สปอร์ติ้ง ลิสบอน สร้างความสุดยอดด้วยการไล่ถล่ม แมนซิตี้ 4-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก เฟส เมื่อวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีการปรับทัพนิดหน่อยโดยเฉพาะแนวรับที่ส่ง จาห์ไม ซิมพ์สัน-พูซี่ย์ ดาวรุ่งวัย 19 ปีลงเป็นตัวจริง ขณะที่แนวรุกยังคงใช้ชุดเดิมโดยงานนี้ "เรือใบสีฟ้า" ต้องพยายามปราบ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ให้ได้ เพื่อเรียกความมั่นใจหลังแพ้มา 2 เกมติดในทุกรายการ

เปิดฉาก แมนซิตี้ โหมกระหน่ำอย่างรวดเร็ว และแค่ 4 นาทีทัพ "เรือใบสีฟ้า" ก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการตะบันเต็มข้อล่อเต็มแข้งของ ฟิล โฟเด้น บอลพุ่งเสียบตาข่ายชนิดที่ ฟรังโก้ อิสราเอล หมดสิทธิ์เซฟ

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีการปรับทัพนิดหน่อยโดยเฉพาะแนวรับที่ส่ง จาห์ไม ซิมพ์สัน-พูซี่ย์ ดาวรุ่งวัย 19 ปีลงเป็นตัวจริง ขณะที่แนวรุกยังคงใช้ชุดเดิมโดยงานนี้ "เรือใบสีฟ้า" ต้องพยายามปราบ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ให้ได้ เพื่อเรียกความมั่นใจหลังแพ้มา 2 เกมติดในทุกรายการ

เปิดฉาก แมนซิตี้ โหมกระหน่ำอย่างรวดเร็ว และแค่ 4 นาทีทัพ "เรือใบสีฟ้า" ก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการตะบันเต็มข้อล่อเต็มแข้งของ ฟิล โฟเด้น บอลพุ่งเสียบตาข่ายชนิดที่ ฟรังโก้ อิสราเอล หมดสิทธิ์เซฟ

แมนซิตี้ ครองเกมเป็นส่วนใหญ่และมีโอกาสสร้างความหวาดเสียวได้หลายครั้งแต่ทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งนาทีที่ 38 โจวานี่ คเว็นด้า ผ่านบอลทะลุแนวรับทีมเยือนให้ โยเคเรส ได้หลุดเข้าไปยิงประตูทำให้เจ้าบ้านตีเสมอ 1-1

หลังจากนั้น แมนซิตี้ เดินหน้าหมายจะเอาประตูขึ้นนำอีกครั้งให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ยังขาดความเฉียบคม ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1

ครึ่งแรก สปอร์ติ้ง ลิสบอน 1-1 แมนซิตี้

เริ่มครึ่งหลังได้แค่นาทีเดียว สปอร์ติ้ง ลิสบอน ได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากการต่อบอลอย่างสวยงามและ มักซิมิเลียโน่ อาเราโฮ หลุดเข้าไปซัดเต็มข้อบอลลอดขา เอแดร์ซอน เข้าประตูอย่างงดงาม

หลังจากนั้นอีก 1 นาที ยอชโก้ กวาร์ดิโอล ทำฟาวล์ใส่ ฟรานซิสโก้ ตริงเกา ในเขตโทษทำให้เจ้าบ้านได้จุดโทษ และเป็น โยเคเรส ที่รับหน้าที่สังหารไม่เหลือซาก ทำให้ สปอร์ติ้ง นำห่าง 3-1 ในนาทีที่ 49

นาทีที่ 65 แบร์นาร์โด้ ซิลวา มีโอกาสยิงประตูในเขตโทษแต่บอลไปโดนแขน อิสมาแอล ดิโอม็องเด้ โดยผู้ตัดสินเช็ควีเออาร์ให้เป็นจุดโทษ และ เออร์ลิง ฮาลันด์ รับหน้าที่พิฆาตแต่ซัดไปชนคาน ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ยังคงตามหลัง 1-3 เหมือนเดิม

สถานการณ์ของ แมนซิตี้ หนักขึ้นเมื่อ มาเตอุส นูเนส ทำฟาวล์ เจนี่ คาตาโม่ ในเขตโทษ กรรมการเป่าเป็นจุดโทษ และ โยเคเรส คนดีคนเดิมที่ตะบันเสียบเสาเข้าประตูส่งเจ้าบ้านนำห่าง 4-1 ในนาทีที่ 81 และเป็นแฮตทริกของ หัวหอกทีมสวีเดน

ทัพ "สำเภาทอง" พยายามที่จะยิงประตูตีตื้นให้ได้แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่สำเร็จ จบเกม สปอร์ติ้ง ลิสบอน หักปากกาเซียน ไล่ต้อน แมนซิตี้ ยับ 4-1 ถือเป็นการส่งท้าย รูเบน อโมริม ในการคุมทีมต่อหน้าแฟนบอลในถิ่นเอสตาดิอู โชเซ่ อัลวาลาด ก่อนจะย้ายไปรับงานกุมบังเหียน แมนยูไนเต็ด

รายชื่อนักเตะทั้ง 2 ทีม

สปอร์ติ้ง ลิสบอน (3-4-3) : ฟรังโก้ อิสราเอล -  มาเธอุส ไรส์, เซโน่ เดอบาสต์,อิสมาแอล ดิโอม็องเด้ -  โจวานี่ คเว็นด้า,มอร์เท่น ฮูลมันด์, ฮิเดมาซะ โมริตะ, มักซิมิเลียโน่ อาเราโฮ - ฟรานซิสโก้ ตริงเกา, วิคตอร์ โยเคเรส, เปโดร กอนซัลเวส

แมนฯ ซิตี้ (4-1-4-1) :  เอแดร์ซอน - ริโก้ ลูอิส, มานูเอล อาคันจี, จาห์ไม ซิมพ์สัน-พูซี่ย์, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล - มาเตโอ โควาชิช (เควิน เดอ บรอยน์ น.85) - มาเตอุส นูเนส, ซาวินโญ่ (เฌเรมี่ โดกู น.77) ,แบร์นาร์โด้ ซิลวา (อิลคาย กุนโดกัน น.77), ฟิล โฟเด้น - เออร์ลิง ฮาลันด์