ย้อนกลับไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา สื่อทุกสำนักรายงานตรงกันว่า แมนยู พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วที่จะให้ เอริค เทน ฮาก เป็นผู้จัดการทีมปีศาจแดงต่อ

เท่านั้นไม่หนำใจ บอร์ด แมนยู ยังเตรียมต่อสัญญากับเขาเพิ่มอีกต่างหาก

สัญญาของกุนซือชาวดัตช์ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จะหมดลงในปี 2025 โดยมีออปชั่นต่อสัญญาเพิ่มหลังจากนั้นอีก 1 ปี แต่ดูเหมือนว่ากำลังจะมีการขยายสัญญาให้นานกว่านั้นอีกด้วย

---------------------------------------------------

อันที่จริง ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องการรีบต่อสัญญายาวนะครับ เพราะต้องไม่ลืมว่าถ้าหากไม่มีแชมป์ เอฟเอ คัพ ติดมือ ผลงานฤดูกาลที่ผ่านมาของกุนซือหัวไร้ขนผู้นี้ถือว่าหมดความชอบธรรมกับการคุมผีแดงต่ออย่างชัดเจน

จบอันดับ 8 ซึ่งเป็นอันดับที่แย่ที่สุดในยุคที่เล่นในพรีเมียร์ลีก แถมจบซีซั่นด้วยผลต่างประตูได้-เสียติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็กล้าๆ ตกรอบแบ่งกลุ่มในฐานะทีมบ๊วย ทั้งที่ควรจะมีอันดับเหนือกว่าทีมอย่าง เอฟซี โคเปนเฮเก้น และ กาลาตาซาราย ได้ไม่ยาก

คาราบาว คัพ ที่ตนเองเป็นแชมป์เก่า ก็ร่วงไปตั้งแต่รอบ 4 ด้วยการแพ้ นิวคาสเซิ่ล คาบ้านแบบย่อยยับ 0-3

หลายๆ นัดก็ทำผลการแข่งขันที่ควรจะได้หลุดมือไปแบบโง่ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการโดน เบรนท์ฟอร์ด ไล่ตีเสมอได้ ทั้งที่อุตส่าห์ขึ้นนำเขาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ หรือการแพ้ เชลซี 4-3 ทั้งที่นาที 90+9 ยังนำเขา 3-2 แท้ๆ

ไม่ใช่แค่ผลการแข่งขันจะบัดซบอย่างแรงเท่านั้น แต่รูปเกมในสนามก็สะเปะสะปะ ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสลุ้นประตูเยอะทุกนัด จนไม่รู้ว่าทำอะไรกันในสนามซ้อมกันแน่ ถึงแก้จุดอ่อนที่มันห่วยแตกทุกสัปดาห์ไม่ได้ซะที

เล่นกันแย่ไม่พอ ยังทำให้นักเตะมีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งฤดูกาลอีกต่างหาก

ส่วนการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ถือว่ามีเทพีแห่งโชคเข้ามาแทรกแซงด้วยมิใช่น้อนน้อย

ไม่ว่าจะเป็นดวงการจับสลากที่หลีกเลี่ยงการปะทะทีมใหญ่ได้ในรอบแรกๆ รวมถึงในรอบรองชนะเลิศที่ได้เจอกับทีมจากแชมเปี้ยนชิพอย่าง โคเวนทรี ซิตี้

อันที่จริง ถ้าหากไม่มี VAR ช่วยเอาไว้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เผลอๆ แมนยู โดน โคเวนทรี พลิกแซงชนะ 4-3 ในรอบรองชนะเลิศด้วยซ้ำนะครับ ทั้งที่เกมนั้นพลพรรค เร้ด อาร์มี่ อุตส่าห์ขึ้นนำก่อนถึง 3 ลูก

หรืออย่างเกมนัดชิง ก็ถือว่าได้ส้มหล่นขึ้นนำแบบงงๆ จากการผิดพลาดกันเองของคู่แข่ง เมื่อ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล โหม่งบอลคืนหลังสวนกับที่ สเตฟาน ออร์เตก้า วิ่งออกมาจากกรอบประตู

บอกเลยว่าถ้าไม่มีแชมป์ เอฟเอ คัพ คุ้มครองไว้

เอริค เทน ฮาก โดนปลดออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน

---------------------------------------------------

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ และคณะทีมงานอินนีออสของเขา รวมถึงเหล่าผู้บริหารหลังบ้านชุดใหม่ที่มีอำนาจตัดสินใจด้านฟุตบอล เลือกไว้ใจให้ เทน ฮาก ทำทีมต่อ เป็นเพราะแคนดิเดตที่พวกเขาพิจารณา ไม่ได้มีใครที่ดีกว่ากุนซือคนปัจจุบันอย่างชัดเจนจริงๆ

โธมัส ทูเคิ่ล มักจะมีปัญหากับทุกสโมสรที่คุม ไปทำงานกับใครก็อยู่ได้ไม่นาน แถมล่าสุดเพิ่งมีประวัติด่างพร้อยจากการทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ว่าวแชมป์ทุกรายการเป็นหนแรกในรอบ 12 ปี

คีแรน แม็คเคนน่า ยังอ่อนประสบการณ์เกินไป ส่วน โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ก็ทำผลงานกับ ไบรท์ตัน ในฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็ดูจะเป็นโค้ชที่มีโหงวเฮ้งมักจะพาทีมพลาดแชมป์เป็นประจำ

โธมัส แฟร้งค์ ก็ดูจะเหมาะกับการคุมทีมเล็กๆ และเล่นฟุตบอลสไตล์ทีมรองบ่อนมากกว่า

ส่วน แกรห์ม พ็อตเตอร์ กับ แกเร็ธ เซาธ์เกต เชื่อว่าเป็นชื่อที่ไม่มีแฟนผีคนไหนต้องการอยู่แล้ว

ขณะที่ยอดโค้ชระดับท็อปอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ยังไม่คิดจะมาทำงานบนเกาะอังกฤษ การจะหวังให้เขามาคุมทีมปีศาจแดง จึงเหมือนเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อในจินตนาการเท่านั้น

---------------------------------------------------

ส่วนเรื่องที่เบื้องบนของ แมนยู กำลังจะต่อสัญญาใหม่กับ เทน ฮาก เข้าใจได้ว่ามันคือการสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานระหว่างทุกฝ่าย

มันคงไม่ดีนัก ถ้าปล่อยให้กุนซือชาวดัตช์ทำงานต่อไปโดยไม่รู้ว่าตัวเองจะตกงานตอนไหน ซึ่งถ้าหากมีสัญญารับประกันเอาไว้ อย่างน้อยๆ ก็จะมีค่าชดเชยรองรับ ถ้าหากซีซั่นหน้าเขาดันโดนไล่ออกกลางคัน

นอกจากนั้นแล้ว เทน ฮาก น่าจะมีสมาธิในการทำงาน และวางแผนเพื่อสโมสรในระยะยาวได้ดีกว่าการคุมทีมไปโดยไม่รู้ว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งอีกนานแค่ไหน

การเจรจาคว้าผู้เล่นใหม่ ก็จะมีความชัดเจนสำหรับนักเตะคนนั้น ว่ากำลังจะย้ายเข้ามาเล่นโดยที่มีใครเป็นโค้ช

ส่วนตัวของ เอริค เทน ฮาก เอง ถ้าหากตกลงต่อสัญญาคุมทีมต่อไปอีก ก็เป็นการแสดงออกว่าเขาหายงอนสโมสรแล้ว หลังจากเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าพวกเขาไม่ต้องการผม ผมก็จะไปคว้าแชมป์กับทีมอื่น” ตอนที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ หมาดๆ

---------------------------------------------------

ถ้าพูดถึงข้อดีของ เอริค เทน ฮาก ที่ทำให้สโมสรไว้ใจ นอกจากกระแสแฟนบอลส่วนใหญ่ที่กลับมาหนุนหลัง นับตั้งแต่พาทีมคว้าโทรฟี่ได้เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันแล้ว ก็คือเรื่องของการผลักดันดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ต่อเนื่อง

รายงานข่าวจากสื่อที่น่าเชื่อถืออย่าง เดอะ เทเลกราฟ เผยว่าบอร์ดบริหารประทับใจอดีตนายใหญ่ของ อาแจ็กซ์ มากๆ ที่กล้าให้โอกาสผู้เล่นจากอะคาเดมี่อย่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ ค๊อบบี้ เมนู ขึ้นมาเป็นกำลังหลักอย่างรวดเร็ว

เบื้องหลังของเรื่องนี้ คือ เทน ฮาก ทำงานหนักร่วมกับผู้อำนวยการอะคาเดมี่ของสโมสรอย่าง นิค ค็อกซ์ มาโดยตลอด และคาดว่าในอนาคต จะต้องมีการดันดาวรุ่งขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่เพิ่มอีกแน่

นอกจากนั้นแล้ว เทน ฮาก ยังแสดงให้เห็นว่าถ้าหากมีทีมชุดที่สมบูรณ์ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ กลับมาคุมแนวรับ ผลงานมันก็ดีขึ้นทันตาเห็น

ถ้าหากซีซั่นหน้า ผู้อำนวยการกีฬาหรือผู้อำนวยการเทคนิคเข้ามาช่วยวิเคราะห์ และวางแผนการป้องกันปัญหาวิกฤตินักเตะบาดเจ็บได้ ผลการแข่งขันของ แมนยู ก็น่าจะไม่ทุเรศอย่างซีซั่นที่ผ่านมา

---------------------------------------------------

ส่วนเรื่องการเสริมทัพที่ขัดใจแฟนบอล คาดว่าสโมสรกำลังจะลดอำนาจของ เทน ฮาก มาให้ทีมงานเบื้องหลังที่จะมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นมีน้ำหนักในการตัดสินใจเลือกเฟ้นนักเตะเข้าทีมเป็นหลักแทน

การใช้เงินมือเติบแบบหน้ามืดไปกับผู้เล่นที่ราคาแพงเว่อร์เกินจริง เหมือนอย่างที่ไปสอย อันโตนี่ หรือ เมสัน เมาท์ เข้ามาเพราะผู้จัดการทีมอยากได้อย่างจงหนัก คงไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไป

คาดว่าสโมสรจะมีคนเบื้องหลังที่มีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นมาช่วยวิเคราะห์อย่างละเอียด ว่าควรใช้งบที่มีจำกัดไปกับผู้เล่นคนไหนกันแน่

ดังฉะนั้น

ตั้งแต่ซัมเมอร์นี้เป็นต้นไป คาดว่าการเสริมทัพจะเป็นการเกาถูกที่คัน และใช้เงินได้ฉลาดขึ้นมาจากที่ผ่านมา

---------------------------------------------------

ทีนี้คำถามก็คือ แล้วถ้าหาก เอริค เทน ฮาก คุมทีมต่อ แฟนบอลควรคาดหวังผลงานอย่างไรในฤดูกาลหน้า?

ส่วนตัวผมคิดว่า การจะพัฒนาทีมไปลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล หรือ ลิเวอร์พูล ยังเร็วเกินไปหน่อย เพราะ แมนยูไนเต็ด เพิ่งอยู่ระหว่างกระบวนการทุบทิ้งแล้วเริ่มสร้างใหม่ น่าจะยังทำผลงานได้ไม่คงเส้นคงวามากพอ

ถ้าจะลุ้นความสำเร็จ อาจจะเป็นในรายการบอลถ้วยเหมือนเดิม หรือไม่ก็ศึก ยูโรปา ลีก ที่จะมีลุ้นแชมป์มากขึ้น เนื่องจากเจ้าพ่อถ้วยนี้อย่าง เซบีย่า ไม่ได้มาแข่งด้วยในซีซั่นหน้า แถมจะไม่มีทีมจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตกรอบลงมาเป็นก้างขวางคออีก

แต่ที่แน่ๆ ก็คือรูปเกมในสนาม มันต้องมีพัฒนาการ เล่นกันอย่างมีทีมเวิร์ค และเป็นระบบมากกว่าเดิม

เพราะถ้าในฤดูกาลหน้า เอริค เทน ฮาก ยังเอาแต่พาทีมเอาตัวรอดเก็บผลการแข่งขันแบบนัดต่อนัด โดยที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่นอยู่เรื่อยๆ..

ถึงตอนนั้นแฟนบอลก็คงอยากให้สโมสรไล่เขาออกอยู่ดีนั่นแหละ