แมนฯ ยูไนเต็ด ระเบิดฟอร์มแจ่มสานต่อสถิติที่เลวร้ายให้กับ วูล์ฟส์ ได้ต่อไปเมื่อบุกไปถล่มทีม หมาป่า กระเจิง 4-1 ในการฟาดแข้งศึก พรีเมียร์ลีก คู่เดียวโดดๆเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 8 ธ.ค.ส่งผลให้ทีมบ๊วยของตารางยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น ขณะที่ ผีแดง แก้เผ็ดทีมเจ้าบ้านได้อย่างสาสมหลังจากซีซั่นก่อนพวกเขาแพ้ให้กับคู่ปรับรายนี้อย่างน่าอับอายทั้งสองเกมที่ได้เผชิญหน้ากันโดยสามแต้มในเกมที่ โมลินิวซ์ กราวด์ ทำให้ เร้ด เดวิลส์ ปีนขึ้นสู่อันดับหกของตารางได้ตามความคาดหมาย

1. หมาป่า ขาด โกเมส ติดโทษแบน

วูล์ฟส์ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยปราศจาก ชูเอา โกเมส กองกลางแซมบ้าที่ตกเป็นข่าวลือกับ ผีแดง เนื่องจากติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบห้าใบ

นอกจากนี้ เจ้าบ้านขาด มาร์แชลล์ มูเน็ตซี่ อีกรายหลังมีอาการบาดเจ็บจากเกมพ่าย ฟอเรสต์ คารัง 1-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

รวมแล้ว ร็อบ เอ็ดเวิร์ดส์ กุนซือทีม หมาป่า ปรับโผสองตำแหน่งจากนัดก่อนโดย ลาดิสลาฟ เครย์ชี่ หายเจ็บเข่าทันเวลาลงเล่นแทน โกเมส ขณะที่ คี ยาน่า โฮเฟอร์ กองหลังดัตช์ได้เสียบแทน แจ็คสัน ชัตชูอา ซึ่งตกเป็นตัวสำรองในตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งขวา

2. คุนญ่า ฉะทีมเก่า,เฮฟเว่น คุมหลังต่อ

รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด โรเตชั่นทีมรายเดียวเท่านั้นหลังจากนัดก่อน ผีแดง ทำได้แค่เฝ้าบ้านเสมอกับ เวสต์แฮม 1-1

นายใหญ่โปรตุกีสเลือกดร็อป โจชัว เซิร์กซี่ ลงไปนั่งข้างสนามโดยส่ง เมสัน เมาท์ ออกสตาร์ต ขณะที่ มาเตอุส คุนญ่า ได้ต่อกรกับอดีตต้นสังกัด

ด้าน อายเด็น เฮฟเว่น ยังได้ลงเล่นเป็นตัวจริงต่ออีกเกมเนื่องจากทั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ มาตไตส์ เดอ ลิกต์ สองเซ็นเตอร์แบ็คยังไม่หายเจ็บ

3. ประตูแรกของ เอ็ดเวิร์ดส์

นับตั้งแต่เข้ามารับงานคุมทีม หมาป่า ต่อจาก วิตอร์ เปเรยร่า เอ็ดเวิร์ดส์ ยังแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กับสโมสรไม่ได้เนื่องจากสามเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ของเขา วูล์ฟส์ แพ้ให้กับคู่แข่งทุกนัดชนิดที่ยิงประตูไม่ได้เลย และเสียไปรวม 4 ประตู

อย่างไรก็ดี แมตช์ต้อนรับการมาเยือนของ แมนฯ ยูไนเต็ด แม้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะเช็กบิลให้ทีมเยือนนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 25 แถม ผีแดง น่าจะได้ประตูเพิ่มหลายหน แต่เข้าสู่ช่วงทดเวลา ฌอง ริคแนร์ เบลลีการ์ด ตีเสมอให้เจ้าบ้านได้สำเร็จจากการส่งบอลเข้ากรอบหนแรกในเกมนี้ของทีมบ๊วยซึ่งทำให้ เอ็ดเวิร์ดส์ คุมทีมคว้าประตูแรกได้เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน ทีม หมาป่า ยิงประตูแรกในเกม พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จในรอบหกนัดด้วยคิดได้เป็นเวลา 598 นาทีที่พวกเขาเท้าบอดมานาน

หลังจากทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 ในครึ่งแรก สถิติเผยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลได้ดีกว่า 59.6%:40.4% และได้ยิงมากกว่า 14:3 ครั้ง รวมทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่าเช่นกัน 5:1 ครั้ง

4. งานถนัด เอ็มเบอโม่

กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังไม่นาน แมนฯ ยูไนเต็ด สตาร์ตนำ 2-1 อีกหนในนาทีที่ 51 จากจังหวะสับไกของ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ซึ่งมีผลงานที่ดีกับ วูล์ฟส์ มาตั้งแต่สมัยค้าแข้งกับ เบรนท์ฟอร์ด แล้ว

จากการลงเล่นให้ เดอะ บีส์ ฟัดกับทีม หมาป่า ในเกม พรีเมียร์ลีก หกนัด สตาร์ทีมชาติ แคเมอรูน สอยประตูได้ 3 ลูกและ 2 แอสซิสต์ กระทั่งการบู๊กับ วูล์ฟส์ ในรายการนี้ให้ ผีแดง เขากระทุ้งประตูทีมโปรดรายนี้ได้อีกตามเคยรวมเป็น 4 ประตู 2 แอสซิสต์

รวมแล้วมีแค่ ไบรท์ตัน กับ เซาธ์แฮมป์ตัน สองทีมเท่านั้นที่เสียประตูหรือแอสซิสต์ให้กับ เอ็มเบอโม่ มากกว่ารวม 8 ประตูเท่ากัน

5. บรูโน่ ทั้งยิงทั้งจ่าย

หลังได้เม็ดสองของเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ยอมพลาดเหมือนท้ายครึ่งแรกอีกแล้ว และเดินหน้ากดดันทีม หมาป่า อย่างต่อเนื่องกระทั่งได้สกอร์นำ 3-1 ในนาทีที่ 63 จาก เมสัน เมาท์ ซึ่งได้ลูกจ่ายจาก แฟร์นันด์ส

เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 82 แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ลูกโทษจากการทำแฮนด์บอล และแน่นอนว่า แฟร์นันด์ส สังหารไม่พลาดพาทีมเยือนนำขาด 4-1 ก่อนชนะไปด้วยสกอร์ดังกล่าวเป็นการแก้แค้น วูล์ฟส์ ได้สำเร็จหลังจากซีซั่นก่อน ผีแดง แพ้ หมาป่า ในเกมลีกทั้งสองนัดไปกลับ

จากผลงานดังกล่าวทำให้สตาร์ทีมชาติ โปรตุเกส เพิ่มสถิติทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมเดียวกันของ พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ประเดิมสนามกับ ผีแดง ในเดือนก.พ.2022 เป็นเกมที่ 16 แล้ว และเป็นรองแค่ โม ซาลาห์ กับ เควิน เดอ บรอยน์ เท่านั้นที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมเดียวกันของ พรีเมียร์ลีก ได้มากกว่าจากผลงาน 27 และ 17 นัดตามลำดับ

จบเกม ปีศาจแดง ยังครองบอลได้มากกว่า 63.8%:36.2% และได้ยิงรวม 27 ครั้งเข้ากรอบ 10 ครั้ง ขณะที่เจ้าบ้านได้ส่องยิง 8 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง

ด้าน วูล์ฟส์ หลังแพ้เกมนี้พวกเขาสร้างผลงานย่ำแย่เทียบเท่ากับสถิติสโมสรที่แพ้เกมลีกต่อเนื่องนานที่่สุดแปดนัดติดต่อกันเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเดือนธ.ค.1981-เดือนก.พ.1982

สำหรับ ผีแดง พวกเขาเพิ่มผลงานไม่แพ้เกมเยือนใน พรีเมียร์ลีก นานห้านัดติดต่อกันแล้ว (ชนะ 3 เสมอ 2) และจากโอกาสยิงประตู 27 ครั้งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในเกม พรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ อโมริม ด้วย