แมนฯ ซิตี้ โชว์ฟอร์มดุดันไล่บดบี้ นาโปลี ซึ่งเหลือเพียง 10 คนตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนจะมาได้สองประตูจาก เออร์ลิง ฮาลันด์ และ เฌเรมี่ โดกู ช่วงครึ่งหลังส่ง "เรือใบสีฟ้า" ทุบคู่แข่ง สกอร์ 2-0 ประเดิม 3 คะแนน ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก เฟส นัดแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก เฟส ประจำฤดูกาล 2025/2026 คู่ระหว่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รับมือ นาโปลี ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายนนี้

แมนซิตี้ เปิดฉากไล่กดดัน นาโปลี อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 10 นาทีแรก "เรือใบสีฟ้า" ควบสถานการณ์เอาไว้ได้หมด และมีจังหวะหวาดเสียวจากการยิงไกลของ ทิจจานี ไรน์เดอร์ส แต่นายทวารทีมเยือนปัดออกไปได้

เข้าสู่นาทีที่ 18 ทีมเยือนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เมื่อ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ทำฟาวล์ เออร์ลิง ฮาลันด์ บริเวณกรอบเขตโทษ กรรมการเช็ควีเออาร์แล้วให้ใบแดงไล่ กัปตันทีมนาโปลี ออก ส่งผลให้ "อัซซูร์ร่า" เหลือแค่ 10 คน

ทัพ "สำเภาทอง" อาศัยความได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น จัดการเปิดเกมรุกบดขยี้ นาโปลี อย่างต่อเนื่อง และช่วงทดเจ็บ ไรน์เดอร์ส มีโอกาสยิงหน้าประตู แต่ติดบล็อกของ มัตเตโอ โปลิตาโน่ และกำลังจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ วานยา มิลินโควิช-ซาวิช พุ่งตะครุบได้ทัน จบครึ่งแรกสกอร์ยังคง 0-0

ครึ่งแรก แมนซิตี้ 0-0 นาโปลี

รูปเกมยังคงเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่เปิดเกมยำใหญ่อยู่ข้างเดียว และพวกเขามาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 56  จากจังหวะที่ ฟิล โฟเด้น ยกบอลให้ ฮาลันด์ ที่วิ่งเข้าไปโหม่งบอลเข้าประตู เจ้าบ้านนำ 1-0

"เรือใบสีฟ้า" ยังคงเล่นได้เหนือกว่าทุกกระบวนท่า และมาได้ประตูนำห่าง 2-0 ในนาทีที่ 65 จาก เฌเรมี่ โดกู  ที่ครองบอลบริเวณนอกกรอบเขตโทษ ก่อนใช้ความเร็ววิ่งฉีก 2 แนวรับทีมเยือน และจัดการส่งบอลซุกก้นตาข่าย

หลังจากนำสองประตูแล้ว แมนฯ ซิตี้ ก็เริ่มผ่อนเกม  และเน้นการครองบอลมากขึ้น ขณะที่ นาโปลี ทำอะไรได้ไม่มาก จบเกม "เรือใบสีฟ้า" ประเดิมรอบ ลีก เฟส ด้วยการคว้า 3 คะแนนไปอย่างงดงาม