เรอัล มาดริด แชมป์เก่า โชว์ความโหดซัดประตูแบบทบต้นทบดอก พลิกนรกถลุง ดอร์ทมุนด์ ยับ 5-2 ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก เฟส เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2024/25 รอบ "ลีก เฟส" นัดสาม เป็นเกมรีแมตช์คู่ชิง "บิ๊กเอียร์" เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ระหว่าง เรอัล มาดริด พบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่อวันอังคารที่ 22 ตุลาคมนี้

ช่วง 10 นาทีแรก เรอัล มาดริด ครองเกมเป็นส่วนใหญ่ และพยายามที่จะเจาะเข้าไปทำประตู แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ซัดจะๆ มากนัก ในขณะที่ ดอร์ทมุนด์ เน้นเล่นแบบรัดกุม และรอจังหวะสวนกลับ แต่ยังขาดประสิทธิภาพ

เกมผ่านเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก ทัพ "เสือเหลือง" ทำให้แฟนบอล "ราชันชุดขาว" เงียบกริบ เมื่อพวกเขาสร้างเกมขึ้นมาก่อนที่ แซร์อู กีราสซี่ ส่งบอลให้ ดอนเยลล์ มาเล็น จัดการซัดบอลผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เข้าไปประตู ช่วยให้ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0

ผ่านมาสี่นาทีสถานการณ์เจ้าบ้านย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อ ดอร์ทมุนด์ ได้โอกาสสวนกลับมา และ มาเล็น พาบอลไปถึงเส้นหลังก่อนจะส่งไปที่เสาไกลให้ เจมี่ บายโน-กิตเท่นส์ วิ่งเข้ามาซัดแบบสบายๆ ส่ง "เสือเหลือง" นำ 2-0

หลังจากนั้น จู๊ด เบลลิงแฮม มีโอกาสซัดประตูแต่ติดเซฟของ เกรกอร์ โคเบล อีกไม่กี่นาทีถนัด จู๊ดคนดีคนเดิม ได้ซัดระยะไม่กี่หลา และตะบันเต็มข้อแต่บนพุ่งชนคานดังสนั่น ช่วงเวลาทีเหลือ "โลส บลังโกส" พยายามจะทำประตูให้ได้แต่ไม่สำเร็จ จบครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์ รักษาสกอร์ 2-0 เอาไว้ได้สำเร็จ

ครึ่งแรก เรอัล มาดริด 0-2 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

เริ่มครึ่งหลัง เรอัล มาดริด เดินเครื่องเต็มสูบหวังจะยิงประตูแรกให้ได้ แต่ยังไม่สำเร็จ โดยจังหวะที่มีลุ้นมากที่สุดก็คือการยิงของ ลูกัส บาซเกซ แต่ โคเบล ยังปัดบอลออกไปได้อย่างหวุดหวิด

การโหมกระหน่ำอย่างหนักของเจ้าบ้านมาประสบผลสำเร็จในนาทีที่ 60 เมื่อ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ได้โอกาสเปิดบอลในเขตโทษ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กระโดดขึ้นโขกเต็มศีรษะบอลพุ่งเสียบตาข่าย ช่วยให้ เรอัล มาดริด ตีไข่แตกเป็น 1-2

จากนั้นอีกแค่สามนาที สาวก "มาดริดนิสต้า" ก็ได้เฮลั่นสนั่นสนามเมื่อ เอ็มบัปเป้ ได้บอลในเขตโทษก่อนจะโดนกองหลังดอร์ทมุนด์สกัดทัน แต่บอลทะลักไปเข้าทาง วินิซิอุส จูเนียร์ จัดการยิงประตูแบบสบายๆ ทำให้เจ้าบ้านตีเสมอ 2-2

ความเก่งผสมความเก๋าของ เรอัล มาดริด แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัด โดยพวกเขาสร้างโอกาสหวาดเสียวได้หลายครั้งหลายหน จนกระทั่งนาทีที่ 83 ลูกัส บาซเกซ ได้โอกาสซัดประตูในเขตโทษไม่เหลือซาก ทำให้เจ้าบ้านพลิกแซง 3-2

เข้าสู่นาทีที่ 86 วินิซิอุส โชว์ทีเด็ดเลี้ยงบอลเกือบ 70 หลาทะลุทะลวงเข้าไปบริเวณกรอบเขตโทษของ ดอร์มุนด์ ก่อนจะซัดอย่างงามส่งบอลพุ่งเสียบเสา ทำให้แชมป์เก่าทำสกอร์หนีห่าง 4-2

เรอัล มาดริด ยังโหดไม่หยุดโดยนาทีที่ 90+3 วินิซิอุส โชว์ลีลาลากบอลเข้าไปในเขตโทษก่อนจะหลอกแนวรับ ดอร์ทมุนด์ และซัดเต็มข้อเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ทำให้ต้นสังกัดนำ 5-3 และเป็นการทำแฮตทริกของ ดาวยิงทีมชาติบราซิล ด้วย

หลังจากนั้นผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา ทำให้ เรอัล มาดริด โชว์การพลิกนรกจากตามหลังสองประตู ก่อนจะมายิงคืนแบบทบต้นทบดอก 5 ประตูคว้าชัยชนะไปแบบสบายอุรา 5-2  

รายชื่อทั้ง 2 ทีม

เรอัล มาดริด (4-4-2)  : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - ลูกัส บาซเกซ, เอแดร์ มิลิเตา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ - - เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้, โรดรีโก้ (โอเรเลียง ชูอาเมนี่ น.85), ลูก้า โมดริด (เอดูอาร์โด้ กามาวิงก้า  น.71) ,จู๊ด เบลลิงแฮม (อาร์ด้า กือแลร์ น.90) - คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ดานี่ เซบายอส น.90) , วินิซิอุส จูเนียร์

ดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1) : เกรกอร์ โคเบล -รามี่ เบนเซไบนี่,  นิโก้ ชล็อตเทอร์เบ็ค, นิคลาส ซือเล่อ, จูเลี่ยน ไรเออร์สัน (เอ็มเร่ ชาน น.76)  - มาร์เซล ซาบิตเซอร์,เฟลิกซ์ เอ็นเมช่า (มักซิมิเลี่ยน ไบเออร์ น.76) -  เจมี่ บายโน-กิตเท่นส์ (วัลเดอมาร์ อันทอน น. 55), ยูเลี่ยน บรันด์ท, ดอนเยลล์ มาเล็น (ปาสกาล กรอสส์ น. 64) -  แซร์อู กีราสซี่