ความหวังในการสร้างประวัติศาสตร์คว้า 4 แชมป์ในฤดูกาล 2023/2024 จบสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว หลังพวกเขาออกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ร่วงตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้พวกเขาเหลือลุ้นคว้า 3 แชมป์เท่านั้น

การตกรอบฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ที่สุดในโลก อาจจะทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ผิดหวังแต่หากมองอีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีที่โปรแกรมของ "หงส์แดง" ลดลง นั่นทำให้ทีมมีเวลาพักฟื้นร่างกายมากขึ้น

สำหรับตอนนี้บรรดาลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ไม่ได้ติดทีมชาติจะได้มีเวลาพักจนถึงช่วงสิ้นเดือนมีนาคมเพราะตอนนี้เข้าสู่ช่วง "ฟีฟ่า เดย์" ดังนั้นนี่คือเวลาที่สำคัญมากๆ สำหรับ "หงส์แดง"

หลังกลับสู่การแข่งขันระดับสโมสร งานนี้จะเป็นเกมที่จะต้องฟาดฟันกันจนกระทั่งจบฤดูกาลนี้ โดย ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก จะเหลือเกมลีก 10 แมตช์เท่านั้น ขณะที่ฟุตบอลถ้วยก็ว่ากันไปตามรายการที่ "ม้าสามตัว" ต้องลงฟาดฟัน 

"เดอะ เร้ดส์" กลับมาลงแข่งอีกครั้งหลังพักเบรกทีมชาติด้วยการปะทะกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน วันที่ 31 มีนาคม ก่อนจะเปิดบ้านรับมือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในช่วงต้นเดือนเมษายน จากนั้นก็เดินทางไปเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำศึก "แดงเดือด" ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ก่อนจะเปลี่ยนโปรแกรมไปเล่นในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ ดวล อตาลันต้า ทีมดังในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ที่แอนฟิลด์ หลังจากรับต้องรับมือ คริสตัล พาเลซ ที่แอนฟิลด์ ก่อนจะกลับไปเล่นเกม 2 เยือน อตาลันต้า ที่อิตาลี และการที่ทีมตกรอบ เอฟเอ คัพ นั่นทำให้ "หงส์แดง" ต้องเล่นเกมลีกเยือน ฟูแล่ม

7 เกมต่อไปของ ลิเวอร์พูล ในทุกรายการ

วันที่ 31 มี.ค. : ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (เหย้า) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 4 เม.ย. :  เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (เหย้า) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 7 เม.ย. : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 11 เม.ย. : อตาลันต้า (เหย้า) - ยูโรปา ลีก

วันที่ 14 เม.ย. : คริสตัล พาเลซ (เหย้า) -พรีเมียร์ลีก

วันที่ 18 เม.ย. : อตาลันต้า (เยือน) - ยูโรปา ลีก

วันที่ 20 เม.ย. : ฟูแล่ม (เยือน) - พรีเมียร์ลีก

ขณะที่ ลิเวอร์พูล กลับมาลงแข่งในช่วงพักเบรกทีมชาติด้วยการพบกับ ไบรท์ตัน แต่หลายคนคงจับตามองไปที่เกมในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อ แมนฯ ซิตี้ ต้องรับมือ อาร์เซน่อล ซึ่งน่าจะเกมชี้ชะตาแชมป์ลีกเลยทีเดียว

หลังจากนั้นทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องเผชิญหน้ากับ แอสตัน วิลล่า ที่บ้านก่อนจะเดินทางไปเยือน คริสตัล พาเลซ แล้วก็ทำศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 เกมปะทะ เรอัล มาดริด ตามด้วยเปิดบ้านพบ ลูตัน ทาวนร์ แล้วก็มีคิวบุกเวมบลีย์เพื่อเล่นศึกเอฟเอ คัพ พบ เชลซี นั่นทำให้เกมกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ วันที่ 20 เม.ย. ต้องเลื่อนออกไป

7 เกมต่อไปของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในทุกรายการ

วันที่ 31 มี.ค. : อาร์เซน่อล (เหย้า) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 3 เม.ย. : แอสตัน วิลล่า (เหย้า) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 6 เม.ย. : คริสตัล พาเลส (เยือน) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 9 เม.ย. : เรอัล มาดริด (เยือน) - ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

วันที่ 13 เม.ย. : ลูตัน ทาวน์ (เหย้า) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 17 เม.ย. : เรอัล มาดริด (เหย้า) - ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

วันที่ 20 เม.ย. : เชลซี (เวมบลีย์) - เอฟเอ คัพ

สำหรับ อาร์เซน่อล เมื่อเจอเกมหนักในการเยือน แมนฯ ซิตี้ แล้ว สองเกมลีกหลังจากนั้นพวกเขาเจองานเบาเพราะพบกับ ลูตัน ทาวน์ ทีมโซนตกชั้น และ ไบรท์ตัน ทีมกลางตาราง ตามด้วยการทำศึกใหญ่ 2 แมตช์ปะทะ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เหย้า-เยือน ในเกมถ้วยใบโตยุโรป

จากนั้นก็ไฝว้กับ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า ขณะที่ "ปืนใหญ่" ตกรอบเอฟเอ คัพ ไปแล้ว นั่นทำให้พวกเขามีคิวฟัดกับ "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ซึ่งโดน โคเวนทรี ซิตี้ ทีมระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เขี่ยตกรอบ 8 ทีม

7 เกมต่อไปของ อาร์เซน่อล ในทุกรายการ

วันที่ 31 มี.ค. : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 3 เม.ย. : ลูตัน ทาวน์ (เหย้า) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 6 เม.ย. : ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (เยือน) - พรีเมียร์ลีก

วันที่ 9 เม.ย. : บาเยิร์น มิวนิค (เหย้า) - ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

วันที่ 13 เม.ย. : แอสตัน วิลล่า (เหย้า) - พรีเมียร์ลีก 

วันที่ 17 เม.ย. : บาเยิร์น (เยือน) - ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

วันที่ 20 เม.ย. : วูล์ฟแฮมป์ตัน (เยือน) - พรีเมียร์ลีก