เหตุการณ์ที่สุดแห่งปี 2011 ของศึก ดิวิชั่น 1 ทีมงานไทยลีกอนไลน์ รวมรวบความสำคัญมาให้ดูกัน  จะมีเรื่องไหนติดชาร์ตมาบ้าง แฟนๆ ฟุตบอลดิวิชั่น 1 ติดตามกันได้จากสกู๊ปพิเศษตัวนี้ครับ

ใกล้จะสิ้นปีเต็มที มีหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทยในรอบปีที่ผ่านมา และในโอกาสนี้ทีมงานไทยลีกออนไลน์จึงขอนำเสนอสกู๊ปพิเศษส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยการสรุปผลงานและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับฟุตบอลในบ้านเราฤดูกาลที่ผ่านมาให้ได้รับทราบกัน แบ่งเป็น 5 วัน 5 เรื่อง และในวันนี้ถือเป็นวันที่ 5 แล้ว ขอนำเสนอเรื่อง ที่สุดแห่งปี 2011 ในศึกดิวิชั่น 1  ซึ่งทีมงานไทยลีกออนไลน์ขอคัดมาเน้นๆ ด้วยกัน ดังนี้

ฮฮตที่สุด : ซายาเน่ ซานโต๊ส กองหน้าตัวเก่งของ สงขลา เอฟซี ที่ยืมตัวมาจากเมืองทองฯ ต้องบอกว่าความร้อนแรงของนักเตะคนนี้ทั้งในและนอกสนามนั้นไม่ต่างกัน โดยในสนามซีซั่นนี้ตะบันประตูให้ต้นสังกัดไป 17 ประตูแล้ว ส่วนเรื่องความฮอตนอกสนามแล้วละก็ไม่ต้องพูดเยอะ บอกได้คำเดียวว่าเดินไปไหนมาไหนก็แทบจะเป็นดารา ซานโต๊สๆ ตามข้างทาง ฮอตจนถึงขนาดที่ จังหวัดต้องเปลี่ยนชื่อถนนเป็น ซานโต๊ส สตีท กันเลยทีเดียว

คนดูเยอะที่สุด :แมตช์ สงขลา เอฟซี เปิดบ้านติณสูลานนท์เจ๊ากับทางด้าน บุรีรัมย์ เอฟซี มีคนดูเยอะที่สุดในประเทศ 36,715 คน และถือเป็นสถิติใหม่ลบสถิติเดิมของทีมในไทยลีกที่ทำไว้อย่าง บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่ฉะกับ ชลบุรี เอฟซี ที่ราวๆ 20,000 กว่าคนไปแบบถล่มทลายอีกทั้งในเกมดังกล่าว สงขลา ยังรับทรัพย์ไปอื้อซ่า ด้วยจำนวนเงินรวมในเกมไป 2,000,000 บาทด้วยกัน ซึ่งต้องถือว่าเป็นการก้าวกระโดดไม่น้อยเพราะเกมแรกของ สงขลา เอฟซี ที่เปิดบ้านรับ กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี นั้นมีคนดูเพียง 4581 คนเท่านั้น และซีซั่นนี้นั้นมียอดคนเข้าไปชมในสนาม ติณสูลานนท์ ทั้งสิ้น 199,138 คนด้วยกันตามรายงานของ ทีพีแอล

ประสบความสำเร็จสูงสุด : เชื่อว่าแฟนบอลทุกทีมก็หวังว่าอยากจะให้ทีมที่ตนเองรักนั้น อยู่ในข้อนี้ด้วย หลายคนอาจจะมองว่าทีมนั้นน่าจะเป็น "นักรบลาวาเพลิง" บุรีรัมย์ เอฟซี แต่ทว่าด้วยเม็ดเงินที่ลงทุนในซีซั่นนี้ไปมากมาย ก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ ถ้าจะเทียบกับ "เสือสามย่าน" บีบีซียู เอฟซี หรือ จุฬา ยูไนเต็ด เก่านั้นเอง ต้องบอกว่าพี่เสือชมพูปีนี้ทำได้เกินความคาดหมายของแฟนบอล เพราะด้วยการลงทุนที่น้อยที่สุดใน 6 อันดับแรกของตาราง แต่ก็เป็นทีมที่สามารถก้าวขึ้นมาสู้แย่งแชมป์กับ "นักรบลาวาเพลิง" บุรีรัมย์ เอฟซี ได้แบบสนุก อีกทั้งเลกแรกก็เกือบเป็นแชมป์เลกถ้าไม่ไปแพ้ บุรีรัมย์ แบบราบคาบ 3-0 ทำให้จบเลกแรกเป็นรองลูกได้เสียกับ บุรีรัมย์ ต้องยอมรับว่าการได้กุนซือ สมองเพชรอย่าง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชจอมตีลังกามาคุมบังเหียนนั้นเป็นโชคดีของทีม บีบีซียู เอฟซี บวกกับการบริหารภายในนำโดยตระกูล โพธารามิก ทำให้พี่เสือน่าจะครองทีมที่ประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้มากที่สุด ซึ่งรางวัลยืนยันนั้นคือการกลับไปโลดแล่นใน เวทีไทยพรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้า

คว้าน้ำเหลวที่สุด : ต้องยอมรับว่า ตำแหน่งนี้ไม่มีใครอยากได้แน่นอน เพราะนั้นหมายถึงเม็ดเงินที่ลงทุนไปนั้นแทบจะสูญเปล่า และ "กระต่ายป่า" แคชทูเดย์ จันทบุรี เอฟซี ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเงินไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ ด้วยการลงทุนช่วงต้นเลกไปกว่า 25 ล้านบาท ทั้งการดึงทางด้าน "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม อดีตกุนซือ ปลาทู เข้ามาดูแลเป็นประธานเทคนิคทีม ทำงานร่วมกับ "โค้ชทู" ครองพล ดาวเรือง บวกกับขุมกำลังนักเตะที่โยกมาจาก เอสซีจี สมุทรสงคราม เอฟซี แทบครึ่งทีม จนตอนแรกสื่อหลายสำนักมั่นใจว่า กระต่ายป่า น่าจะเป็นอีกทีมที่ได้เบียดแย่งแชมป์กันอย่างมันส์หยด แต่หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่นัดความระส่ำภายในและปัญหาฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาทำให้ ยังไม่ทันจบเลกแรก ทีมก็หมดลุ้นไล่แชมป์ไป และสุดท้ายทีมก็เกือบที่จะแตกหลังหมดเลกแรก ถึงขนาดต้องประกาศลดเงินเดือนนักเตะทั้งทีม ส่วนใครที่ไม่สามารถอยู่ต่อได้ก็ต้องเก็บข้าวของย้ายไปสู่ทีมอื่นกันมากมาย และช่วงท้ายฤดูกาลทีมก็ต้องมาดิ้นรนหนีตายอีก ต้องบอกว่าปีนี้จันทร์คงบอกเรียกว่า ชีช้ำกระหล่ำปี อย่างหนักเลยทีเดียว

ย้ายตัวแพงที่สุด : ตำแหน่งนี้ก็ต้องเป็นการเสริมทีมที่ต้องบอกว่าเยอะที่สุดในดิวิชั่น 1 ซีซั่นนี้ ซึ่งก็คงเป็นใครไปไม่ได้ คงต้องยกให้เจ้าบุญทุ่มตัวพ่ออย่าง "นักรบลาวาเพลิง" บุรีรัมย์ เอฟซี ที่ไปดึงเอา 5 เพชรเม็ดงามมาอย่าง เอกชัย สำเร , อาลีฟ เปาะจิ , สมปอง สอแหลบ , จิรวัฒน์ มัครมย์ และ "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ กุนซือใหญ่มาจาก "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี ซึ่งต้องถือว่าเป็นการย้ายตัวที่ครึกโครมที่สุดในประเทศตอนนั้นและมีการคาดการว่ารายได้ที่เจ้าท่าได้รับในครั้งนี้จาก ลาวาเพลิง นั้นร่วมๆ 10 ล้านบาทเลยทีเดียว

ช็อควงการ : ส่วนเหตุการณ์ที่ช็อค วงการดิวิชั่น 1ในซีซั่นนี้คงไม่มีใครเชื่อว่า "เสือเตี้ย" สะสม พบประเสิรฐ กุนซือใหญ่ของ บุรีรัมย์ เอฟซี ตอนนั้นจะโดนต้นสังกัดโยกไปค้ำตำแหน่งยอดฮิต อย่าง "ประธานฝ่ายเทคนิค" ซึ่งจากแหล่งข่าวก็มีข่าวลือตามออกมาไม่ซ้ำวัน ว่าทั้งเสือเตี้ย และ เนวิน นั้นไม่ลงรอยกัน หรือว่า เสือเตี้ย ทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะต้องไปกลับ บุรีรัมย์ - กรุงเทพ ทำให้ไปทำงานเพียงสัปดาห์และ 3 วันเท่านั้น ส่วนกระแสสุดท้ายนั้นมีว่า แฟนบอล บุรีรัมย์ ส่วนใหญ่ ไม่ปลื้มเสือเตี้ยเท่าไหร่และมีการกดดันสโมสรให้มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนจะเป็นเหตุผลใดหรือใครมีข้อมูลที่นอกเหนือจากนี้ก็ต้องแล้วแต่ วิจารณญาณ ของแต่ละท่านแล้วกัน

ใช้โค้ชเปลืองสุด :ซีซั่นนี้ก็ต้องบอกว่า ดิวิชั่น 1 นั้น 80% ต้องมีการเปลี่ยนแปลงโค้ช ซึ่งทีมที่ใช้โค้ชเยอะ ที่สุดในซีซั่นนี้ก็คงยกให้ "ช้างศึกยุทธหัตถี" สุพรรณบุรี เอฟซี ซึ่งซีซั่นนี้ใช้โค้ชไปทั้งหมด 4 รายด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มต้นซีซั่น ใช้โค้ชบราซิลอย่าง "วิลสัน ซัวเรซ โทลิโด้" ซึ่งได้ทำทีมไปประมาณ 8-9 นัดแต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จและโดนเด้ง ก่อนที่ทีมจะดึง "โค้ชหมี" สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ มาทำและทีมก็กำลังทำผลงานได้สวยงาม แต่ว่าทีมก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งด้วยการไปดึง เรเน่ เดอร์ซาเยียร์ อดีตเฮดโค้ชของ เมืองทองฯและเชียงใหม่ เอฟซี มาคุมบังเหียน แต่ว่าผลงานก็แทบไม่กระดิกจนกระทั่งสุดท้าย บิ๊กท็อป ประธานสโมสร ต้องตัดใจเด้ง เรเน่ ไปเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์และดึง "โค้ชเนี้ยว" ส่งเสริม มาเพิ่ม มาเป็นกุนซือแทนแม้จะเปิดตัวได้ดีในเกมแรกที่ชนะ ไทยฮอนด้า ไป 2-1 แต่หลังจากนั้นฟอร์มก็ไม่คงเส้นคงวาเท่าไหร่ ก็คงต้องตามดูว่าสุดท้ายทีมช้างศึก จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่