ตอนนี้ อาร์เน่อ สล็อต ขึ้นมาเป็นเต็งสองผู้จัดการทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จะโดนปลดเป็นรายต่อไป หลังนำ ลิเวอร์พูล สร้างผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดในรอบกว่า 70 ปี
"หงส์แดง" เพิ่งโดน พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น บุกทุบ 1-4 คาถิ่นแอนฟิลด์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก เฟส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาแพ้ไปแล้ว 9 เกมจาก 12 แมตช์หลังสุด และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 33 ปี (นับตั้งแต่เดือนกันยายน 1992) ที่ ลิเวอร์พูล เสียประตูอย่างน้อย 3 ลูกจาก 3 เกมติดต่อกันในทุกรายการ
ด้วยผลงานที่น่าหดหู่ใจแบบนี้ทำให้ชื่อของ กุนซือชาวดัตช์ พุ่งแรงแซงทางโค้งขึ้นมาเป็นเต็งสองที่จะโดนปลดเป็นรายต่อไป แต่ถ้าหาก โค้ชอาร์เน่อ ยังไม่อยากตกงานในตอนนี้เขาต้องรีบแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อเซฟอาชีพของตัวเองในถิ่นแอนฟิลด์
1. กล้าที่จะเด็ดขาด

การปรับเปลี่ยนทีมบ่อยครั้งในช่วงหลังดูไม่ดีเลย หากมองจากภายนอก มันดูเหมือน อาร์เน่อ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ขณะที่พยายามผสมผสานผู้เล่นค่าตัวแพงที่เพิ่งดึงตัวมาร่วมทีมช่วงซัมเมอร์ให้เข้ากับขุมกำลังเดิม แต่ดันล้มเหลวไม่เป็นท่า
สิ่งที่สำคัญต้องนี้ก็คือเขาต้องเลือก 11 ตัวจริงให้ชัดเจน และยึดมั่นแบบเต็มที่ ยกตัวอย่าง มิลอส เคอร์เคซ ที่ฟอร์มย่ำแย่เหลือเกินแต่ดันเลือกลงเป็นตัวจริงซ้ำๆ ซากๆ ขณะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในฟอร์มเก่งเหมือนเดิม แต่ก็ยังเล่นได้มั่นคง และไว้ใจได้

แบ็กซ้ายกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ ควรได้รับโอกาสลงเล่นต่อเนื่องในทีมชุดใหญ่ไปก่อน จนกว่า "หงส์แดง" จะพ้นช่วงเวลาวิกฤติ และสามารถค่อยๆ ให้โอกาส เคอร์เคซ กลับมาลงเล่นแบบค่อยเป็นค่อยไป มากกว่าที่จะดันทุรังใช้งานแบบนี้
2. ดร็อป โกนาเต้ ได้แล้ว

เคอร์เคซ ไม่ใช่นักเตะแนวรับคนเดียวของ ลิเวอร์พูล ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในเวลานี้ เพราะนักเตะอีกรายที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังมากๆ นั่นก็คือ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ปราการหลังชาวฝรั่งเศส

หลายคนอาจพุ่งเป้าโจมตีฟอร์มของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เพราะผลงานของเขาไม่ได้โดดเด่นเหมือนเดิม แต่กัปตันทีมชาวดัตช์ยังเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์ และพึ่งพาได้มากกว่าคู่หูแนวรับของเขาในเวลานี้

นี่เป็นฤดูกาลที่สุดแย่ของ โกนาเต้ เลยทีเดียว เขาคงกำลังทำให้โอกาสย้ายไป เรอัล มาดริด ลดลงอย่างแน่นอน ด้วยการโชว์ฟอร์มสุดห่วยหลายครั้งติดต่อกัน ซึ่งนั่นอาจเกิดจากการขาดสมาธิหลังอนาคตยังไม่มีความแน่นอน

โค้ชอาร์เน่อ ขาดขุมกำลังเชิงลึกในแนวรับอย่างชัดเจน หลังจากล้มเหลวในการคว้าตัว มาร์ค เกฮี ส่วน โจวานนี่ เลโอนี่ ดันดวงแตกได้รับบาดเจ็บต้องพักยาว แม้จะมี โจ โกเมซ ซึ่งเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับ ฟาน ไดค์ มานาน แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความไว้วางใจจากกุนซือหัวเหม่ง

3. เรียกฟอร์มถล่มประตู อีซัค กลับมา

 แม้ว่าหลายคนจะพยายามทำความเข้าใจในกรณีของ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ที่ฟอร์มไม่เปรี้ยงปร้าง เนื่องจากนักเตะยังไม่ฟิตเพราะไม่ได้มีโอกาสลงซ้อมในช่วงปรีซีซั่น แต่ตอนนี้เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้ว ข้ออ้างดังกล่าวคงใช้ไม่ได้อีกต่อไป

อีซัค ไม่สามารถผลิตผลงานเหมือนที่เคยทำได้กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และนี่คืองานที่กุนซือต้องพยายามหาทางแก้ไข เพื่อทำให้นักเตะซึ่งมีค่าตัวแพงสุดในลีกสามารถเล่นได้เข้าขากับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โกดี้ คักโป

สตาร์ชาวสวีดิช ยังจูนไม่เข้ากรับเพื่อนร่วมทีมในแนวรุก เล่นแบบโดดเดี่ยว และแทบไม่แสดงให้เห็นถึงการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ขณะที่เขากลายเป็นนักเตะคนแรกที่ลงตัวจริงให้กับ ลิเวอร์พูล และแพ้รวดในพรีเมียร์ลีก 4 นัดติดต่อกัน

โปรแกรมที่ต้องพบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ซันเดอร์แลนด์ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ถือเป็นสามเกมถัดไปที่ค่อนข้างเอื้ออำนวยให้กับ อีซัค ยิ่ง อูโก้ เอกิติเก้ มีปัญหาบาดเจ็บ นั่นทำให้เขามีโอกาสได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง

4. เรียกฟอร์มคุมเกมกดคู่แข่งกลับมา

ลิเวอร์พูล สามารถคลายความกดดันได้ด้วยชัยชนะสองนัดติดต่อกัน และถือเป็นสองเกมที่ฟอร์มที่ดีที่สุดของฤดูกาลจนถึงตอนนี้ โดยไม่เสียประตูขณะที่พวกเขาครองเกมเหนือกว่า แอสตัน วิลล่า และ เรอัล มาดริด

มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ฟอร์มของ "หงส์แดง" ดีขึ้น เพราะ โค้ชอาร์เน่อ หันกลับมาใช้สูตรทีมชุดแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และมีสามประสานแดนกลางที่แข็งแกร่งอย่าง ไรอัน กราเฟนแบร์ก, โดมินิค โซโบซไล และอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์

ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ กุนซือชาวดัตช์ ต้องทำให้ได้ก็คือดึงศักยภาพที่แท้จริงของ 3 ประสานในแผงมิดฟิลด์กลับคืนมาให้เร็วที่สุด เพราะถ้าหากแดนกลางกลับมาคุมเกมเหมือนที่ทำได้ในแมตช์ชนะ วิลล่า และ เรอัล มาดริด งานนี้แนวรับและแนวรุกก็จะสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีขึ้นด้วย

5. มีโชคเข้าข้างบ้าง

ยังจำได้ไหมตอนที่ลิเวอร์พูลชนะใน 7 นัดแรกของฤดูกาล ? มันรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว

หากมองจากผลงานในช่วงต้นซีซั่นนี้ "เดอะ เร้ดส์" สามารถเก็บชัยชนะ  5 เกมรวดในลีกได้ก็ตาม แต่ฟอร์มโดยรวมไม่ได้ดีเด่อะไรเลย ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าฟอร์มของพวกเขาขาดความคงเส้นคงวา 

แม้ ลิเวอร์พูล จะไม่ได้แข็งแกร่งจนถึงขั้นสามารถชนะต่อเนื่อง 7 นัด แต่การแพ้ 9 จาก 12 เกมหลังสุดถือเป็นปัญหาที่เกินจะรับได้จริงๆ เพราะนี่ไม่ใช่ผลงานของทีมที่จะก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์

จากการแพ้ 9 นัดหลังสุด มีเพียงแค่ 4 เกมที่ ลิเวอร์พูล มีค่า xG (ความน่าจะเป็นของการได้ประตู) น้อยกว่าคู่แข่ง แน่นอนว่าทีมทำผลงานได้ไม่ดี แต่พวกเขาเพียงแค่ต้องการโชคเข้าข้างบ้าง นั่นอาจทำให้ฟอร์มกลับมาอีกครั้ง