เกล็น จอห์นสัน รับบทฮีโร่ซัดประตูชัยท้ายเกมช่วย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยกพลเก็บชัยเหนือ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เจ้าถิ่น สุดมันส์ 2-1เก็บสามแต้มสำคัญได้สำเร็จ มี 22 คะแนน แซงอาร์เซน่อลที่มีแต้มเท่ากันแต่ผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าไปอยู่อันดับที่ 6 ของตาราง ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2554

เชลซี 1    -    2 ลิเวอร์พูล

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

        บิ๊กแม็ตช์ซูเปอร์ซันเดย์ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าบ้าน สิงโตน้ำเงินคราม ให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ ราอูล เมยเรเลส เป็นแค่สำรองในการเจอทีมเก่า โดยกุนซือ อันเดร วิลลาช โบอาช จัด ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ปักหลักในแนวรุก

        ส่วน เคนนี่ ดัลกลิช นายใหญ่ หงส์แดง ดร็อป สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง พร้อมกับส่ง มักซี่ โรดริเกซ กับ เคร็ก เบลลามี่ ลงผนึกกำลังในแดนหน้ากับ หลุยส์ ซัวเรซ ขณะที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ยังสำรอง

        ออกสตาร์ทครึ่งแรก เกมเปิดแลกกันทันที และจังหวะเสียวครั้งแรกเป็นของเจ้าบ้านในนาทีที่ 10 เมื่อ ฟลอร็องต์ มาลูด้า กระชากถึงเส้นหลังด้านซ้ายแล้วโยนมาเสาสอง ฆวน มาต้า วอลเล่ย์ไปหน้าประตูติดบล็อกเด้งออกมา

        ลิเวอร์พูล มีโต้ตอบเหมือนกัน นาทีที่ 13 เบลลามี่ ควบขึ้นไปทางขวาแล้วกระแทกมาเสาแรกติด บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ทิ้งตัวสไลด์ได้ ถัดมาไม่กี่อึดใจ เกล็น จอห์นสัน ใช้ความเร็วเติมขึ้นทางขวาอีก แต่ตัดสินใจไม่ยอมเปิด เลยเสียโอกาสเมื่อถูกขวางไว้

        เกม หงส์แดง สู้กับ เชลซี ได้สนุก อย่างไรก็ตาม แดน แอ๊กเกอร์ กองหลังเดนส์ทำเสียฟรีคิกระยะอันตรายเมื่อฟาวล์ ดร็อกบา หน้าหัวกระโหลกระยะราว 26 หลา ดร็อกบา วิ่งเข้ามาปั่นอ้อมกำแพง ทว่าหลุดเสาไม่ถึงศอก

        ลิเวอร์พูล โจมตีด้วยความเร็ว และได้ลุ้นหลายหนทีเดียว แต่แนวรับของเจ้าบ้านยังดักตัดไว้ได้ อย่างไรก็ดี เข้าสู่นาทีที่ 34 ก็มีข้อผิดพลาดจนได้เมื่อ ปีเตอร์ เช็ก เตะเปิดเกมให้ จอห์น โอบี มิเกล โดน ชาร์ลี อดัม ตามบี้ ลูกทะลักให้ เบลลามี่ ลากจี้เข้ากรอบเขตโทษ ก่อนชิ่งกับ ซัวเรซ กลับมาที่ เบลเลอร์ส ที่ใจกว้างเป็นแม่น้ำเมื่อเบิ้ลออกไปซ้ายสุดให้ มักซี่ ยิงโล่งๆ ไม่เหลือซากส่ง หงส์แดง ทะยาน 1-0

        หลังเสียประตู เชลซี พยายามฮึด แต่หวิดโดนอีกเมื่อเจอ ลิเวอร์พูล โต้กลับเร็ว ซัวเรซ กระชากขึ้นทางขวา ก่อนตวัดบอลจะให้ไปเสาสอง ลูกแฉลบ ลุยซ์ เข้าข้างตาข่ายอย่างน่าหวาดเสียว

        ช่วงท้ายครึ่งแรกเชลซีได้โอกาสลุ้นตีเสมอเมื่อได้จังหวะแตะมุมเข้าใส่หงส์แดง ดาวิด ลุยซ์ เบียดขึ้นโหม่งได้แต่บอลออกด้านข้างไปและจบครึ่งแรกทันที หงส์แดง บุกมานำอยู่ 1-0

     ครึ่งหลังเชลซีเปลี่ยนดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ลงเล่นแทนโอบี มิเกลเน้นลุยแหลก และสร้างโอกาสได้ในนาทีที่ 49 เมื่อแฟรงค์ แลมพาร์ดแทงบอลขึ้นหน้าให้มาต้าจ่ายมาที่ดร็อกบาอีกที แต่กองหน้าผิวสียิงปั่นจาก 18 หลาโด่งออกไป

      กระนั้นก็ดี ถึงนาทีที่ 55 แฟนสิงห์บลูส์ก็ได้ไชโยลั่นจากจังหวะที่มาลูด้าพาบอลหนีอดัมหลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายได้ และแม้พ่อค้าแข้งฝรั่งเศสจะยิงแป๊ก แต่กลายเป็นดีบอลหลุดไปเสาไกลให้สเตอร์ริดจ์เข้าฮอสโล่งๆหกหลาพาเจ้าบ้านตีเสมอเป็น 1-1

      ล่วงมาอีกสองนาที ทีมเงินถังได้ลุ้นอีกจากลูกฟรีคิกทางกราบซ้ายหลังจากอดัมทำฟาวล์แอชลีย์ โคล ดร็อกบาจึงโยนเข้าเขตโทษโดยมีบรานิสลาฟ อิวาโนวิชโดดขวิดเต็มหน้าผากระยะหกหลา แต่เรน่าปัดข้ามคานได้เยี่ยม

      ถึงตรงนี้ เชลซีเป็นฝ่ายพับสนามบุกอย่างเต็มตัวแล้ว แต่นาทีที่ 62 รามิเรซโดนจดชื่อโทษฐานรวบมาร์ติน สเตอร์เทลล้มแถวกลางสนามในจังหวะที่ทีมเยือนลุยขึ้นมา

      ล่วงมาอีกสองนาที เคาท์เหนี่ยวมาลูด้าล้มไม่ให้ควบบอลหนี จึงได้ใบเหลืองตามมาอีกรายก่อนที่หงส์แดงจะส่งจอร์แดน เฮนดอร์สันลงบู๊แทนเบลลามี่เพื่อเน้นเกมในแดนกลางให้แน่นขึ้นในนาทีที่ 67 หลังจากสถานการณ์เริ่มตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด

      นาทีที่ 70 เจ้าถิ่นได้เสียวอีกจากลูกที่มาต้าชิพบอลเข้าเขตโทษให้มาลูด้าพักอกแล้วตีลังกายิงจากหกหลา แต่บอลหลุดกรอบออกไป

      นาทีที่ 77 หงส์แดงตัดสินใจเปลี่ยน มักซี่ โรดริเกซ ผู้ทำประตูให้ทีมเยือนขึ้นนำโดยส่ง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ลงมาแทน

      นาทีที่ 78 อิวาโนวิช แผงหลังของเชลซีถูกใบเหลืองจากจังหวะตั้งใจเข้าเสียบ ซัวเรซ อย่างรุนแรง

      ต่างฝ่ายต่างเปิดเกมแลกกันอย่างเต็มตัวจวบจนนาทีที่ 83 สิงห์บลูส์ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นถึงสองคน โดย เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงมาแทน ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา และ ราอูล เมยเรเลส ลงมาแทน รามิเรส

      นาทีที่ 85 หงส์แดงพลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายจากจังหวะแปโล่งๆ บริเวณกลางกรอบเขตโทษของ เดิร์ค เค้าท์ แต่บอลหลุดออกไปอย่างน่าเสียดาย

      และแล้วแฟนหงส์แดงได้เฮกันลั่นสังเวียนเมื่อนาทีที่87 ได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะโยนบอลยาวกลางสนามของ ชาร์ลี อดัม ให้ เกล็น จอห์นสัน ดึงบอลลงกระชากจี้แตะลอดขา แอชลี่ย์ โคล ก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายในเขตโทษบอลผ่าน เช็ก ที่ได้แต่ยืนมอง และ เทอร์รี่ที่พยายามสกัดสุดเหยียดเสียบมุมเสาไกลไม่เหลือ

      นาทีที่ 89 ลิเวอร์พูล ส่ง แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงมาแทน หลุยส์ ซัวเรซ เพื่อหวังให้ลงมาเก็บบอลแดนหน้า

      ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเชลซีได้โอกาสยิงไกลของ เมยเรเลส แต่บอลลอยโด่งออกไปไกลและเป็นจังหวะสุดท้ายจบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาเก็บชัยเหนือ เชลซี ถึงถิ่น 2-1 เก็บสามแต้มสำคัญได้สำเร็จ รวมมี 22 คะแนน แซงอาร์เซน่อลที่มีแต้มเท่ากันแต่ผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าไปอยู่อันดับที่ 6 ของตาราง

 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

     เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, รามิเรส (ราอูล เมยเรเลส น.84), จอห์น โอบี มิเกล ( ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.46), แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฆวน มาต้า, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (เฟร์นานโด ตอร์เรส น.84), ฟลอร็องต์ มาลูด้า

     สำรองไม่ได้ใช้ : รอส เทิร์นบูลล์, โอริโอล โรเมอู, โชเซ่ โบซิงวา, นิโกล่าส์ อเนลก้า

     ใบเหลือง : ลุยซ์, รามิเรส, อิวาโนวิช

     ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดน แอ๊กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, เดิร์ค เค้าท์, ลูคัส เลวา, ชาร์ลี อดัม, มักซี่ โรดริเกซ (สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง น.77), เคร็ก เบลลามี่ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.66), หลุยส์ ซัวเรซ ( แอนดี้ แคร์โรลล์ น.89)

     สำรองไม่ได้ใช้ : อเล็กซานเดอร์ โดนี่, เจย์ สเพียริ่ง, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน เคลลี่

     ใบเหลือง : ลูคัส, เค้าท์

      ผู้ตัดสิน : ลี โพรเบิร์ต