ลือถูกรถชนตาย! ''เต็งหนึ่ง-กฤษณกันท์'' ดารา 7 สี โร่แถลงข่าว รับตกใจมาก ยันยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุใดๆ ทั้งสิ้น รับแม่ช็อกหลังทราบข่าวลือ เชื่อเป็นการเข้าใจผิด ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง เผยถูกทักปีชงเล็งทำบุญ

จากกรณีข่าวลือ นักแสดงหนุ่มช่อง 7 สี ''เต็งหนึ่ง'' กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์ หรือชื่อจริงตามบัตรประชาชน ''คัชฑาธัช มณีผกาพันธ์'' อดีตนักร้องวง ''บี.โอ.วาย'' ได้เสียชีวิตจากอุบัติรถชนเสาไฟฟ้า ดับคาที่ โดยกระแสข่าวดังกล่าวถูกส่งเป็นข้อความทาง บีบี บรอดแคส ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 17 เมษายน 2554 โดยข้อความระบุ ว่า ''ข่าวด่วน นักร้องวงบี.โอ.วาย เต็งหนึ่ง กฤษณกันท์ ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เสียหลักไปชนกับเสาไฟฟ้า เสียชีวิตคาที่ สภาพศพ เหวอะหวะ โปรดบรอดแคสต่อด้วย'' หลังจากนั้นก็มีการส่งต่อ และสอบถามข้อความกันในทวิตเตอร์เป็นจำนวนมาก ว่าเรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร
 

หลังจากที่ข่าวลือแพร่สะพัดไปประมาณครึ่งชั่วโมง ''เต็งหนึ่ง กฤษณกันท์'' ก็ได้ทวิตข้อความเพื่อปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวที่ @Mr_TengNeung โดยระบุว่า ''ข่าวร้ายๆ ที่ได้ยินไม่มีอะไรนะครับทุกคน ผมอยู่บ้านเพิ่งดูละครจบ ไม่ได้ไปไหนเลย ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับทุกคน'' จากนั้น ได้มีการโพสต์ข้อความมาจากเต็งหนึ่งอีกครั้ง ว่า ''ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ เต็งยังไม่เป็นอะไร ผมฝากกระจายข่าวให้ผมด้วย'' 
 

อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าตัวจะทวิตแก้ข่าวแล้ว แต่ก็ยังมีคนโทร.ไปสอบถามหนุ่มเต็งหนึ่ง และเช็กเรื่องนี้กันให้วุ่นแทบตลอดทั้งคืน ทำให้นักแสดงหนุ่มตัดสินใจออกมาแถลงข่าวเพื่อยืนยันว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 เมษายน 2554 ที่ บริษัท คูลฮันเตอร์ จำกัด ย่านปิ่นเกล้า พร้อมด้วย อุรอุมา สุนทรสีมะ หรือ ''ต้น'' ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คูลฮันเตอร์ จำกัด ซึ่งเต็งหนึ่งเดินมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเริ่มทักทายและชี้แจงถึงข่าวดังกล่าวทันที

เต็งหนึ่ง : ''สวัสดีพี่ๆ ทุกคนนะครับ ก่อนอื่นต้องขอบคุณนะครับ ที่พี่ๆ ทุกคนสละเวลามาในวันนี้นะครับ จากเมื่อวานตั้งแต่เย็นๆ ก็มีกระแสข่าวลือที่มันเยอะมากๆ และมันก็ไปเรื่อยๆ ทุกๆ อย่าง จนมันไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ว่าผมประสบอุบัติเหตุ รถคว่ำแล้วก็เสียชีวิต วันนี้เลยอยากจะมาบอกว่าผมยังไม่ได้เป็นอะไรนะครับ แล้วตอนนี้ผมก็ยังมีชีวิตอยู่นะครับ''

''เต็งหนึ่ง'' ทราบข่าวตอนไหน
เต็งหนึ่ง : ''ทราบตอนประมาณ 4 ทุ่มนะครับ มีพี่นักข่าวโทร.ถามผมว่าประสบอุบัติเหตุเป็นอะไรบ้าง ซึ่งผมก็งงมาก เพราะผมก็อยู่ที่บ้านแล้ว ก็เลยไม่ได้บอกอะไรเขาไป เลยบอกเขาไปว่ามันคงเป็นการล้อเล่นอะไรกันหรือเปล่า หลังจากนั้นคนก็โทร.มาเยอะมากครับ และในบีบีผมมีคอนแท็กเท่าไหร่ ทุกคนก็ทักกันหมดว่า เจ็บตรงไหนไหม หรือเป็นยังไงบ้าง อาการเป็นยังไง''

ตกใจแค่ไหนกับข่าวนี้
เต็งหนึ่ง : ''เอาจริงๆ คือตกใจมากครับ ตกใจถึงขนาดที่ว่า เอ๊ะ...หรือว่าเราไม่รู้ตัว  ''

จากข่าวแรงถึงขั้นเสียชีวิตคาที่
เต็งหนึ่ง : ''ทราบครับ แต่ว่าตัวผมเอง ผมไม่ได้บรอดแคสอันนี้นะครับ แต่คนที่จะส่งต่อเขาคงเป็นเพื่อนอยู่ในคอนแท็กอยู่แล้วมั้งครับ หลายๆ คนก็เลยใช้วิธีการที่จะถามตัวต่อตัวมากกว่า''

แล้วช่วงสงกรานต์ขับรถไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่า
เต็งหนึ่ง : ''อยู่บ้านครับ อยู่กับที่บ้าน จะมีแค่วันสุดท้ายที่ไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ วันที่ 15 เมษายน ผมไปอาร์ซีเอครับ ไปเล่นน้ำเหมือนคนทั่วๆ ไป พอเลิกก็กลับบ้าน''

ได้ข่าวว่าคุณแม่ถึงขั้นช็อกไปเลย
เต็งหนึ่ง : ''ช็อกสิครับ ด้วยความที่คุณแม่เพิ่งมากรุงเทพฯ มาหาผมแล้วก็เพิ่งกลับไปที่โคราช แล้วเมื่อวานไม่ได้คุยกัน ต่างคนต่างไม่ได้คุยกัน ด้วยความที่คนที่ไปบอกข่าวเขาไม่ใช่ผม เป็นเพื่อนเค้าที่ทำงาน โทร.บอกว่าลูกเสียชีวิต โหพี่ ผมเชื่อว่าเป็นคุณแม่ใครก็ต้องเป็นแบบนี้ พอตั้งสติได้พ่อก็โทร.กลับมาครับ แล้วผมก็ไม่ได้รับโทรศัพท์ ด้วยความที่ไม่ได้เป็นคนติดโทรศัพท์อยู่แล้ว จนประมาณ 4 ทุ่ม มีพี่นักข่าวโทร.มาหลายคนเลยได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ว่าผมไม่ได้เป็นอะไร ท่านก็โล่งมากครับ ตอนนี้ก็ตระเวนทำบุญมากๆ ช่วยๆ กันทั้งบ้านครับ''

ข่าวลือเกิดจากอะไร ทราบไหม คนหน้าคล้ายหรือเปล่า
เต็งหนึ่ง : ''ก็นั่นน่ะสิครับ แต่จริงๆ คงไม่อยากให้เกิดเนอะ เพราะว่าจริงๆ อุบัติเหตุมันไม่ใช่สิ่งที่ดีอยู่แล้วนะครับ ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ''

สอบถามไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไหมทำไมมีข่าวแบบนี้ออกมา
เต็งหนึ่ง : ''เอาจริงๆ คือไม่ได้เช็กครับ เพราะว่าทั้งคืนเลยคอยตอบคำถามว่าผมไม่ได้เป็นอะไร ตอนแรกคิดว่าเป็นข่าวเล็กๆ คิดว่ามันคงไม่มีอะไรหรอก คิดว่ามันไม่มีมูล และตัวผมเองก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่พอมันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นเพื่อนที่ต่างประเทศโทร.มาถาม ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ผมเลยบอกเพื่อนไปแบบติดตลกว่า ก็นี่ไง ก็ยังมีชีวิตก็ยังคุยกับเพื่อนอยู่เลย''

เคยทำบัตรประชาชนหายหรืออะไรที่ไหนหรือเปล่า
เต็งหนึ่ง : ''ไม่เคยครับ จริงๆ แล้วชื่อที่เห็นข่าวในทวิตเตอร์มันเป็นชื่อในวงการอยู่แล้วนะครับ ชื่อตามบัตรประชาชนของผมมันไม่ใช่ชื่อนี้ ผมใช้ชื่อ ''คัชฑาธัช'' และบัตรประชาชนอันเก่าเนี่ย ทางราชการก็เก็บไปแล้วถูกไหมครับ มันไม่มีทางที่บัตรผมจะไปอยู่ที่อื่นแน่นอน''

แฟนคลับโทร.มาหาเราเยอะแค่ไหน
เต็งหนึ่ง :''เยอะมากครับ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ทุกคนเป็นห่วงจริงๆ ครับ พยายามติดต่อให้ได้ เพราะผมตอบไม่ไหวจริงๆ ครับ ขอบคุณน้องๆ ที่เป็นห่วง ทุกคนตกใจครับ ผมก็ตกใจครับ''

หลังจากนี้จะไปทำบุญไหม
เต็งหนึ่ง :''ก็คงทำบุญครับ ข่าวมันก็ตายโหงเลยนะครับ (หัวเราะ)''

จากนั้น ''อรอุมา สุนทรสีมะ'' ได้กล่าวเสริมว่า 
อรอุมา : ''ในฐานะต้นสังกัดเราก็ตกใจ ตอนที่ทราบเรื่องเราทราบหลังนักข่าวด้วยซ้ำ เราก็งงเพราะว่าเราเพิ่งเจอกับน้องตอน 4 โมงเย็น เพิ่งแยกกัน เต็งไปเล่นฟิตเนส แล้วก็กลับบ้านเราก็ยังงงว่า อ้าว...แล้วไปชนตรงไหน น้องที่ออฟฟิศโทร.มาบอก 5 ทุ่ม ก็ยังตกใจ โทร.ไปหาเต็ง เขาก็บอกเฮ้ยพี่ 30-40 สายแล้วเนี่ย ผมไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องนอน เช้ามาก็ถามน้องๆ ในออฟฟิศ เพราะส่วนหนึ่งข่าวที่ออกไปเยอะๆ น่าจะมาจากทวิตเตอร์ของ จส.100 เพราะว่ามีคนที่สงสัยมากและทวิตเตอร์ไปที่ จส.100 ถึง 20-30 ทวิตเตอร์ โปรดิวเซอร์ จส.100 เองซึ่งบังเอิญรู้จักกัน เขาบอกว่าเช็กข่าวอยู่''
 

''เต็งหนึ่งเองเขาก็มีทวิตเตอร์ เขาก็ทวิตกลับไปที่ จส.100 ว่า ''ผมไม่เป็นไร'' แต่กว่าคำว่า ''ผมไม่เป็นไร'' จะไปถึงจส.100 เนี่ย คำว่า จส.100 เช็กว่า กรณีที่มีข่าวว่าเต็งหนึ่งรถค่ำเนี่ย เขากำลังตรวจสอบอยู่ แค่คำนี้มันเยอะมากแล้วในทวิตเตอร์กว่าเราจะแก้ข่าวว่าน้องไม่เป็นไร ตี 1 ยังไม่เสร็จเลยเมื่อคืน เราก็งงๆ กันอยู่เมื่อวานนี้ อาจจะแบบว่ามันมีอุบติเหตุเกิดขึ้น แต่บังเอิญรถเหมือนเต็งหนึ่ง รถสีเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน ที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อวาน แต่ไม่ทราบว่าที่ไหนยังไง แต่มีคนแจ้งว่ามันมีชนจริงๆ หลายคัน หนึ่งในนั้นรถคล้ายเต็งหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันเป็นเกี่ยวกันไหม''

เต็งหนึ่งใช้รถอะไร
เต็งหนึ่ง :''โตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์ครับ แต่อย่าตกใจนะครับ ยังใช้ได้เหมือนเดิม มีหลายๆ คนถามผมนะครับว่า จริงๆ แล้วทำไมต้องออกมาพูด หรือแถลงข่าว ผมเองอยากจะบอกนะครับ ว่ามันเป็นข่าวที่ค่อนข้างร้ายแรงมาก มันไม่ได้เพียงแต่สร้างความเสียหายให้กับผมเท่านั้น แต่มันส่งผลถึงครอบครัว และหลายๆ คนที่ยังเป็นห่วงผมอยู่บ้าง น้องๆ แฟนคลับเอง หรือหลายๆ คนที่รู้จักผม ซึ่งผมเชื่อว่าข่าวลือมันไปเร็วมาก และคิดว่ามันไม่น่าจดจำ และคิดว่ามันร้ายแรงมากๆ ในชีวิต ฝากพี่ๆ บอกดีกว่า ในเมื่อเราเอง เราคงจะมาตอบคำถามกับทุกคนไม่ไหว''
อรอุมา : ''เฉพาะเมื่อคืนโทรศัพท์ที่มาถึงน้องเองก็ 50-70 สาย น้องไม่ได้นอนเลย คิดว่าตอนนี้ข่าวมันไปเร็ว จนไม่สามารถแก้ข่าวแบบตัวต่อตัว โทร.ไปบอกได้ทุกคน ตอนนี้มันทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก มันไปถึงเมืองนอก ไปถึงแฟนคลับจีน ไปถึงเพื่อนที่มาเลเซีย มันเยอะจนมานั่งแก้ข่าวกันสองคนคงแย่ อาจจะต้องรบกวนสื่อมวลชนทุกท่านช่วยด้วย ส่วนหนึ่งมันเป็นอุทธาหรณ์ของโซเชียล เน็ตเวิร์กด้วย นะคะว่าประโยชน์กับโทษมันใกล้กันมาก บางทีเราคงเป็นแล้วว่าในเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ที่เราได้บรอดแคสต่อๆ กันมา เรายังไม่รู้เลยว่า มันมีข่าวส่งมาว่าคนนั้นเลว คนนี้ทำไอ้นั่น บอกคนก็เพิกเฉยไป แต่บางคนก็คิดไปตามนั้นจริงๆ นี่ก็คือตัวอย่างหนึ่งที่มันคอขาดบาดตาย ถ้าคุณพ่อคุณแม่เขาโทร.หาลูกไม่ติดเมื่อคืน เพราะมีสายเข้าตลอดก็ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น เป็นลมเป็นแล้งเกิดช็อกขึ้นมา คนที่เล่นสนุกมันไม่รู้จะรับผิดชอบยังไงกับชีวิตคนอื่น''

ก่อนหน้านี้คนอื่นโดนข่าวลือว่าตาย พอมาถึงคราวตัวเองบ้าง เครียดเลย
เต็งหนึ่ง :''จริงๆ ผมทำรายการหมอชิตติดจอ เคยนั่งอ่านข่าวของเฉินหลงที่มีกระแสข่าวว่าเขาเสียชีวิต เราก็ยังแบบ ทำไมต้องเล่นแรงๆ กันขนาดนี้ ในความรู้สึกของเรามันคือเรื่องคอขาดบาดตาย มันไม่ได้ส่งผลแค่ตัวเรา แต่ยังส่งผลอีกหลายๆ คนมากๆ พอมาถึงตัวเองก็ไม่เคยคิดครับ เป็นสิ่งที่ผมว่าไม่น่าจะดีใจ เป็นคนที่โดนด้วย ไม่น่าจะไปอวดใครได้ ต้องบอกว่าตกใจมากครับ อยากจะบอกไปถึงคนที่เล่นอาจจะเป็นแค่ความรู้เท่าไม่ถึงการ อาจจะเป็นการเล่นภายในกลุ่มเล่นๆ กันทั่วไป แต่สมัยนี้การเล่นโซเชียล เน็ตเวิร์ก มันไปไวมากจริงๆ ที่จะควบคุมได้นะครับ ด้วยความที่พูดออกไปเรื่อยๆ เนี่ย ความรุนแรงมันจะบวกขึ้นเรื่อยๆ''

มีหมอดูหรือใครมาทักเรื่องดวงบ้างหรือเปล่า
เต็งหนึ่ง : ''มีคนแค่เคยทักว่าปีนี้ปีชง เพราะว่าผมเกิดปีกระต่ายเท่านั้นเองครับ ก็ทำบุญทั่วไป ไม่ได้คิดจะเจอเรื่องร้าย ตัวผมเป็นคนที่ถ้ามีโอกาสก็ทำบุญอยู่แล้ว คิดว่าเราคงห่างไกลจากเรื่องพวกนี้''

คิดว่าข่าวนี้มันเป็นการล้อเล่น เข้าใจผิดไหม
''ผมอยากให้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดมั้งครับ ไม่อยากให้มันเกิดอุบัติเหตุด้วยซ้ำไป ผมว่าเกิดอุบัติเหตุกับใครก็ตามมันก็ส่งผลเสียกับทุกคนอยู่แล้ว อยากให้มันเป็นแค่ข่าวลือจริงๆ และเป็นสิ่งที่พูดต่อๆ กัน ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริงครับ

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงคนที่ห่วงเราบ้าง
''ยังไงก็ต้องขอบคุณที่ทุกคนถามไถ่กันมา ขอบคุณที่ทุกคนถามว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะครับ ก็บอกว่ายังมีชีวิตอยู่ ยังหายใจนะครับ ยังไม่เป็นอะไร (หัวเราะ) เพราะตอนแรกตกใจมาก เพราะคนบอกเยอะมากว่าตัวเองเสีย พยายามถามพี่ใกล้ชิดว่า พี่ผมยังอยู่ ไม่ใช่ว่าเสียแล้วไม่รู้ตัวใช่ไหม ผมก็ยังยืนยันด้วยตัวเองว่าผมไม่ได้เป็นอะไรนะครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง ขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่ถามกันเข้ามาเยอะนะครับ ว่าอุบัติเหตุเป็นยังไงบ้าง ก็ไม่มีเกิดขึ้นจริงนะครับ แม้แต่นิดเดียว ขอบคุณพี่ๆ นักข่าวด้วยนะครับที่เสนอข่าวที่ถูกต้องให้ผม โดยที่มันจะไม่เป็นแค่ข่าวลือ ปากต่อปากอีกต่อไปครับ และก็ฝากถึงทุกๆ คน ยังไงก็ขับรถระวังๆ นะครับ ขอบคุณมากครับ''

 
สำหรับ ''เต็งหนึ่ง'' กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์ เกิดวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2530 อายุ 24 ปี เข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยการชนะการประกวด ดัชท์ชี่บอย ปี 2007 และได้เข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของนักร้องวง บี.โอ.วาย ทางค่าย จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ พร้อมกับแสดงละครช่อง 7 สี แต่ปัจจุบัน บี.โอ.วาย ได้ประกาศแยกวงอย่างเป็นทางการแล้ว เต็งหนึ่ง ได้หันมาเป็นนักแสดงช่อง 7 สีเต็มตัว ผลงานที่ผ่านมา อาทิ ตลาด...ไม่ขาดรัก, รักในม่านเมฆ, มือนาง, พ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์ ฯลฯ และปัจจุบัน รับหน้าที่เป็น 1 ในพิธีกรรายการ หมอชิตติดจอ และผลงานการแสดงเรื่อง เพลิงพรหม ที่ออกอากาศทางช่อง 7 สี ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. อยู่ในขณะนี้