ศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับชัยชนะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เชือด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 คว้าแชมป์ถ้วยนี้มาครองเป็นสมัยที่ 13 และนั่นก็เท่ากับว่า ตอนนี้อังกฤษได้บทสรุปโควตาลุยถ้วยยุโรปทั้งสามรายการในฤดูกาลหน้า หรือฤดูกาล 2024/2025 เรียบร้อย ซึ่งใครได้เล่นถ้วยไหนบ้าง เรามาดูกัน

- ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และ แอสตัน วิลล่า

ท็อปโฟร์หรือสี่อันดับแรกในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/2024 ได้สิทธิ์ลุยถ้วยยุโรปใบใหญ่สุดโดยอัตโนมัติ ซึ่งนั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์ ตามด้วยอันดับ 2-4 อย่าง อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และ แอสตัน วิลล่า โดยเฉพาะ "สิงห์ผงาด" ถือเป็นการได้กลับไปเล่นถ้วย "บิ๊ก เอียร์ส" หนแรกในรอบ 41 ปี เลยทีเดียว

- ยูฟ่า ยูโรปา ลีก : ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จบอันดับห้าในลีก ได้สิทธิ์เล่นถ้วย ยูโรปา ลีก โดยตรง เช่นเดียวกับอันดับหก ซึ่งนั่นก็คือ เชลซี แต่ด้วยการที่ล่าสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ทำให้ "ปีศาจแดง" ได้สิทธิ์นี้แทน เชลซี ทันที ทั้งที่ตัวเองจบที่แปด ซึ่งปกติอดเล่นถ้วยยุโรป (อังกฤษ ได้โควตาเตะถ้วยยุโรป 7 ทีม แบ่งเป็น แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 ทีม, ยูโรปา ลีก 2 ทีม และ คอนเฟอเรนซ์ ลีก 1 ทีม) พร้อมกับส่ง "สิงห์บลูส์" ลดระดับไปเล่นในถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก แทน

- ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก : เชลซี

เดิมทีถ้วยนี้ต้องเป็น นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งจบอันดับเจ็ดในลีก ที่ได้เล่น แต่กลายเป็น "เจ็บ" แทน เพราะชัยชนะในเกมนัดชิงฯ เอฟเอ คัพ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ "สาลิกาดง" โดนตัดออกจากโควตาถ้วยยุโรปทันที เพราะสิทธิ์เล่นถ้วยนี้ ซึ่งมีเพียงที่เดียว กลายเป็นของ เชลซี แทน ตามเหตุผลที่ว่าไว้ในข้อข้างบน

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก จะเปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก เพื่อความกระชับและให้พูดง่ายขึ้น