ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ลาทีปีเก่า! 5 เป้าหมายหลักของ แมนยู ปี2025

ลาทีปีเก่า! 5 เป้าหมายหลักของ แมนยู ปี2025

Posted 03/01/2025 by siamsport

แมนยู ปิดฉากปี 2024 ด้วยผลงานสุดเลวร้ายจากการปราชัยสี่นัดรวดในทุกรายการ และรั้งอันดับ 14 ของตาราง พรีเมียร์ลีก

แม้เกมแรกของปี 2025 ปีศาจแดง จะยังต้องเผชิญกับมรสุมลูกใหญ่ที่ต้องบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงในเกมแดงเดือด แถมต่อด้วยการออกไปเยือน อาร์เซน่อล ในเกม เอฟเอคัพ แต่ยังไงซะพวกเขาย่อมต้องตั้งเป้าหมายสำหรับปีงูเล็กในทางบวกเป็นธรรมดา

และนี่คือ 5 เป้าหมายที่ รูเบน อโมริม ต้องแก้ไขสถานการณ์ให้ ผีแดง ให้ได้เพื่อพาทีมสร้างผลงานที่ดีขึ้นในครึ่งหลังของซีซั่น

1. เกมหนีตาย

ในฐานะทีมยักษ์ที่ทุ่มเงินเสริมทัพเป็นประจำแทบทุกตลาด จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องหวาดผวากับโอกาสหล่นไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ

อย่างไรก็ดี ในเมื่อฟอร์มของพวกเขารูดมหาราชอย่างที่เห็น และสะสมความพ่ายแพ้ในเกมลีกมากถึง 9 นัดแล้ว โอกาสที่ต้องกระเสือกกระสนกับการหนีตายจึงเป็นไปได้มากกว่าการพยายามคว้าอันดับท็อปโฟร์

ดังจะเห็นว่า ณ ขณะนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีแต้มห่างจากโซนตกชั้นแค่ 7 แต้มเท่านั้น และแพ้มากกว่าทั้ง คริสตัล พาเลซ และ เอฟเวอร์ตัน สองทีมที่อยู่ต่ำกว่าพวกเขาซะอีกหลังเจ๊งชัยเกมลีกมากถึง 5 จาก 6 นัดหลัง

ยิ่งเกมหน้าที่ต้องบู๊กับ เร้ด แมชีน มันจึงพอจะคาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะเป็นอีกเกมที่ ผีแดง ส่อแววไม่มีแต้มติดมือ โอกาสตกอันดับในตารางลีกของสโมสรจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด จะมีสิทธิ์เป็นไปได้

ด้วยเหตุนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงไม่อาจประมาทกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อีกแล้วหากจะมองกันที่ฟอร์มการเล่น และสรุปด้วยประโยคที่ว่า "ใครเขาแพ้ แมนยู กัน"

ในทางกลับกัน หาก อโมริม พาทีมบุกไปคว้าผลลัพธ์ที่ แอนฟิลด์ ได้ซึ่งอาจเป็นการแบ่งแต้มกับเจ้าบ้านเป็นอย่างน้อย มันก็อาจเป็นนิมิตรหมายอันดีต่อการเริ่มต้นปี 2025

2. มุ่งเป้าถ้วยยุโรป

ไม่เพียงอันดับในลีกจะเลวร้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ร่วงตกรอบถ้วย คาราบาวคัพ ไปแล้วในเกมบุกไปแพ้ สเปอร์ส 4-3

นอกจากนี้ เกม เอฟเอคัพ ที่รออยู่ในเดือนนี้ ผีแดง ต้องออกไปเยือน อาร์เซน่อล ด้วย โอกาสล่องจุ๊นฟุตบอลถ้วยสองใบของประเทศจึงแลดูมีความเป็นไปได้

และในเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ดีพอที่จะลุ้นท้าทายอันดับท็อปโฟร์ พวกเขาจึงจำเป็นต้องโฟกัสไปที่ศึก ยูโรปา ลีก เป็นอันดับแรกหาก อโมริม หวังสร้างเกียรติประวัติให้กับตัวเองเหมือนที่ เอริค เทน ฮาก ได้แชมป์ คาราบาวคัพ และ เอฟเอคัพ แม้กุนซือชาวเมืองกังหันลมจะสร้างชื่อได้ไม่ดีพอในลีกอิงลิช

3. โละแข้งส่วนเกิน

ถึงตอนนี้ ตลาดนักเตะในเดือนม.ค.เปิดตัวแล้ว มันจึงเป็นโอกาสที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้โละทิ้งแข้งส่วนเกินหลายรายที่ไม่อาจพาทีมประสบความสำเร็จได้

นอกจากจะเป็นการประหยัดรายจ่ายด้านค่าแรงแล้ว การขายนักเตะทิ้งในเดือนนี้ยังจะทำให้ทีมมีรายได้นำมาซื้อนักเตะใหม่ด้วยเพื่อไม่ให้ผิดกฏการใช้จ่าย

จากที่สื่อพากันลือ อโมริม ต้องการโละ กาเซมีโร่ และ คริสเตียน เอริคเซ่น เป็นสองรายแรก ขณะที่ อันโตนี่ ได้รับความสนใจจาก เรอัล เบติส แต่อาจเป็นสัญญาขอยืมตัว

นอกจากนี้ เชื่อกันว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด อยู่ในลิสต์ที่กุนซือโปรตุกีสต้องการกำจัดทิ้งเช่นกัน แต่ปัญหาคือเขามีค่าแรงสูงจึงน่าจะยากที่จะมีสโมสรไหนสนใจซื้อตัวกองหน้าเลือดผู้ดีไปร่วมทีม

จะอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับความจริงกันว่า ผีแดง มีนักเตะในขุมกำลังสำรองที่มากเกินไป แถมไร้ซึ่งคุณภาพแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ , จอนนี่ อีแวนส์ , โจชัว เซิร์กซี่ , ไทเรลล์ มาลาเซีย และ ฯลฯ มันจึงย่อมดีกว่าที่สโมสรจะลอยแพพวกเขาเหล่านี้เพราะยังไงซะทั้งหมดก็ไม่อาจยกระดับทีมได้

4. เซ็นกองหน้าตัวตึง

แม้จะเคยประกาศในช่วงเข้ามาคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ใหม่ๆว่าจะไม่แตะต้องนักเตะของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน อย่างแน่นอนในช่วงเดือนม.ค.เพื่อแสดงความเคารพต่ออดีตสโมสร

แต่ในเมื่อสถานการณ์ของถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่สวยงามอย่างที่ อโมริม วาดภาพสุดหรูเอาไว้ในใจ ความคิดของเขาจึงเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา

จะจริงหรือเท็จอย่างไรก็ต้องรอดูกันหลังสื่ออ้างว่ากุนซือชาวเมืองฝอยทองร้องขอให้บอร์ดทุ่มเงินคว้า วิคตอร์ โยเคเรส กองหน้าทีมชาติ สวีเดน มาร่วมทีมตั้งแต่เดือนนี้เลยเนื่องจาก ผีแดง ไม่มีหัวหอกที่สามารถพึ่งพาอาศัยได้ดังจะเห็นว่าทีมไม่มีสกอร์เลยในสามเกมหลัง

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก่อนจะเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องขายใครบางคนในทีมออกไปก่อนเนื่องจาก เทน ฮาก ใช้เงินเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ไปร่วม 200 ล้านปอนด์แล้ว แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากดาวเตะ ผีแดง แต่ละรายล้วนได้ค่าแรงก้อนโตซึ่งสโมสรอื่นไม่พร้อมจ่าย

5. คาบ้านพอได้แล้ว

คำว่า "คาบ้าน" แค่พูดก็เจ็บ แต่ชั่วโมงนี้ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ได้เป็นสนามที่น่ายำเกรงของฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไปแล้วเพราะที่แน่ๆ สี่เกมหลังที่ ผีแดง ปราชัย มันเป็นการแพ้ในบ้านถึงสองนัด แถมพวกเขายิงประตูไม่ได้เลยด้วย

จากผลงานโดน บอร์นมัธ และ นิวคาสเซิ่ล บุกมาอัด 3-0 และ 2-0 ถือเป็นเรื่องเลวร้ายมากสำหรับ ผีแดง ในยุคนี้เนื่องจากในเกมลูกหนัง การได้เล่นในบ้านถือเป็นข้อได้เปรียบคู่แข่งทั้งเรื่องของความจัดเจนสนาม และการมีกองเชียร์ของตัวเองตะโกนร้องเพลงให้กำลังใจ

อย่างไรก็ดี มันกลายเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ เร้ด เดวิลส์ แพ้ได้แพ้ดีในเกมเหย้า และเป็นการพ่ายแพ้แบบดูไม่จืดซะด้วย

รวมทั้งสิ้นในปี 2024 แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นในบ้านทั้งสิ้น 25 นัดในทุกรายการ แต่พวกเขากำชัยได้แค่ 13 นัด และแพ้ไปถึง 7 นัด

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าด้วยผลงานระดับนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงไม่มีสิทธิ์คิดฝันถึงการโกยแต้มขยับอันดับตารางลีกเพื่อลุ้นคว้าตำแหน่งท็อปโฟร์

ก่อนหน้านี้ในซีซั่น 2022/23 เทน ฮาก เคยพาทีมสร้างผลงานนัดเหย้าได้อย่างแข็งแกร่งเนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้คาบัานแค่สองเกมเท่านั้นในทุกรายการ

หากแต่ อโมริม จะเดินตามรอยอดีตกุนซือชาวเมืองกังหันลมได้หรือเปล่า สาวก เร้ด อาร์มี่ กำลังรอลุ้นด้วยใจระทึกนับจากนี้เป็นต้นไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »