ฝรั่งเศส หัวจิตหัวใจแข็งกว่า โปรตุเกส ในการดวลจุดโทษ ทำให้พวกเขาคว้าชัยชนะด้วยสกอร์ 5-3 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 0-0 ส่งผลให้ทัพ "ตราไก่" ได้ผ่านเข้าไปพบกับ สเปน ในรอบตัดเชือก

ศึกยูโร 2024 รอบก่อนรองชนะเลิศ  ระหว่าง "ตราไก่" ฝรั่งเศส อดีตแชมป์รายการนี้ 2 สมัย พบ "ฝอยทอง" โปรตุเกส ที่สนามโฟล์คส์พาร์คสตาดิโอน ฮัมบูร์ก ในเมืองฮัมบูร์ก เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา

เริ่มเกม ฝรั่งเศส เดินเครื่องเปิดเกมบุกใส่แบบไม่เกรงใจ แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของ โปรตุเกส ได้เลย ขณะที่ทัพ "ฝอยทอง" ค่อยๆ ยกระดับฟอร์มขึ้นมาเรื่อยๆ และมีโอกาสสร้างความหวาดเสียวเช่นกัน

 จังหวะหวาดเสียวที่เห็นชัดเจนเกิดขึ้นในนาทีที่ 19 เมื่อ  เตโอ แอร์กน็องเดซ มีโอกาสได้สับไกลด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วสูง แต่ ดีโอโก้ คอสต้า ทุบออกไปได้อย่างหวุดหวิด 

 เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย โปรตุเกส มีโอกาสลุ้นทำประตูจากลูกฟรีคิกบริเวณกรอบเขตโทษ และตอนแรกดูเหมือน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะรับหน้าที่สังหาร แต่กลายเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ซัดเหินข้ามกำแพงและข้ามคานออกไปแบบไม่มีลุ้น หลังจากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกเสมอกันแบบไร้สกอร์

จบครึ่งแรก โปรตุเกส 0-0 ฝรั่งเศส

เข้าสู่ครึ่งหลังรูปเกมยังคงเป็น ฝรั่งเศส ที่เปิดฉากเล่นเกมรุก จนกระทั่งนาทีที่ 54 โปรตุเกส มีลุ้นจากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้โหม่งเต็มหัวแต่บอลพุ่งชนใบหน้าของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เต็มๆ

เกมผ่านเข้าสู่ 1 ชั่วโมง ทัพ "ฝอยทอง" ได้ลุ้นประตูจากจังหวะที่ ชูเอา กานเซโล่ จ่ายบอลอย่างสวยให้ แฟร์นันด์ส ได้หลุดเข้าไปยิงแต่ซัดไปติดเซฟของ ไมค์ เมนญอง และจากนั้นไม่ถึงนาที กานเซโล่ มีโอกาสได้ปั่นในเขตโทษแต่บอลเหินข้ามคานอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 62  ราฟาเอล เลเอา ผ่านบอลให้ วิตินญ่า ได้ซัดระยะไม่ถึง 6 หลา แต่บอลไปติดเซฟ เมนญอง ก่อนจะทะลักไปถึง โรนัลโด้ ที่ตั้งใจตอกส้นแต่ก็ไม่พ้นตัวของ นายทวารจากค่าย เอซี มิลาน

อีกสามนาทีต่อมา ร็องดาล โกโล่ มูอานี่ ทำชิงกับ ชูลส์ กุนเด้ และบอลหลุดเข้ามาในเขตโทษ โดย มูอานี่ ตั้งใจตะบันบอลเต็มข้อ แต่น่าเสียดายที่แฉลบแนวรับของโปรตุเกส ทำให้บอลออกหลังไปแบบมีลุ้นเลยทีเดียว

ฝรั่งเศสมีลุ้นได้ประตูอย่างมากในนาทีที่ 70 เมื่อ อุสมาน เดมเบเล่ ได้โอกาสส่งบอลให้  เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า ที่ยืนอยู่โล่งๆ ห่างจากหน้าประตูไม่กี่หลา แต่เจ้าตัวดันยิงไม่ดีบอลออกเสาไกลไปอย่างน่าเหลือเชื่อ

ช่วง 3 นาทีสุดท้าย ฝรั่งเศส ได้เปิดเกมรุกเข้าใส่ และมีโอกาสที่จะได้ประตูจากจังหวะการยิงของ ก็องเต้ แต่เข้ามือ คอสต้า หลังจากนั้นนาทีสุดท้ายของการทดเจ็บ เอ็มบัปเป้ ได้โอกาสปั่นแต่บอลเบาเหลือเกินทำให้ คอสต้า เซฟเข้ามือแบบสบายๆ

ในช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายไหนทำสกอร์ได้ จบเกมเสมอกันไป 0-0 ต้องแข่งกันต่อเพื่อหาผู้ชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

นาทีที่ 92 โปรตุเกส ได้ลุ้นประตูจากจังหวะที่ โรนัลโด้ ได้ซัดโล่งๆ หน้าประตูแต่ดันตะบันออกไปอย่างน่าเหลือเชื่อ หลังจากนั้นทัพ "ฝอยทอง" พยายามเล่นแบบไม่เสี่ยง ขณะที่ฝรั่งเศสก็ไม่วิ่งขึ้นมาไล่เช่นกัน จบครึ่งแรกของการต่อเวลาพิเศษยังคงไร้สกอร์เหมือนเดิม

ผ่านเข้าสู่นาทีที่ 107  ฟรานซิสโก้ คอนเซยเซา มีโอกาสได้เปิดบอลไปทางเสาไกล และ ชูเอา เฟลิกซ์ ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมา ได้โอกาสโหม่งเต็มแรงแต่บอลพุ่งไปชนด้านข้างประตู แบบได้ลุ้นเลยทีเดียว

ช่วงนาทีสุดท้ายของการต่อเวลาพิเศษ โปรตุเกส เกือบได้ประตูสำคัญเมื่อ นูโน่ เมนเดส ได้ยิงโล่งๆ ที่บริเวณากรอบเขตโทษ แต่น่าเสียดายที่ซัดไปตรงตัว เมนญอง ทำให้ล้มตัวป้องกันได้ไม่ยาก หลังจากนั้นท่านเปาก็เป่าหมดเวลา ทำให้ทั้งสองทีมต้องดวลจุดโทษเพื่อหาผู้ชนะ

ฝรั่งเศส ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการยิงจุดโทษ เมื่อทั้ง 5 คนที่ได้รับหน้าที่สำคัญซัดเข้าประตูหมด ขณะที่ ชูเอา เฟลิกซ์ ซึ่งลงเป็นตัวสำรองเป็นคนเดียวของ โปรตุเกส ที่ยิงพลาด ทำให้ทัพ "ตราไก่" ชนะด้วยสกอร์ 5-3 ผ่านเข้าไปพบกับ สเปน ในรอบตัดเชือก วันที่ 9 ก.ค.นี้