สเปน แสดงให้เห็นถึงความดุดันสมเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์อย่างแท้จริง แม้จะโดน จอร์เจีย ยิงประตูขึ้นนำไปก่อน แต่สุดท้ายพวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าทัพ "กระทิงดุ" ดุสมชื่อมากแค่ไหน หลังจัดการยิงประตูคืนแบบทบต้นทบดอก 4 ลูกรวด ส่งผลให้พวกเขาไล่ต้อนคู่แข่งด้วยสกอร์ 4-1 ในศึกยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยในรอบต่อไปต้องเจอกับของแรงนั่นก็คือปะทะ เยอรมนี เจ้าภาพ ในวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคมนี้

ศึกฟุตบอล ยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง สเปน พบ จอร์เจีย ที่สนามโคโลญจน์ สเตเดี้ยม ในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2567

เริ่มเกม สเปน แสดงให้เห็นถึงความดุดันในการเล่น ด้วยการเปิดเกมบุกเข้าใส่ทันที โดยหมายจะเอาประตูแรกให้ได้เร็วที่สุด เข้าสู่นาทีที่ 4 ดานี่ การ์บาฆาล เปิดบอลเลียดให้ เปดรี ได้จิ้มบอลแต่เข้ามือ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ สบายๆ

ทัพ "กระทิงดุ" เน้นขึ้นบอลทางฝั่งซ้ายโดยใช้ความเร็วและความคงตัวของ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ กับ มาร์ก กูกูเรย่า โดยนาทีที่ 11 สเปน ได้ลุ้นประตูจากจังหวะเตะมุมเมื่อ การ์บาฆาล ได้โหม่งแต่ มามาร์ดาชวิลี่ เซฟเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

ขณะที่ สเปน เปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่อง แต่ จอร์เจีย เล่นอย่างอดทนเพื่อรอจังหวะสวนกลับ จนกระทั่งทำได้สำเร็จในนาทีที่ 18 โอตาร์ คาคาบัดเช่ ได้โอกาสกระชากบอลทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนจะเปิดบอลเข้าไปกลางประตู และ โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ สกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเอง ทำให้ จอร์เจีย นำ 1-0

หลังจากโดนยิงนำ บรรดานักเตะสเปนเร่งเครื่องเพื่อจะเอาประตูตีเสมอให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดพวกเขายังไม่สามารถเจาะเกมรับของ จอร์เจีย ได้เลย แถมบางจังหวะยังร้อนรนทำให้พลาดโอกาส

จอร์เจีย เล่นตามแผนของตัวเองด้วยการรอจังหวะสวนกลับ โดยในนาทีที่ 30  ควิชา ควารัตสเคเลีย มีโอกาสใช้ความเร็วกระชากลากเลื้อย และได้ยิงเต็มข้อแต่น่าเสียดายที่ติดบล็อกแนวรับสเปน

เข้าสู่นาทีที่ 39 การต่อบอลอย่างแม่นยำในแนวรุกทำให้ สเปน ได้ประตูที่ต้องการ โดย วิลเลี่ยมส์ ได้บอลทางฝั่งซ้าย ก่อนผ่านบอลเลียดอย่างแม่นยำให้กับ โรดรี้ ที่จัดการกดเต็มข้อบริเวณเส้นกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเสียบเสาไกลอย่างงดงาม ตีเสมอ 1-1

หลังจากนั้น สเปน ก็ยังคงเดินหน้าไล่บดบี้ขยี้ จอร์เจีย ต่อไป แต่ก็ไม่สามารถทำสกอร์เพิ่มได้ จบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1

ครึ่งแรก สเปน 1 จอร์เจีย 1

เข้าสู่ครึ่งหลังนาทีที่ 47 จอร์เจีย เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ ควารัตสเคเลีย ได้บอลในแดนของตัวเอง และกระชากหนีผู้เล่นสเปน 3 คนก่อนจะตั้งใจยิงไกลกว่า 50 หลา บอลผ่าน อูไน ซิม่อน ไปแล้ว แต่เข้าข้างตาข่ายเท่านั้น

นาทีที่ 51 ยามาล รับหน้าที่ยิงฟรีคิกบริเวณกรอบเขตโทษ โดยซัดไปติดเซฟ มามาร์ดาชวิลี่ แต่หลังจากนั้นไม่ถึงนาที ดาวรุ่งวัย 16 ปีจากสโมสรบาร์เซโลน่า เปิดบอลอย่างแม่นยำให้ ฟาเบียน รุยซ์ โขกเต็มศีรษะบอลเข้าประตู ส่งให้ สเปน นำ 2-1

เข้าสู่นาทีที่ 75 สเปน ได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 จากจังหวะสวนกลับ ฟาเบียน รุยซ์ เปิดยาวให้ วิลเลี่ยมส์ กระชากบอลกว่าครึ่งสนามเข้าไปในเขตโทษก่อนจะส่งบอลเขาไปซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม

สเปน สร้างโอกาสได้อย่างต่อเนื่องในช่วงนาทีที่ 80 ยามาล ทำชิ่งกับ ดานี่ โอลโม่  และหลุดเข้าไปดวลกับ มามาร์ดาชวิลี่ แต่น่าเสียดายที่ สตาร์ดาวรุ่งบาร์ซ่า ซัดไปติดเซฟของนายทวารจอมหนึบ

อีกสามนาทีหลังจากนั้นทัพ "กระทิงดุ" จัดการฉีกแนวรับ จอร์เจีย จนขาดกระจุย โดยพวกเขามาได้ประตูจากการซัดของ โอลโม่ ส่งให้ สเปน นำห่างด้วยสกอร์ 4-1 เข้าไปแล้ว

ช่วงเวลาที่เหลือ สเปน เล่นแบบประครองตัว ขณะที่ จอร์เจีย พยายามอย่างเต็มที่แต่ไม่สามารถสร้างโอกาสอะไรได้มากนัก แถมยังเกือบโดน "กระทิงดุ" ไล่ขวิดเพิ่ม จบเกม สเปน ไล่ทุบ จอร์เจีย 4-1 ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ เยอรมนี เจ้าภาพ อีก 5 วัดต่อจากนี้

รายชื่อ

สเปน (4-3-3) : อูไน ซิม่อน - ดานี่ การ์บาฆาล (เฆซุส นาบาส น.81) , โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์, มาร์ก กูกูเรย่า (อเล็กซ์ กริมัลโด้ น. 66) - เปดรี้ (ดานี่ โอลโม่ น.52), โรดรี้ เอร์นานเดซ, ฟาเบียน รุยซ์ (มิเกล เมริโน่ น.81)  - ลามีน ยามาล, อัลบาโร่ โมราต้า (กัปตันทีม) (มิเกล โอยาร์ซาบัล น.66) , นิโก้ วิลเลี่ยมส์

จอร์เจีย (5-3-2) : จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ - โอตาร์ คาคาบัดเช่ (ซานโดร อัตลูนาชวิลี่  น.41) , จอร์จี้ กเวเลซิอานี่ (นิก้า คเวคเวสคิรี่ น.78), กูราม  คาเชีย (กัปตันทีม), ลาช่า ดวาลี, ลูก้า โลชอชวิลี่ (จอร์จี้ ซิตาอิชวิลี่   น. 63) - จอร์จี้ ชัคเวตัดเช่, โอตาร์ คิเตอิชวิลี่, จอร์จี้ โคโชราชวิลี่ (ซูก้า ดาวิตาชวิลี่  น.63) - ควิชา ควารัตสเคเลีย, จอร์จส์ มิเคาตัดเช่ (บูดู ซิฟซิวัดเช่ น. 78)