ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เห็นด้วยหรือเห็นต่าง!ทีมยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก หลังผ่านครึ่งทางซีซั่น 2023/2024

เห็นด้วยหรือเห็นต่าง!ทีมยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก หลังผ่านครึ่งทางซีซั่น 2023/2024

Posted 26/01/2024 by siamsport

ตอนนี้เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023/2024 ผ่านไปกว่าครึ่งซีซั่นแล้ว และต้องยอมรับว่ามีหลายประเด็นที่น่าสนใจมากมาย

คอลูกหนังคงได้เห็นทั้งเรื่องน่าประทับใจ และน่าฉงนสงสัยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความประทับใจจากฝีมือการคุมทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู, ปัญหาวุ่นวายของระบบวีเออาร์ยกตัวอย่างกรณีของจังหวะล้ำหน้า หลุยส์ ดิอาซ ในเกมกับ สเปอร์ส และฟอร์มที่น่าผิดหวังของนักเตะบางคนหรือบางทีม

กระนั้นเหนือสิ่งอื่นใดเรื่องที่แฟนบอลสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พันฟอร์มการเล่นของนักเตะในลีก ด้วยเหตุนี้จึงมีการจัดไลน์อัพแข้งที่ผลงานดีที่สุดในช่วงครึ่งซีซั่นแรก งานนี้ลองมาพิจารณากันว่าทั้ง 11 คนนี้คู่ควรหรือเปล่า

ผู้รักษาประตู : อลีสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล)

หลายคนอาจจะโต้เถียงกันระหว่าง  กิลเยโม่ วิคาริโอ นายทวารท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กับ อลีสซง เบ็คเกอร์ เนื่องจากทั้งสองคนทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ ในช่วงครึ่งซีซั่นแรก

วิคาริโอ มีส่วนสำคัญในการนำ สเปอร์ส ยึดจ่าฝูงในช่วงต้นฤดูกาล ซึ่งไม่แตกต่างกับ อลีสซง อย่างไรก็ตาม นายทวารชาวบราซิเลียน มีความคงเส้นคงวาในการทำหน้าที่มากกว่า และมีชอตเซฟมหัศจรรย์หลายครั้งซึ่งทำให้ "เดอะ เร้ดส์" ยึดจ่าฝูงลีก

ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่ อลีสซง จะได้รับการจัดอันดับให้เป็นมือ 1 ของลีกในเวลานี้ เพราะไม่มีโกลคนไหนที่มีค่าเฉลี่ยการเซฟได้ดีกว่า นายด่านทีมชาติบราซิล ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้

แบ็กขวา : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล)

เขาเป็นกองกลาง หรือเป็นฟูลแบ็ก ? ไม่ว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะสวมบทบาทในตำแหน่งไหนเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และมีส่วนกับฟอร์มที่โดดเด่นของ "เดอะ เร้ดส์"

"รองเทรนต์" ได้ประโยชน์อย่างยิ่งจากการที่ คล็อปป์ จับเขาทำหน้าที่อินเวิร์ตฟูลแบ็กบ่อยครั้งในฤดูกาลนี้ ดังนั้นจึงมีความคาดหวังว่าจะได้เห็นเขาเล่นในตำแหน่งนี้แบบถาวร เพราะทำให้นักเตะสามารถระเบิดฟอร์มเก่งได้เต็มศักยภาพ

ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเถียงว่า ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ คือหนึ่งในคีย์แมนสำคัญสำหรับแท็กติกใหม่ของ คล็อปป์ ที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกเต็มตัวในฤดูกาลนี้

เซนเตอร์แบ็ก : วิลเลี่ยม ซาลิบา (อาร์เซน่อล)

มีหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าหาก วิลเลี่ยม ซาลิบา มีสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้สูงที่ อาร์เซน่อล อาจจะเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ

จนกระทั่งถึงตอนนี้ของฤดูกาลปัจจุบัน ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศส ยังคงฟิตสมบูรณ์ และโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้แนวรับของ "เดอะ กันเนอร์ส" มีความมั่นคง และแข็งแกร่ง

แน่นอนว่าตอนนี้มีเซนเตอร์แบ็กเพียงไม่กี่คนที่สามารถอ่านเกม และเสียบสกัดได้อย่างแม่นยำเท่ากับที่ ซาลิบา ทำ ด้วยความที่เขาเพิ่งอายุ 22 ปีเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาฟอร์มการเล่นได้มากยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่า

เซนเตอร์แบ็ก : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)

หลังจากต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากในช่วงไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมา หลังได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า ตอนนี้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กลับมาอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของเขาในฤดูกาล 2023/2024

กองหลังกัปตันทีม "หงส์แดง" เล่นได้อย่างแข็งแกร่งในลูกบนพื้น และกลางอากาศ การอ่านเกมและสกัดบอลแม่นยำ ที่สำคัญยังมีความเป็นผู้นำ สิ่งนี้ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" นึกถึง ฟาน ไดค์ คนเดิมที่มีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์มากมาย รวมทั้ง พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

สำหรับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ ปราการหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ มีส่วนทำให้ ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ กลายเป็นทีมที่พร้อมท้าทาย "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการลุ้นแชมป์ลีก

แบ็กซ้าย : เดสตินี่ อูโดกี้ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)

เป็นเรื่องปกติที่ เดสตินี่ อูโดกี้ คาดหวังจะทำผลงานให้ดีที่สุดตอนที่เขาหวนกลับมาเล่นให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หลังจากถูกส่งไปค้าแข้งแบบยืมตัวกับ อูดิเนเซ่ และต้องยอมรับว่านักเตะโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างที่ต้องการ

ฟูลแบ็กชาวอิตาเลียน สร้างผลงานดีมีคุณภาพภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซืออังเก้ ปอสเตโคกลู โดยโดดเด่นในการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น และยังเล่นเกมรุกได้อย่างดุดัน

นอกจากนี้ อูโดกี้ ยังสามารถทำหน้าที่เป็นผู้เล่นปีก และอินเวิร์ตฟูลแบ็กได้ด้วย ดังนั้นถ้า ดาวเตะวัย 21 ปี ยังพยายามพัฒนาตัวเองต่อไป เขาจะเก่งยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่า

กองกลาง : แบร์นาร์โด้ ซิลวา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

ด้วยการที่ เควิน เดอ บรอยน์ ต้องพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บในช่วงครึ่งซีซั่นแรกของฤดูกาลนี้ นั่นทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสแปนิช จำเป็นต้องหากองกลางมาทำหน้าที่แทน ซึ่ง แบร์นาร์โด้ ซิลวา รับบทบาทนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส สร้างผลงานได้อย่างสุดยอดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการมีส่วนร่วมกับ 10 ประตูของต้นสังกัด ด้วยเหตุนี้ทัพ "สำเภาทอง" จึงสามารถรักษามาตรฐานการเล่นเกมรุกได้น่ากลัวแม้ไม่มี เดอ บรอยน์ อยู่ในทีม

ฟอร์มของ ซิลวา มีส่วนสำคัญมากๆ ที่ทำให้ แมนฯ ซิตี้ กลับมาสู่เส้นทางการป้องกันแชมป์ลีกอีกครั้ง โดยสามารถไล่บี้กับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างสนุก แถมตอนนี้ "เคดีบี" กลับมาแล้ว คงทำให้พวกเขาโหดยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

กองกลาง : เดแคลน ไรซ์ (อาร์เซน่อล)

ต้องบอกเลยว่าการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของ อาร์เซน่อล ก็คือการซื้อ เดแคลน ไรซ์ มาร่วมทัพ เพราะฟอร์มการเล่นของเขาช่วยทำให้แดนกลางของ "ปืนใหญ่" แข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นกว่าซีซั่นที่ผ่านมา

ทีมของกุนซือมิเกล อาร์เตต้า ยอมทุ่มเงินเป็นสถิติในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองผู้ดีเพื่อได้ตัว ไรซ์ มาเสริมแกร่ง โดย 6 เดือนแรกกับสโมสรนักเตะสร้างผลงานได้คุ้มกับเม็ดเงินที่สโมสรจ่ายไปจริงๆ

ไรซ์ เล่นได้คงเส้นคงวาจนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นคีย์แมนของ อาร์เซน่อล โดยมีส่วนในการช่วยทีมได้ประตูสำคัญๆ หลายครั้ง และถ้าหากองค์ประกอบในตำแหน่งอื่นของทีมพัฒนาขึ้น เชื่อว่าพวกเขาได้ลุ้นแชมป์ลีกจนกระทั่งวันสุดท้ายของซีซั่นแน่นอน

กองกลาง : โรดรี้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

คงไม่มีใครปฏิเสธว่า แมนฯ ซิตี้ มีแดนกลางที่แข็งแกร่งก็เพราะได้ โรดรี้ ทำหน้าที่คุมพื้นที่ โดยเขาผ่านบอลได้อย่างแม่นยำ และยังทำหน้าที่ตัดเกมในแผงมิดฟิลด์ของคู่แข่งได้บ่อยครั้ง

ต้องยอมรับว่า กองกลางชั้นดีทีมชาติสเปน วัย 27 ปี มีส่วนสำคัญกับความสำเร็จของสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเบิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

สำหรับฤดูกาลนี้ โรดรี้ ยังคงเป็นกำลังหลักของ แมนฯ ซิตี้ และซัดไปแล้ว 4 ประตูในลีก ที่สำคัญนักเตะรักษามาตรฐานการเล่นได้คงเส้นคงวา และทำให้ทีมมีลุ้นป้องกันแชมป์ลีกอีกสมัย

แนวรุกฝั่งขวา : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดไป 19 ประตูกับ 12 แอสซิสต์ แต่ไม่สามารถช่วยทีมให้ประสบความสำเร็จได้ อย่างไรก็ตามในซีซั่นนี้ "บังโม" กลับมาเล่นโหดเหมือนโกรธใครมา และทำให้ทีมบินสูงในเวลานี้

"คิง ออฟ อียิปต์" มีส่วนในการสร้างสรรค์เกมรุกของ "หงส์แดง" ตั้งแต่เปิดซีซั่นจนกระทั่งเดินทางไปช่วยชาติในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ โดยเขามีส่วนกับการทำประตู 21 ลูก และทำให้ "หงส์แดง" ได้ลุ้นแชมป์ลีก

สำหรับตอนนี้ ซาลาห์ กลับมายังต้นสังกัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา หลังรับใช้ทีมชาติอียิปต์ แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่สาวก "เดอะ ค็อป" ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะมันอาจส่งผลกระทบในการลุ้น 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้

แนวรุกฝั่งซ้าย : ซน ฮึง-มิน (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)

ปัจจุบัน ซน ฮึง-มิน ต้องแบกรับหน้าที่สุดสำคัญนั่นก็คือการสวมบทกัปตันทีมท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แทน แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ที่ย้ายไปค้าแข้งกับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ช่วงซัมเมอร์ล่าสุด

สำหรับบทบาทผู้นำของ "อาซน" ยิ่งทำให้นักเตะระเบิดศักยภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเขาซัดไป 12 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ และทำให้ สเปอร์ส ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ในช่วงต้นซีซั่นนี้

ตอนนี้ ซน ฮึง-มิน จำเป็นต้องเดินทางกลับไปเล่นให้ทีมชาติเกาหลีใต้ เพื่อทำศึกเอเชียน คัพ โดยเชื่อว่าแฟนบอล "ไก่เดือยทอง" คงอยากให้กัปตันทีมของพวกเขากลับมาช่วยทีมเร็วๆ เพื่อลุ้นความสำเร็จในซีซั่น 2023/2024

หน้าเป้า : เออร์ลิง ฮาแลนด์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

แม้ว่า เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะพลาดช่วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลายเกมในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงกลางเดือนมกราคม  แต่เขายังคงเป็นจอมถล่มประตูที่เด็ดขาด และมีส่วนสำคัญในการผลิตสกอร์ให้ต้นสังกัดจนกระทั่งได้รับบาดเจ็บและต้องพักยาว

สำหรับในฤดูกาลนี้ ฮาลันด์ ตะบันไปแล้ว 14 ประตูในลีก รั้งอันดับผู้นำดาวซัลโวร่วมกับ โม ซาลาห์ โดยในช่วงที่ไม่มีปัญหาบาดเจ็บ สตาร์ทีมชาตินอร์เวย์ คือกองหน้าที่แนวรับคู่แข่งหวาดหวั่นที่สุด เพราะเขามีทั้งความแข็งแกร่ง, เทคนิคยอดเยี่ยม และเต็มไปด้วยความเฉียบคม

หัวหอกวัย 23 ปี เต็มไปด้วยความกระหายที่จะกลับมาลงสนามให้กับ แมนฯ ซิตี้ และถ้าเจ้าตัวฟิตสมบูรณ์ และได้ประสานงานร่วมกับ เดอ บรอยน์ งานนี้บอกเลยว่าคงได้เห็นจำนวนประตูไหลเป็นน้ำแน่นอน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »