"วรพจน์" ลุ้นทองมวยเจ้าถิ่น

 
     วรพจน์ เพชรขุ้ม นักชกจาก อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี วัย 29 ปี ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิก 2004 และเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ 2006 เหรียญทองซีเกมส์ 4 สมัย ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยรอบ 16 คน ชนะคะแนน ไอเดิร์กคู อัคห์จาร์กาล นักชกมองโกเลีย 2-1 รอบ 8 คน ชนะคะแนน ออมราน อัคบารี จากอิหร่าน 4-2 และรอบรองชนะเลิศ ชนะคะแนน เวสซัม ซาลามานา จากซีเรีย 4-0
 
     ขณะที่ ซาง เจียเหว่ย นักชกจีน จากเมืองโฝ่วซาน วัย 21 ปี ที่รอบ 16 คน ชนะคะแนน อันวาร์ ยูนูซอฟ จากทาจิกิสถาน 6-3, รอบ 8 คน ชนะ ออร์ซูเบ็ค ชายิมอฟ จากอุซเบกิสถาน 5-2 และในรอบรองชนะเลิศชนะ RSC ริ ยุง ซอน นักชกเกาหลีเหนือ ยก 2

    ยกแรก วรพจน์ ทิ่มขวาโกยแต้ม

 
     ยกแรก วรพจน์ มวยการ์ดขวารูปร่างเตี้ยกว่า ซาง เจียเหว่ย ที่เป็นมวยซ้ายอยู่เล็กน้อย เปิดฉากมาแค่ 15 วินาที แต้มแรกก็เป็นของ วรพจน์ ที่ได้จังหวะทิ่มขวาตรงเต็มหน้านักชกเจ้าถิ่น วรพจน์ นำ 1-0 ซาง เจียเหว่ย พยายามทวงคืนสาวหมัดเข้าใส่แบบไม่มีบล็อกนำ วรพจน์ ดักจิ้มขวาทำแต้ม 2-0 อย่างรวดเร็ว นักชกจีนกลายเป็นชกด้วยความร้อนรน เดินบุกเข้าหาแบบบ้าคลั่ง ทำให้ วรพจน์ จับทางยัดขวาตรงทำคะแนนฉีกไป 3-0
 
     นักชกไทยยังคุมจังหวะได้ดี ซาง พยายามอาศัยความแข็งแกร่ง เข้าบดแต่ วรพจน์ ก็ยกการ์ดตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น ก่อนจะสวนหมัดขวาตรง ทำคะแนน 4-0 กองเชียร์เจ้าถิ่นพยายามส่งเสียงปลุกเร้า ซาง ฮึดยิงซ้ายตรงไล่มา 1-4 แต่วรพจน์ ยังอาศัยความเก๋าฉกขวาตรงทำคะแนนหนีไป 5-1 จางขยับเข้าหา แต่ก็โดนยิงขวาเต็มหน้า แต้มห่างไป 6-1 ช่วงปลายยก ซาง ยิงซ้าย ตรงทำคะแนนไล่มา 2-6

    ยกสองจีนลุยหนัก "วรพจน์" รับแน่น

 
     ยกสอง ซาง เจียเหว่ย เร่งเกมเดินเบียดทันที ออกหมัดแบบไม่ให้ วรพจน์ ได้ตั้งตัว แต่นักชกไทยอาศัยประสบการณ์ คุมเกมอย่างใจเย็น หมุนวนออกข้างเดินดันไล่แขน ก่อนจะดักจิ้มขวาทำคะแนนหนีไป 6-2 ซาง เจียเหว่ย ที่ชกในบ้านเกิดของตัวเองไม่มีท้อเร่งเกมรุกอย่างหนัก ทิ้งซ้ายตรงทำคะแนนไล่มาห่างๆ 3-7
 
     แต่ วรพจน์ไม่ตกใจ ตั้งการ์ดบล็อกแน่นแล้วสวนขวาทำคะแนน 8-3 รักษาระยะห่างเอาไว้ที่ 5 คะแนนเท่าเดิม ซาง เจียเหว่ย พยายามจะเร่ง แต่กลับกลายเป็นเร่งจนตัวเองเสียจังหวะ ต่อยหมัดติดการ์ด ติดบล็อก วรพจน์ เป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยความที่เป็นเจ้าถิ่น จาง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยังก้มหน้าก้มตาเดินต่อยไปเรื่อย แม้คะแนนยังห่าง แต่ วรพจน์ ก็ยังต้องชกด้วยความกดดันหากปล่อยให้คะแนนกระชั้นกว่านี้ กำลังใจนักชกจีนมีเพิ่มขึ้นกว่านี้แน่นอน

    ยกสุดท้ายวรพจน์คุมเกมเข้าป้ายคว้าทองโทน

 
     ยกสุดท้าย กัปตันทีมกำปั้นไทย ที่แบกรับโอกาสคว้าเหรียญทอง ให้ทีมกำปั้นไทยเอาไว้ ในฐานะนักชกคนสุดท้ายที่ได้ลุ้น แม้สภาพร่างกายจะอ่อนระโหยโรยแรงไปพอสมควร แต่ก็ยังกัดฟันยืนแลกหมัดกับ ซาง เจียเหว่ย นักชกจีน โหมเร่งเครื่องแบบสุดกำลัง แต่หมัดที่ออกมีแต่พลัง ขาดความแม่นยำ ชกไม่เข้าเป้าคะแนนจึงยังไม่ขึ้น
 
     วรพจน์ชกด้วยความมั่นใจโชว์ฟุตเวิร์กเต้นออกซ้ายออกขวากลายเป็นมาทาดอร์ล่อวัวกระทิงไป ซาง เจียเหว่ย ยิ่งชกยิ่งท้อ เสียงเชียร์ของแฟนมวยชาวจีน ก็เริ่มเบาลง กลายเป็นเสียเชียร์จากแฟนมวยชาวไทย ที่เริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ยกสุดท้ายทั้งคู่แม้จะออกหมัดไม่หยุด แต่น้ำหนักหมัดเริ่มแผ่วลงไป ก่อนที่จะครบยก วรพจน์ ชนะไป 8-3 คว้าเหรียญทองโทน ให้ทีมเสื้อกล้ามไทยได้สำเร็จ

    "วรพจน์" สุดปลื้มชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

 
     ฮีโร่หมัดไทย วรพจน์ เพชรขุ้ม นักชกอารมณ์ดี จากแดนสะตอ กล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิตอีกครั้งว่า การชกกับจีนชิงเหรียญทอง ตนไม่มีความกดดันอะไรเลย เพราะเหมือนที่ให้สัมภาษณ์สำหรับตนแล้ว ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น แต่จะทำให้ดีที่สุด
 
     "ผมดีใจมากครับที่ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ เพราะมันเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ ครั้งที่แล้วผมได้แค่เหรียญทองแดง คราวนี้ทำสำเร็จแล้ว ที่ผ่านมาผมมา ชกที่จีน หลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย มาครั้งนี้แหละประทับใจจริงๆ ครับ" วรพจน์ เปิดใจ

    ขอมอบเหรียญทองให้เพื่อนทุกคน

 
     พร้อมกันนั้น วรพจน์ เพชรขุ้ม ก็ได้กล่าวต่อว่า เหรียญทองที่ตนได้มา ตนขอมอบให้กับเพื่อนๆ ร่วมทีมทุกคนด้วย เพราะทุกคนร่วมกันเหน็ดเหนื่อยฝ่าฟันความลำบากฟิตซ้อมมาด้วยกันหลายเดือน กว่าจะมีวันนี้ได้ ตนก็ได้เพื่อนๆ ทุกคนช่วยซ้อม ลงนวม และช่วยเป็นกำลังใจให้ และตนก็ขอมอบเหรียญทองนี้ให้กับความยุติธรรมที่มีอยู่น้อยนิดในศึกเอเชียนเกมส์นี้ด้วยเช่นกัน

    โล่งใจเปลี่ยนกรรมการชุดใหม่นัดชิง

 
     อีกเหตุผลหนึ่งที่ วรพจน์ เพชรขุ้ม บอกว่าไม่กดดันเลยในการชกนัดชิงกับ ฉาง เจี่ย เหว่ย ก็เพราะทราบว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการหลายคนในนัดชิงชนะเลิศ เนื่องจากการตัดสินให้คะแนนที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก
 
     ทางไอบาจึงคัดกรรมการมือดีให้คะแนนนัดชิง จึงทำให้ตนเบาใจได้ว่า น่าจะให้ความยุติธรรมกับนักมวยทุกคนทุกชาติเท่าเทียมกัน ส่วนคู่ชกชาวจีน นั้น เจ้าพจน์ได้บอกว่าฝีมือดีทีเดียว อายุยังน้อย เชื่อว่าในอนาคตจะเป็นมวยดังของวงการมวยเสื้อกล้ามได้อย่างแน่นอน

 
    ใครเป็นนายกมวยก็ได้ขอให้ทุ่มเท

 
     ส่วนกรณีข่าวที่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัว นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นคนใหม่ จากเดิม พลเอก ทวีป จันทรโรจน์ เป็นคนอื่นนั้น จากเรื่องนี้ฮีโร่เหรียญทองโทนของทีมหมัดไทย เปิดใจว่า สำหรับตนแล้วใครจะขึ้นมาเป็นนายกมวยคนใหม่ ตนก็คงไม่มีปัญหาอะไร และไม่ได้คาดหวังด้วยว่าอยากให้ใครเข้ามาเป็น แต่ขอให้คนที่จะเข้ามาดูแลสมาคมมวยและทีมนักมวย ต้องมีความทุ่มเทตั้งใจและรักมวยอย่างจริงใจ
 
     รวมทั้งข้อสำคัญอีกอย่างก็คือ ต้องหาทางเคลียร์ปัญหาระหว่างสมาคมมวยสากลสมัครเล่นไทย กับ สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ หรือไอบา ให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาตามมาอีกในอนาคตต่อนี้ไป 

    บนหนังตะลุงถวายพระพุทธรูป

 
     วรพจน์ เพชรขุ้ม เผยอีกว่า ก่อนเดินทางมาชกที่ประเทศจีน ตนได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านเกิด จ.สุราษฎร์ธานี และบนบานไว้ว่า ถ้าประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทองมาได้ จะถวายหนังตะลุงและพระพุทธรูป ซึ่งหลังจากกลับถึงเมืองไทยแล้ว ตนก็จะเดินทางกลับบ้านเกิดที่ภาคใต้ทันที เพื่อร่วมฉลองกับครอบครัวญาติพี่น้อง และทำบุญแก้บนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ช่วยปกปักคุ้มครองตนจนได้เหรียญทองสำเร็จสมดังหวัง 

    ยก "สมจิตร" เป็นแบบอย่างสู่ความสำเร็จ

    ขอคว้าเหรียญโอลิมปิกอีกสมัย

 
     ส่วนอนาคตนั้น วรพจน์ เพชรขุ้ม บอกว่า ตนอยากเดินทางไปชกกีฬาโอลิมปิก "ลอนดอนเกมส์" ที่ประเทศอังกฤษ อีกสักครั้ง หลังจากหนแรกที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ คว้าเหรียญเงินมาได้ แต่ครั้งหลังที่ปักกิ่งเกมส์ ประเทศจีน ไม่ได้เหรียญอะไรเลย
 
     ซึ่งตนจะพยายามชกคัดเลือกไปโอลิมปิกให้ได้ และจะพยายามคว้าเหรียญโอลิมปิกให้ได้อีกสมัย เพราะมันคงเป็นครั้งสุดท้ายของตนแล้ว เนื่องจากตอนนี้ก็อายุ 30 ปีเข้าไปแล้ว โดย วรพจน์ จะเริ่มเข้าเก็บตัวแคมป์ทีมชาติอีกครั้ง ในวันที่ 5 มกราคม 2554 ต้นปีหน้า

    โคตรสะใจนำทีมคว้าทองได้สำเร็จ

 
     ภายหลังลงจากเวที "โค้ชแซม" ได้เดินมาจับมือและกอดกับสื่อมวลชนไทย ด้วยความดีใจสุดขีด ปากคอสั่นด้วยความสะใจ ที่สามารถนำทีมนักมวยคว้าเหรียญทองได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้บอกกับคนข่าวด้วยความไม่พอใจอย่างมากที่ "ฮีโร่บาส" สมรักษ์ คำสิงห์ ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผ่านช่อง 3 ว่าทีมมวยชุดนี้เป็นชุดที่ตกต่ำที่สุด ต่อยมวยได้ล้าหลังมาก นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นักมวยชุดนี้ก็มีดีเหมือนกัน

    รุมจวก "สมรักษ์" ไม่มีน้ำใจนักกีฬา

 
     และจากการให้สัมภาษณ์ของ "เจ้าบาส" สมรักษ์ คำสิงห์ ผ่านทางช่อง 3 ก่อนที่นักชกไทย จะขึ้นสังเวียนชกชิงเหรียญทอง โดยได้กล่าวดูถูกว่า ทีมมวยชุดนี้เป็นยุคที่ตกต่ำที่สุดของวงการมวยสากลสมัครเล่น ทำให้ทีมนักมวยไทย ที่กำลังทำศึกอยู่ประเทศจีน รวมถึงสตาฟฟ์โค้ช และผู้จัดการทีม พร้อมทั้งสื่อมวลชนไทยหลายคน แสดงความเห็นไม่พอใจอย่างมาก
 
     และจวกกลับ สมรักษ์ ว่า เป็นฮีโร่ได้ยังไง ไม่มีน้ำใจนักกีฬาเลย ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่น่าออกมาให้สัมภาษณ์ซ้ำเติมรุ่นน้อง เพราะนักมวยทุกคนต่างกดดันจริงๆ กับปัญหาที่เกิดขึ้นหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องการตัดสิน แทนที่จะให้กำลังใจและช่วยแนะนำเทคนิคการชก กลับมาทำลายกำลังใจทางอ้อม ทั้งที่ตัวเองก็มีชื่อเสียง และเกิดมาได้จากมวยสากลสมัครเล่น และก็เคยผ่านเรื่องร้ายๆ มาแล้วหลายครั้ง ทำไมไม่นึกถึงอดีตของตัวเองบ้าง ก่อนที่จะว่าคนอื่น

    "เสธ.วีป" อัดฉีดที่ดินอยุธยา ให้ "พจน์"

 
     ชัยชนะที่นำไปสู่เหรียญทองของ วรพจน์ เพชรขุ้ม นอกจากจะได้เงินรางวัลจากการกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 1 ล้านบาท เงินอัดฉีดจากผู้จัดการทีม "ส.ส.จั้ม" สกลธี ภัททิยกุล จำนวน 2 แสนบาท และเงินอัดฉีดจาก ดร.พรชัย อรัญยกานนท์ จำนวน 5 หมื่นบาทแล้ว
 
     ล่าสุดทางนายกสมาคมฯ "เสธ.วีป" พลเอก ทวีป จันทรโรจน์ ก็เตรียมมอบที่ดินที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้อีกด้วย เนื้อที่ 100 ตารางวา คิดเป็นมูลค่าเงินก็ประมาณ 4 แสนบาท และคาดว่าจะมีเงินอัดฉีดจากสปอนเซอร์ต่างๆ อีกมากมาย

    "สุเทพ" ฝากชมคนบ้านเดียวกัน

 
     "บิ๊กจั้ม" ส.ส.สกลธี ภัททิยกุล ผู้จัดการทีมมวยสากลสมัครเล่นของไทย ที่ทุ่มเททำงานหนักมาตลอด ร่วมกับโค้ชและตัวนักมวย แม้มีภารกิจสำคัญที่ประเทศไทย ก็ยังต้องรีบบินกลับมาเชียร์นักมวยในวันชิงเหรียญทอง กล่าวว่า ตนสุดปลื้มและดีใจมากๆ ที่นักชกไทยคว้ามาได้ 1 ทอง 1 เงิน และ 2 ทองแดง แม้ว่าจะไม่ถึงเป้าหมาย 2 เหรียญทอง ที่ตั้งไว้ก็ตาม แต่ทุกคนก็ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว
 
     เพราะมาคราวนี้เราทุกคนทราบกันดีว่า สมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ  และนักชกไทยเองต่างก็ต้องเจอมรสุมทั้งในและนอกสนามกดดันอย่างหนัก ขณะที่รอบชิงชนะเลิศ เราต้องเจอกับชาติเจ้าภาพอีก ถือว่าเป็นอะไรที่หนักมาก ส่วนตัวต้องขอชื่นชมนักชกและโค้ชทุกคนที่ช่วยกันทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่สมบูรณ์แบบจนคว้าเหรียญทองมาได้
 
     ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ร่วมพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ฝากให้กำลังใจ วรพจน์ เพชรขุ้ม คนบ้านเดียวกันมาด้วย และส่วนตนจะมอบเงินอัดฉีดให้นักกีฬาที่ได้เหรียญทอง 2 แสนบาท, เหรียญเงิน 1 แสนบาท และเหรียญทองแดง 5 หมื่นบาท อีกด้วย