ดาร์วิน นูเนซยิงประตูที่ 1,000 ของการครองราชย์ของเจอร์เก้น คล็อปป์ในเกมยูโรปาลีกที่ลิเวอร์พูลเอาชนะสปาร์ตาปราก 5-1 อย่างสบายๆ แต่มันก็ยังไม่ใช่การอุ่นเครื่องที่สมบูรณ์แบบสำหรับการปะทะกันในวันอาทิตย์กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง

นักเตะทีมชาติอุรุกวัยจบการแข่งขันเลกแรกในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยอีกจังหวะในครึ่งแรก แต่มันเป็นครั้งแรกของเขาในนาทีที่ 25 ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก – และไม่ใช่แค่เพราะสถานที่สำคัญเท่านั้น

ลิเวอร์พูลตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เข้ามารับหน้าที่จุดโทษจากนูเนซ หลังจากที่เขาล้มเหลวในเกมกับเชลซีเมื่อเดือนมกราคม ทำให้พวกเขาขึ้นนำ

บางทีอาจกระตุ้นโดยนูเนซที่ดูแคลนคนนั้น – โดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนกับที่เขามักจะชอบ – ตัดเข้าจากทางซ้ายเพื่อยิงลูกดิ่งระยะ 25 หลาอันยอดเยี่ยมเหนือผู้รักษาประตูปีเตอร์วินดาห์ล

จังหวะที่สองของเขาเกิดขึ้นอย่างได้ผลเมื่อแม็ค อัลลิสเตอร์ ซึ่งครองบอลเหนือใครๆ ทั้งหมดที่ครองบอล เล่นบอลได้อย่างยอดเยี่ยมเหนือทีมจากอเมริกาใต้ ซึ่งเพื่อนชาวอเมริกาใต้ของเขาซัดข้ามวินดาห์ลและอยู่ในเสาไกล

หลุยส์ ดิอาซทำประตูที่สี่ และคล็อปป์ยังมีความหรูหราในการให้นาทีที่จำเป็นมากกับกองกลางโดมินิค โซบอสไล ซึ่งทำประตูที่ห้า และส่งต่อโมฮาเหม็ด ซาลาห์เมื่อเขากลับมาเพื่อปรับแต่งพวกเขาในช่วงสุดสัปดาห์ แต่การเสียอิบราฮิมา กองหลังตัวกลาง Konate ได้รับบาดเจ็บเป็นอีกหนึ่งอาการปวดหัวที่ไม่พึงประสงค์

ช่องว่างในชั้นเรียนในแง่ของการจบสกอร์เป็นที่ประจักษ์ชัดเมื่อสปาร์ตา ไม่แพ้ใครในบ้านตลอดทั้งฤดูกาล เปลืองโอกาสมากมายซึ่งอาจทำให้ยากกว่านี้มาก ในขณะที่ลิเวอร์พูลมีอาการทางคลินิกและยังมีตัวสำรองมากมาย

ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองฝ่ายพบกันในปี 2011 ทีมของเคนนี่ ดัลกลิชเล่นโดยใช้กองหลังห้าคน ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิอย่างแดนนี่ วิลสัน และโซติรอส คีร์เกียคอส โดยมีเดวิด หง็อกเป็นผู้นำ

การอัปเกรดในปี 2024 ถือว่าค่อนข้างสำคัญ แม้ว่าคล็อปป์จะทำการเปลี่ยนแปลงสามครั้งจากชัยชนะครั้งสุดท้ายที่น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ โดยมีจาเรลล์ ควานซาห์, วาตารู เอ็นโด้ และนูเนซเข้ามา และวางซาลาห์ไว้บนม้านั่งสำรอง หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ ซึ่งจำกัดให้เขาเหลือเพียง 46 นาทีเท่านั้น - ลงเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 20 นับตั้งแต่เขาได้รับบาดเจ็บในรายการแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เมื่อกลางเดือนมกราคม

พวกเขาใช้เวลาเพียงหกนาทีในการทำประตูในขณะที่กองหลังแอสเกอร์ โซเรนเซ่นช้าไปเล็กน้อยจากความพยายามของเขาที่จะคว้าบอล ขณะที่แม็ค อัลลิสเตอร์พุ่งออกมาจากกองกลางในการแถลงข่าว

เมื่อซาลาห์หายตัวไป นักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าเปลี่ยนลูกจุดโทษครั้งที่ 9 ของเขาจากการพยายาม 10 ครั้งให้กับสโมสรในอังกฤษ โดยก่อนหน้านี้ทำได้ 8 ประตูให้ไบรท์ตัน

สปาร์ตาตอบสนองทันทีและต่อเนื่องโดยลูคัส ฮาราสลินวางลูกยิงใกล้กับควิวีน เคลเลเฮอร์มากเกินไปโดยมีเพียงผู้รักษาประตูเท่านั้นที่จะเอาชนะ แต่ยังต้องการให้โจ โกเมซเคลียร์ออกจากเส้น

Konate สกัดลูกยิงของ Angelo Preciado จากนั้น Kelleher ก็พลิกคว่ำเมื่อหัวของเอกวาดอร์ได้รับการช่วยเหลือ แต่เมื่อความกดดันถึงจุดสูงสุด Liverpool ก็หักพันธนาการ และ Nunez ก็เพิ่มความได้เปรียบเป็นสองเท่าในสไตล์ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม วิธีการอันกล้าหาญของ Sparta ในการรักษาผู้เล่นสามคนไว้สูงตลอดเวลาก็ประสบความสำเร็จในการก่อให้เกิดปัญหา

Jan Kuchta สะบัดไปก่อนที่ Kelleher จะปัดลูกยิงของเขาเข้าทาง Velijko Birmancevic ห่างออกไปหกหลา แต่การจบสกอร์ของเขาเหมาะกับละครสัตว์ที่ขว้างขึ้นไปฝั่งตรงข้ามถนนจากสนามกีฬามากกว่า ในขณะที่เขารวมประตูเปิดกว้างหลังจากเตะบอลปะทะจุดยืนของเขา เท้า.

We take a lead back to Anfield ? pic.twitter.com/GiMYtdJJz7

— Liverpool FC (@LFC) March 7, 2024

Cody Gakpo มีโอกาสสองครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็วเพื่อทำให้เกมปลอดภัย แต่ Vindahl ยิงในเทิร์นนั้นเซฟไว้ได้อย่างดี จากนั้นเขาก็ยิงตรงไปที่ผู้รักษาประตูจากบอลอันน่ารื่นรมย์ของ Diaz

การมีส่วนร่วมครั้งแรกของคอเนอร์ แบรดลีย์หลังจากเปลี่ยนโกเมซในช่วงพักครึ่งแรกในการแลกเปลี่ยนที่จัดไว้ล่วงหน้าคือการเปลี่ยนลูกครอสของบีร์มานซ์วิชไปเป็นวินาทีสุทธิของเขาเองหลังจากการรีสตาร์ท และฮาราสลินที่ไม่มีเครื่องหมายก็ถูกเคลเลเฮอร์เบียดเสียด

การเริ่มต้นครึ่งหลังที่วุ่นวายยังคงดำเนินต่อไปเมื่อโคนาเต้ได้รับบาดเจ็บและถูกแทนที่โดยเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค โดยมีโซบอสไลลงแทนนูเนซ

จังหวะที่เบี่ยงเบนไปในนาทีที่ 53 ของดิแอซทำให้เกมเข้านอนในที่สุด ก่อนที่ซาลาห์จะได้ประตูที่ควบคุมโดย VAR และโซบอสไลทำประตูด้วยการเตะลูกสุดท้ายของเกม อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะไม่รองรับในแอนฟิลด์มากนัก