ลิเวอร์พูล ยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ เริ่มต้นในวันที่ 17 ตุลาคม 2015 โดยเขากุมบังเหียนทัพ "หงส์แดง" ครั้งแรกในเกมพบ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แล้ว 11 ตัวจริงแมตช์แรกของ "บอส" ตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ?

สำหรับแมตช์แรกของ คล็อปป์ กับ "หงส์แดง" จบลงด้วยผลเสมอไร้สกอร์ และเกมแรกที่คว้าชัยชนะในยุคคล็อปป์ต้องรออีกสัปดาห์ อย่างไรก็ตามการออกไปเยือน สเปอร์ส  เมื่อหลายปีก่อนจะเห็นได้ว่าอิทธิพลของ คล็อปป์ มีผลกระทบกับทีมไปแล้ว

เกมนั้นนักเตะลิเวอร์พูลวิ่งกันเป็นบ้าเป็นหลังซึ่งมากกว่าเกมอื่นๆ ในฤดูกาลนั้น จากแท็คติกดังกล่าวทำให้หลายคนได้เห็นแนวทางการเล่นฟุตบอลสไตล์ "เฮฟวี่ เมทัล" ของ คล็อปป์ เป็นครั้งแรก

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คล็อปป์ ได้สร้างสไตล์การเล่น "เกเก้นเพรสซิ่ง" ให้กับทัพ "หงส์แดง" โดยจากวันนั้นถึงวันนี้ทีมก็ยังคงเน้นการเล่นที่สนุกเร้าใจ วิ่งไม่มีหมด กระนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้าย หลัง "บอส" ประกาศวางมือในช่วงซัมเมอร์นี้ งานนี้มาดูกันดีกว่าผู้เล่น 11 ตัวจริงของ คล็อปป์ เกมแรกคือใครและปัจจุบันทำอาชีพอะไร !!

ผู้รักษาประตู :ซิมง มินโญเลต์ - คลับ บรูช

อำลา ลิเวอร์พูล : 2019

นายทวารชาวเบลเยียม กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นคีย์แมนของ คลับ บรูช ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาย้ายมาร่วมงานทันทีหลังโบกมือลาถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 8.2 ล้านปอนด์ (ราว 360 ล้านบาท) โดย มินโญเลต์ ลงเล่นให้กับต้นสังกัดในบ้านเกิดมากกว่า 230 เกม เขาคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยและได้แชมป์เบลเยียม ซูเปอร์คัพ ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงระหว่างปี 2019-2022 โกลวัย 35 ปี คว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำศึกดิวิชั่น 1 เบลเยียม 4 ปีติดต่อกัน

แบ็กขวา : นาธาเนียล ไคลน์ - คริสตัล พาเลซ

อำลา ลิเวอร์พูล : 2020

ฟูลแบ็กชาวอังกฤษ หวนกลับไปเล่นให้กับ คริสตัล พาเลซ สโมสรที่สร้างชื่อให้กับเขา โดยในช่วงแรกเป็นการย้ายด้วยสัญญาระยะสั้น จากนั้นก็ทำการขยายสัญญาใหม่ 4 ปี สำหรับ ไคลน์ มักจะเข้าๆ ออกๆ ไลน์อัพทัพ "ดิ อีเกิ้ลส์" และเขาลงสนามเป็นตัวจริงเพียง 54 เกมในลีกนับตั้งแต่ปี 2020 ตอนนี้เขาอายุ 32 ปีแล้ว และสัญญาจะหมดลงช่วงซัมเมอร์นี้

เซนเตอร์แบ็ก : มาร์ติน สเคอร์เทล - แขวนสตั๊ด

อำลา ลิเวอร์พูล : 2016

สเคอร์เทล จำเป็นต้องแขวนสตั๊ดเมื่อปี 2022 หลังโลดแล่นอยู่ในวงการนักฟุตบอลอาชีพมานานถึง 21 ปี โดยเจ้าตัวมีปัญหาบาดเจ็บหลังเรื้อรั้งจนทำให้ไม่สามารถเล่นฟุตบอลได้อีกต่อไป จากนั้นก็ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนๆ ว่าจะกลับมาค้าแข้งให้กับทีมบ้านเกิดอย่าง เอฟเค ไฮจ์สคาล่า ราซโตชโน่ นักเตะเคยเล่นให้กับทีมชั้นนำไม่ว่าจะเป็น เฟเนร์บาห์เช่, อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ และสปาร์ตัก เทอร์วานา หลังอำลา "หงส์แดง" ซึ่งเขาก็เพิ่งหวนกลับไปเล่นให้กับทีมตำนานของสโมสร

เซนเตอร์แบ็ก : มามาดู ซาโก้ - ไร้สังกัด

อำลาลิเวอร์พูล : 2017

ทันทีที่แยกทางกับ ลิเวอร์พูล นักเตะยังคงค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยย้ายไปร่วมงานกับสโมสรคริสตัล พาเลซ  ซึ่งเจ้าตัวลงเล่นไป 75 เกม และอยู่กับสโมสรจนถึงปี 2021 หลังจากนั้นเขาหวนกลับฝรั่งเศสเพื่อเล่นกับ มงต์เปลลิเย่ร์ แต่ต้องโบกมือลาทีมในปี 2023 เนื่องจากมีปัญหาทะเลาะกับ มิเชล เดอร์ ซากาเรี่ยน กุนซือ สำหรับตอนนี้ แข้งวัย 34 ปี ยังไม่ได้ร่วมงานกับทีมไหนทั้งนั้น และยังไม่รู้ว่านักเตะจะเลือกเซ็นสัญญาไปเล่นกับทีมไหน หรือจะเลือกแขวนสตั๊ด

แบ็กซ้าย : อัลแบร์โต้ โมเรโน่ - บียาร์เรอัล

อำลาลิเวอร์พูล : 2019

แบ็กซ้ายชาวสแปนิช หวนกลับไปเล่นในประเทศบ้านเกิดร่วมกับ บียาร์เรอัล โดยนักเตะได้พบกับประสบการณ์ที่สุดยอด และย่ำแย่ ตอนนั้น โมเรโน่ ได้รับบาดเจ็บหนักที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่าจนต้องพักเป็นปีหลังย้ายมาร่วมทัพเมื่อปี 2022 แม้จะเจอเรื่องโชคร้ายแต่ก็มีเรื่องโชคดีเช่นกันเนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในนักเตะ "เรือดำน้ำสีเหลือง" คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ปี 2021 ด้วยการเอาชนะการดวลจุดโทษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

กองกลางตัวรับ : เอ็มเร่ ชาน - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

อำลาลิเวอร์พูล : 2018

ตอนนี้เขาเป็นกัปตันทีมดอร์ทมุนด์ ซึ่งย้ายมาร่วมทัพเมื่อปี 2020 โดยเจ้าตัวได้รับบทบาทผู้นำแทน มาร์โค รอยส์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 ตอนแรกที่อำลา "เดอะ เร้ดส์" นักเตะย้ายไปเล่นให้ "ม้าลาย" ยูเวนตุส แต่การย้ายทีมครั้งนั้นต้องล้มเหลวไม่เป็นทาง เนื่องจาก ชาน โดนมองข้ามจากกุนซือในการเลือกส่งลงสนาม สำหรับปัจจุบัน ดาวเตะชาวเยอรมัน ได้ค้นพบตำแหน่งที่เหมาะสมกับเขาที่ ดอร์ทมุนด์ นั่นก็คือมิดฟิลด์ตัวรับ

กองกลาง : ลูคัส เลว่า - แขวนสตั๊ด

อำลาลิเวอร์พูล : 2017

ฮีโร่แนวปิดทองหลังพระต้องเลิกเล่นฟุตบอลเมื่อช่วงต้นปี 2023 เนื่องจากมีปัญหาเรื่องหัวใจ ซึ่งในเวลานั้นเล่นอยู่กับ เกรมิโอ สโมสรบ้านเกิด เลว่าย้ายมาเล่นกับทีมในบราซิลหลังจบช่วง 5 ซีซั่นกับ ลาซิโอ ซึ่งเป็นทีมที่เขาได้ชูโทรฟี่แชมป์ 3 รายการ ปัจจุบัน อดีตดาวเตะเลือดแซมบ้า ทำงานเป็นทูตให้กับลิเวอร์พูล และดูเหมือนว่าในอนาคตเขาจะกลับมาทำงานให้สโมสรอีกครั้ง

กองกลาง : เจมส์ มิลเนอร์ - ไบรท์ตัน

อำลาลิเวอร์พูล : 2023

คล็อปป์ ไม่ต้องการปล่อยตัว มิลเนอร์ ออกไป แต่หลังจากอยู่สร้างทีมในยุคทอง 8 ปี เจ้าตัวต้องการออกไปหาความท้าทายใหม่กับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ซึ่งเป็นสโมสรที่ให้เขาได้ลงเล่นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ดาวเตะเลือดผู้ดี อายุ 38 ปีแล้ว และยังคงรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้น มิลเนอร์ คือผู้เล่นที่ลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีก มากที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวน 634 เกม

แนวรุก : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ -  อัล ดูฮาอิล (ยืมตัวจาก แอสตัน วิลล่า)

อำลาลิเวอร์พูล : 2018

ต้องบอกว่านี่คือการย้ายทีมที่คุ้มค่าจริงๆ สำหรับลิเวอร์พูล เพราะพวกเขาแข้ง คูตินโญ่ ให้ บาร์เซโลน่า จำนวน 142 ล้านปอนด์ (ราว 6,248 ล้านบาท) แต่น่าเสียดายที่ "คูตี้" ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องกับ บาร์ซ่า จากนั้นก็ถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ บาเยิร์น มิวนิค ตามด้วย แอสตัน วิลล่า และตอนนี้ก็เดินทางไปทำมาหารับประทานที่ประเทศกาตาร์กับ อัล ดูฮาอิล ด้วยสัญญาชั่วคราว แม้ว่านักเตะจะไม่ได้เฉิดฉายเหมือนตอนอยู่กับ "หงส์แดง" แต่อย่างน้อยเขาก็คว้าแชมป์มากมายรวมทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีก และ ลา ลีกา สเปน

แนวรุก : อดัม ลัลลาน่า - ไบรท์ตัน

อำลาลิเวอร์พูล : 2020

ปัจจุบัน ลัลลาน่า อายุ 35 ปีแล้ว และเลือกที่จะหวนกลับไปค้าแข้งกับ ไบรท์ตัน โดยนักเตะยังสร้างประโยชน์ให้กับสโมสร ที่สำคัญประสบการณ์ของเขามีส่วนอย่างยิ่งในการนำทีมไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ "เดอะ ซีกัลส์" แม้เจ้าตัวจะมีปัญหาบาดเจ็บเรื้อรัง แต่ก็ยังลงเล่นให้กับต้นสังกัดเกือบ 100 แมตช์แม้ส่วนใหญ่จะเป็นการลงสนามในฐานะตัวสำรองก็ตาม

หน้าเป้า : ดิว็อค โอริกี้ - น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (ยืมตัวจาก เอซี มิลาน)

อำลาลิเวอร์พูล : 2022

ไม่มีกุนซือคนไหนที่จะรู้วิธีการดึงศักยภาพที่แท้จริงของ โอริกี้ ออกมาได้เหมือนกับ คล็อปป์ และเขาต้องพบกับความยากลำบากนับตั้งแต่ที่อำลา "หงส์แดง" โดยตอนที่เล่นให้ เอซี มิลาน เจ้าตัวยิงไปแค่ 3 ประตูเท่านั้น ที่สำคัญ "มหาเทพ" ลงเล่นให้ "รอสโซเนรี่" กับ ฟอเรสต์ รวมกัน 53 แมตช์ และเป็นตัวจริงแค่ 17 เกม อย่างไรก็ตาม สตาร์ชาวเบลเยียม มีข่าวว่าอาจเลือกย้ายไปเล่นในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ (เอ็มแอลเอส) สหรัฐฯ ซึ่งอาจเผยร่างทองบนดินแดนลุงแซมก็ได้