เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว กีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 38 "จามจุรีเกมส์" เจ้าภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการแสดงโชว์ 4 ชุดสุดอลังการ "เงือกแบงค์" ปานวาด จิตต์ไพโรจน์ นักว่ายน้ำหญิงทีมชาติไทย เป็นผู้จุดคบเพลิง ท่ามกลางนักกีฬาจากทั้งหมด 117 สถาบัน ที่เข้ามาร่วมพิธี เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา

 

      สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเป็นประธาน ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 38 "จามจุรีเกมส์" ณ สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ 15 มกราคม ที่ผ่านมา
 
     โดยมีศาสตราจารย์ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา นายกสภามหาวิทยาลัย, ศาสตราจารย์ นายแพทย์ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการแข่งกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 38 พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ
 
     บรรยากาศพิธีเปิดการแข่งขันเริ่มคึกคัก ตั้งแต่เวลา 17.30 น. ขบวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จาก 117 สถาบันทยอยเข้าสู่สนาม เฝ้าฯ รับเสด็จ ก่อนที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระนั่ง ถึงสนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 
     จากนั้นขบวนพาเหรดเชิญธงประจำการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยธงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยลงสู่สนาม รองศาสตราจารย์คิม ไชยแสนสุข ประธานคณะกรรมการบริหารกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย กล่าวบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการจัดการแข่งขัน ก่อนที่นายแพทย์ภิรมย์ กมลรัตนกุล ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน กล่าวรายงานการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในครั้งนี้

    

การแสดง 4 ชุดสุดอลังการ

 
     สำหรับการแสดงต้อนรับนักกีฬา และเจ้าหน้าที่กว่า 3,500 คน จาก 117 สถาบันที่ร่วมการแข่งขัน เจ้าภาพได้มีการแสดงทั้งหมด 4 ชุด ใช้นักแสดงทั้งหมด 650 คน โดยการแสดงชุดที่ 1 เป็นการจุดไฟที่กระถางคบเพลิง
 
     ซึ่งผสมผสานการแสดงประยุกต์จาก "รามเกียรติ์" ตอน เกษียรสมุทร ตามตำนานที่พระอินทร์กับอสูร ต่างร่วมมือร่วมใจกันกวนเกษียรสมุทรด้วยความสามัคคี เพื่อทำน้ำอมฤตดื่มกิน โดยเข้ากับแนวคิดที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง จากนักกีฬาทั้ง 117 สถาบัน เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน "รู้รัก สามัคคี และมีความปรองดอง"

    

17 นักกีฬาอดีตปัจจุบันร่วมวิ่งคบเพลิง

 
     ส่วนไฟที่กระถางคบเพลิงมีนักกีฬาที่ร่วมวิ่งคบเพลิงทั้งหมด 17 คน ซึ่งเป็นอดีตและนักกีฬาของจุฬาฯ ประกอบด้วย รศ.จันทร์ ผ่องศรี (ฟุตบอล, รักบี้ฯ, ฮอกกี้), รศ.มล.ปาณสาร หัสดินทร (เรือใบ, รักบี้ฯ), รศ.นพ.พินิจ ทวีสินี (รักบี้ฯ, เทนนิส, บาสเกตบอล, กรีฑา), ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง (ฟุตบอล), ธนากร ศรีชาพันธุ์ (เทนนิส), ลดาวัลย์ มูลศาสตร์สาทร (แบดมินตัน), นราธร ศรีชาพันธุ์ (เทนนิส), สมพล คูเกษมกิจ (แบดมินตัน),
 
     ธีรัฐ โพธิ์พานิช (ยิมนาสติก), สุทธิชัย สุวรประทีป (กรีฑา), เรือเอก ดำรงศักดิ์ วงศ์ทิม (เรือใบ), สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ (แบดมินตัน), ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย (แบดมินตัน), ศรสวรรค์ ภู่วิจิตร (ว่ายน้ำ), ชณาภา ซ้อนขำ (เทควันโด), พิสิษฐ์ พูดฉลาด (แบดมินตัน) และ ปานวาด จิตต์ไพโรจน์ (ว่ายน้ำ)

    

เงือกสาว "ปานวาด" จุดไฟ

 
     ขณะที่ขั้นตอนการจุดไฟที่กระถางคบเพลิง หลังจากที่เหล่าพระอินทร์และอสูร ได้ช่วยกันกวนเกษียรสมุทรเป็นเวลานับพันปี โดยมีพญานาคว่ายวนอยู่ตรงกลางของมหาสมุทร
 
     ก่อนที่ "เงือกแบงค์" ปานวาด จิตต์ไพโรจน์ นักว่ายน้ำหญิงทีมชาติไทยเจ้าของสถิติประเทศไทย ว่ายน้ำกบ 50 ม. และ 100 ม. แสดงเป็น "พระลักษมี" เป็นผู้รับคบเพลิงเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จุดไฟพวยพุ่งไปสู่กระถางคบเพลิงที่อยู่ด้านบน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 38 ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

    

อ.วิจิตร-รดมยศ นำปฏิญาณ

 
     จากนั้นเข้าสู่พิธีการกล่าวคำปฏิญาณตนของนักกีฬา โดยมี "ฉลามต่อ" รดมยศ มาตเจือ นักว่ายน้ำหนุ่มทีมชาติไทย เจ้าของ 7 เหรียญทอง 2 เหรียญเงินกีฬามหาวิทยาลัยแห่งอาเซียน ที่ประเทศเวียดนาม เป็นตัวแทนนักกีฬา
 
     ขณะที่ อ.วิจิตร เกตุแก้ว อดีตนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย และอดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนผู้ตัดสินกล่าวคำปฏิญาณ จากนั้นขบวนนักกีฬาจาก 117 สถาบัน ได้ทยอยออกจากสนาม ก่อนจะเข้าสู่การแสดงชุดที่ 2 เป็นขบวนพาเหรดชุด "การรู้รักสามัคคี" โดยได้รวบรวมชมรมเชียร์ลีดเดอร์จุฬาฯ ทั้งหมด 30 รุ่น จากอดีตถึงปัจจุบันร่วมขบวนพาเหรด เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นเกียรติภูมิของจุฬาฯ

    

หลายความคิดภายใต้ร่มพระบารมี

 
     การแสดงชุดที่ 3 ชื่อว่า "นำสังคมไทยนี้สู่ดุลยภาพและความกลมกลืน" โดยนักแสดงจะสวมเสื้อ 7 สี ได้แก่ สีแดง, สีเขียว, สีม่วง, สีส้ม, สีชมพู, สีฟ้า, สีเหลือง สะท้อนถึงสภาพสังคมในประเทศไทยปัจจุบัน ที่แม้จะมีหลายความคิด หลายความเชื่อ หลายสัญชาติ แต่เมื่อมาอยู่รวมกันแล้ว จะมีดุลยภาพแห่งความกลมกลืน เป็นการแสดงที่เหมาะกับสภาวะสังคมไทยได้เป็นอย่างดี
 
     ก่อนจะปิดท้ายด้วยการแสดงชุดสุดท้าย ชื่อ "84 พรรษา พระบารมีปกเกล้าชาวประชาร่มเย็น" ซึ่งเป็นการแสดงต่อเนื่องจาก ชุด "ดุลยภาพแห่งความกลมกลืน" ซึ่งนอกจากจะหลากหลายความคิดในสังคมแล้ว ทุกคนล้วนแต่อยู่ใต้ร่มพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลอง 84 พรรษา

    

"กวิน" ถือธงอาร์แบค

 
     นอกจากตัวแทนจาก 117 สถาบันแล้ว "เจ้าตอง" กวิน ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งทีมชาติไทยจากสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกสองสมัยซ้อนได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนถือธงให้กับต้นสังกัด "อาร์แบค" มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต นำนักกีฬาเข้าสู่สนาม เช่นเดียวกับ "เจ้าภาพ" จุฬาฯ ที่มี "น้องกิ๊ฟ" กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของตำแหน่งนางสาวไทย ปี 2553 เป็นผู้ถือป้ายอีกด้วย

    

ปธ.เปิด-ปิด ปลื้มยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่อื่น

 
     อ.ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ ประธานคณะกรรมการฝ่ายพิธีเปิด-ปิด และการแสดง เปิดเผยอีกว่า นักแสดงทั้งหมดนอกจากจะเป็นนิสิตปริญญาตรี, ปริญญาโท และปริญญาเอก และบุคลากรของทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว ยังได้รับความร่วมมือจาก ร.ร.ช่างฝีมือทหาร และกรมยุทธบริการ
 
     ในส่วนของนักแสดงที่ได้ร่วมกับนักแสดงของสถาบันร่วมเนรมิตพิธีเปิด ภายใต้คอนเซปต์เฉลิมฉลอง 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยทุกคนจะได้ร่วมแสดงถึงความมีสปิริต "ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ คือน้ำใจนักกีฬา" อีกทั้งยังมีสโลแกนประจำการแข่งขัน "รู้รัก สามัคคี มีความปรองดอง" เชื่อว่าเราทำได้ดีไม่แพ้เจ้าภาพครั้งที่ผ่านมาเลยทีเดียว