แฮร์รี่ แม็กไกวร์ สวมบทฮีโร่โหม่งประตูชัยนำ แมนฯ ยูฯ บุกชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 เกม "แดงเดือด" ที่แอนฟิลด์ ศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา คว้าสามคะแนนสำคัญ ส่วน "หงส์แดง" ฟอร์มยังไม่กระเตื้องแพ้ 3 เกมติดต่อกันในลีก และรวมแพ้ 4 แมตช์รวดในทุกรายการ

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ ทำศึก "แดงเดือด" ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเกมนี้ "หงส์แดง" ต้องการชัยชนะอย่างมากหลังแพ้ติดต่อกันมา 3 เกมในทุกรายการ ขณะที่ "ผีแดง" ฟอร์มค่อยๆ กระเตื้อง และอยากได้ชัยชนะเช่นกันเพื่อสานต่อความเชื่อมั่น

เปิดฉากแค่นาทีกว่าๆ ลิเวอร์พูล โดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลูบคมเมื่อ อาหมัด ดิยัลโล่ ผ่านบอลให้ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ หลุดเข้าไปซัดบอลผ่านตัว จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ เข้าประตูส่งให้ "ผีแดง" ขึ้นนำตั้งแต่ไก่โห่ 1-0

นาทีที่ 20 ลิเวอร์พูล มีลุ้นตีเสมอจากจังหวะสวนกลับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ส่งบอลให้ โกดี้ คักโป ที่ล็อกหลบ มาต์ไตน์ เดอ ลิกส์ ก่อนจะปั่นบอลโค้งหนีมือ เซนเน่อ ลัมเมนส์ ไปแล้วแต่น่าเสียดายที่บอลชนเสาเต็มแรง

แมนฯ ยูฯ ได้มีลุ้นเสียวอีกครั้งในนาทีที่ 26 ดิยัลโล่ ส่งบอลให้ เอ็บเบอโม่ เปิดบอลเข้ากลาง มามาร์ดาชวิลี่ รับบอลหลุดมือ แต่ เมสัน เมาท์ กระดกบอลข้ามคาน อีกไม่กี่นาที "ผีแดง" มีโอกานได้ยิงบริเวณกรอบเขตโทษ มามาร์ดาชวิลี่ เซฟได้หวุดหวิด

"หงส์แดง" มีลุ้นอีกครั้งในนาทีที่ 34 จากจังหวะที่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ส่งบอลทะลุแนวรับ แมนฯ ยูฯ ให้ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ได้หลุดเข้าไปล่อเป้าแต่ซัดติดเซฟ ลัมเมนส์ พลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย

หลังจากนั้นเจ้าบ้านยังคงสร้างโอกาสได้พอสมควร ขณะที่ แมนฯ ยูฯ เน้นเกมตั้งรับและรอจังหวะสวนกลับ แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดทำสกอร์เพิ่มได้จบครึ่งแรกทีมเยือนยังคงรักษาความได้เปรียบนำ 1-0

ครึ่งแรก ลิเวอร์พูล 0-1 แมนฯ ยูฯ

ลิเวอร์พูล เกือบตีเสมอได้อีกครั้งในนาทีที่ 49 จากจังหวะเดฟรีคิกของ โม ซาลาห์ บอลข้ามไปถึง คักโป ที่บรรจงยิงอย่างงาม แต่บอลโค้ลไปชนเสาไกล ทำให้ "หงส์แดง" ยังคงไม่สามารถเจาะตาข่ายคู่อริตลอดกาลได้

เจ้าบ้านพลาดตีเสมออีกครั้งในนาทีที่ 64 จากจังหวะที่ เคอร์เคซ เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษบอลมาถึง ซาลาห์ แต่โดน ลัมเมนส์ วิ่งเข้ามาปิดมุมเร็วทำให้ "บังโม" ต้องรีบยิงก็เลยซัดออกไปอย่างน่าเสียดาย

ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร ในนาทีที่ 78 เคียซ่า ได้โอกาสเปิดบอลยัดเข้าไปหน้าประตู คักโก ยืนโล่งๆ แตะบอลเข้าประตูทำให้ "หงส์แดง" ตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูฯ ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 84 จากจังหวะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เปิดบอลโด่งเข้าไปในเขตโทษ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กระโดดขึ้นโหม่งผ่านมือ มามาร์ดาชวิลี่ ส่งให้ทีมเยือนสกอร์นำ 2-1

อีกแค่สองนาทีถัดมา เจเรมี่ ฟริมปง ที่ลงมาแทน โม ซาลาห์ บรรจงเปิดบอลอย่างงามให้ คักโป ที่โหม่งโล่งแต่สะบัดศีรษะไม่ดีบอลออกข้างไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ลิเวอร์พูล โหมบุกกระหน่ำอยู่ฝ่ายเดียว แต่ไม่สามารถเจาะตาข่ายได้ จบเกม แมนฯ ยูฯ บุกชนะ 2-1 คว้าสามคะแนนสำคัญได้สำเร็จ

รายชื่อทั้ง 2 ทีม

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ - คอเนอร์ แบรดลีย์ (ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ น. 62), อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, มิลอช เคอร์เคซ - ไรอัน กราเฟนแบร์ค (เคอร์ติส โจนส์ น. 62), อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์ (อูโก้ เอกิติเก้ น.62) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (เจเรมี่ ฟริมปง น.85) , โดมินิค โซโบซไล, โกดี้ คักโป - อเล็กซานเดอร์ อิซัก (เฟเดริโก้ เคียซ่า น. 72)

แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-3) : เซนเน่อ ลัมเมนส์ - แฮร์รี่ แม็กไกวร์, มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์, ลุค ชอว์ (เลนี่ โยโร่ น.85) - อาหมัด ดิยัลโล่ (พาทริค ดอร์กู น. 59) , บรูโน่ แฟร์นันด์ส (ค็อบบี้ เมนู น. 85), กาเซมีโร่ (มานูเอล อูการ์เต้ น. 58) , ดีโอโก้ ดาโลต์ - ไบรอัน เอ็มเบอโม่, เมสัน เมาท์ (เบนยามิน เชชโก้ น 61), มาเตอุส คุนญ่า