่นเชื่อมเกมได้อย่างรู้ใจซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อท้ายซีซั่นที่แล้ว ต่อเนื่องถึงซีซั่นนี้

สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการยิงประตูก็คือความมั่นใจของ นูนเญซ โดยนักเตะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความกล้าในการยิงไม่ว่าจะระยะใกล้หรือไกล และกล้าที่จะทำประตูในจังหวะผาดโผน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่แฟนบอล "หงส์แดง" อยากเห็นมาตลอด

2. ซาลาห์ ตะบัน 200 ประตูในอังกฤษ

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่มีชื่อทำประตู 3 แมตช์ติดต่อกัน แต่สำหรับเกมรับมือ เบรนท์ฟอร์ด ต้องบอกว่า สตาร์ชาวอียิปต์ งัดฟอร์มเก่งออกมาได้อย่างสุดยอด โดยเขามีส่วนสำคัญต่อชัยชนะของทีมอย่างแท้จริง

"บังโม" แสดงให้เห็นถึงการยิงประตูที่เฉียบคมในจังหวะช่วย "หงส์แดง" ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ขณะที่ประตูที่สอง ซาลาห์ โชว์ความนิ่งและเยือกเย็นในจังหวะโหม่งทำประตู นอกจากนี้นักเตะยังสร้างความอันตรายได้ทุกครั้งที่มีบอลอยู่กับเท้า

ซาลาห์ ซัดไปแล้ว 16 ประตูจาก 15 เกมที่ผ่านมาในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามแอนฟิลด์ และกลายเป็นนักเตะคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูลที่ยิงประตูในเกมลีกนัดเหย้า 6 แมตช์แรก

ที่สำคัญสองประตูที่ "คิง ออฟ อียิปต์" ทำได้ในแมตช์นี้ ยังทำให้เขาตะบันประตูให้กับทัพ "หงส์แดง" กับการเล่นฟุตบอลในเมืองผู้ดีไปแล้ว 198 ประตู รวมกับ 2 ประตูที่ยิงสมัยอยู่กับ เชลซี ทำให้ตอนนี้ "บังโม" ซัดรวมในอังกฤษไปแล้ว 200 ลูก

ปัจจุบัน กองหน้าจากแดนมัมมี่ อายุ 31 ปีแล้ว แต่สภาพร่างกายและความมุ่งมั่นยังคงเต็มเปี่ยม ฉะนั้น ลิเวอร์พูล คิดถูกมากๆ ที่ปฏิเสธอำนาจเงินจากสโมสรในซาอุดิอาระเบีย และเก็บเขาเอาไว้ช่วยทีม

3. โชต้า ผลงานไม่เคยผิดหวัง

สาวก "เดอะ ค็อป" จำนวนมากมักคิดว่า ดีโอโก้ โชต้า เหมาะกับตำแหน่งยางอะไหล่ในแนวรุกมากกว่าตัวจริง เพราะหลายครั้งที่นักเตะลงสนามเป็นตัวสำรองมักจะทำประตูสำคัญได้เสมอ

อย่างไรก็ตามเกมล่าสุด เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง โชต้า ลงทำหน้าที่ในตำแหน่งแนวรุกฝั่งซ้ายแทน หลุยส์ ดิอาซ ซึ่งต้องบอกว่า นายใหญ่ชาวด๊อยท์ช คิดถูกอย่างยิ่ง เพราะความเร็วและความขยันของ สตาร์ชาวโปรตุกีส ปั่นป่วนแนวรับ เบรนท์ฟอร์ด ตลอด

จุดเด่นของ โชต้า ก็คือการวิ่งหาพื้นที่ว่างเก่ง และการเลี้ยงทะลุทะลวง จังหวะที่เขาทำประตูที่สามเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมในการจบสกอร์ และแน่นอนว่าฟอร์มของเขาโดดเด่นเกินกว่าจะเป็นเพียงแค่ตัวสำรองแน่นอน

อีกเรื่องที่จะลืมไม่ได้เลยสำหรับประตูที่ โชต้า ยิงได้ในแมตช์นี้ เพราะมันมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากทำให้ทีมมีผลต่างประตูได้เสียมากกว่า อาร์เซน่อล 1 ลูกทำให้ "หงส์แดง" ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงได้อย่างสุดยอด

4. เอ็นโด รอดแดงหวุดหวิด

จากการที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ สะสมใบเหลืองครบ 5 ใบทำให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องตัดสินใจส่ง วาตารุ เอ็นโด ลงสนามซึ่งเป็นเกมแรกในลีกที่ ดาวเตะชาวญี่ปุ่น ได้ทำหน้าที่ตัวจริง

ผลงานของ เอ็นโด ถือว่าน่าประทับใจเลยทีเดียว โดยนักเตะตัดบอลแม่นยำ และเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในการไล่บอล แต่สิ่งที่เขาต้องปรับก็คือจังหวะการเข้าบอลที่ค่อนข้างอันตรายใส่ คริสเตียน นอร์การ์ด และต้องบอกว่าโชคดีมากๆ ไม่โดน "วีเออาร์" ลงโทษ นอกจากนี้ยังมีบางจังหวะที่สกัดบอลโฉ่งฉ่างแต่รอดใบเหลืองหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม การเล่นแบบกัดไม่ปล่อยของ เอ็นโด และความขยันในการวิ่งไล่บอลรวมทั้งตัดบอลคู่แข่งทำให้เล่นเกมรุกไม่ถนัด ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ชื่นชม

กระนั้นด้วยศักยภาพของ เอ็นโด มีความเป็นไปได้ที่ คล็อปป์ คงเลือกใช้งานเขาในฐานะยางอะไหล่ เพราะถ้า แม็ค อัลลิสเตอร์ กลับมาเล่นได้แน่นอนว่า ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่น คงต้องไปนั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองต่อไป

5. ลิเวอร์พูล มาแล้ว

แม้ว่าตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วงต้นฤดูกาลก็ตาม แต่บรรดาเกจิลูกหนังคงเริ่มคิดไปในทิศทางเดียวกันแล้วว่า ลิเวอร์พูล กำลังกลับมาสู่การเป็นคู่แข่งที่แท้จริงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้

ก่อนหน้านี้ "เดอะ เร้ดส์" ทำผลงานแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้หวือหวาแต่มีความแน่นอน โดยพวกเขาค่อยๆ แสดงให้เห็นถึงฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งขึ้นมาเรื่อยๆ และยกระดับเกมได้ดี

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล อาจจะฟอร์มหลุดไปบ้างจากการไล่ตีเสมอแบบเลือดตาแทบกระเด็นในเกมเยือน ลูตัน ทาวน์ ตามด้วยการเสียฟอร์มจากเกมที่ออกไปแพ้ ตูลูส ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก

คล็อปป์ แอนด์ โค. กลับมาเรียกฟอร์มเก่งคืนมาได้อย่างรวดเร็วในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ทั้งสร้างโอกาสยิงประตู และครองเกมที่เหนือนกว่าทีมเยือน ฉะนั้นการที่พวกเขาสามารถขยับขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูง เป็นสิ่งที่คู่ควรอย่างยิ่ง

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือหลังจบช่วง "ฟีฟ่าเดย์" ลิเวอร์พูล ต้องไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม โดยที่พวกเขาตามหลังจ่าฝูงเพียง 1 คะแนนเท่านั้น และงานนี้อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ !!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »