''เชียร์-ฑิฆัมพร'' รับหมดสัญญาวิกหมอชิตตั้งแต่เดือน ก.พ. แล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นต่อ ปัดช่องอื่นทาบทาม เผยอาจจะพักงานชั่วคราวแล้วแพลนไปเรียนต่อต่างประเทศ

เป็นอีกหนึ่งสาวมากความสามารถ สำหรับนางเอกสาว ''เชียร์'' ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ที่กำลังถูกจับตามองว่า หลังหมดสัญญากับช่อง 7 สีแล้ว ''สาวเชียร์'' จะไปซบอกกับที่ไหนกันแน่นั้น ล่าสุดเมื่อผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอ ''เชียร์-ฑิฆัมพร'' ที่มาร่วมงานกิจกรรมแห่งปี ''เปิดฟ้า เปิดสู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่ากับโคคา-โคล่า'' ณ ลานหน้าอาคาร ดิ ออฟฟิศ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันก่อน จึงได้สอบถามถึงเรื่องประเด็นข่าวดังกล่าว ซึ่ง ''สาวเชียร์'' ก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนทันทีว่า
 

มีข่าวมาว่าจะไปเรียนต่อ ?
เชียร์ : ตอนนี้กำลังดูอยู่ค่ะ เพราะว่าหลังจบจากละครเรื่องปรางเสน่หา ก็ยังไม่ได้มีละครเรื่องใหม่ค่ะ เชียร์เลยคิดว่าถ้ามันมีเวลาว่างจริงๆ เนี่ย ก็คงจะดูเรื่องเรียนแล้วอะค่ะ
 

หาข้อมูลที่จะไปเรียนต่อแล้วหรือยัง ?
เชียร์ : คือจริงๆ เชียร์หาข้อมูลไว้นานแล้วค่ะ แต่จะดูว่าถ้าเราไปถึงขนาดเป็นปี หรือว่านานไป ยังไงก็แล้วแต่ กำลังศึกษาอยู่ค่ะว่าจะเป็นแบบไหนดี มันไม่มีละครต่อ เราก็เลยคิดว่า ถ้ามันมีเวลาว่างก็ไม่อยากให้มันเสียไปเปล่าๆ มันมีอยู่ช่วงปีที่แล้วอะค่ะ ที่กลัวว่าจะมีละครเลยพักเรื่องเรียนไว้ก่อน แต่ถ้ารู้งี้เราก็คงไปเรียนต่อแล้วอ่ะ
 

อยากจะไปเรียนเกี่ยวกับอะไร ?
เชียร์ : น่าจะเป็นเกี่ยวกับบริหารค่ะ เป็นเกี่ยวกับด้านสังคมสงเคราะห์อะไรก็แล้วแต่ค่ะ คือบริหารที่คิดไว้เราอยากเรียนเกี่ยวกับด้านธุรกิจ ส่วนสังคมสงเคราะห์เราอยากจะให้สังคมสงเคราะห์บ้านเราดีขึ้นกว่าเดิม
 

ไม่สนเรียนต่อด้านการแสดงบ้างหรือ ?
เชียร์ :โห ถ้าเป็นด้านนิเทศฯ คงไม่ค่ะ เพราะว่าก็เหมือนที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เราทำเบื้องหน้ามาอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเบื้องหลังเดี๋ยวลองคิดดูอีกทีค่ะ
 

แพลนหรือยังว่าจะไปต่อที่ไหน ?
เชียร์ :เอ่อ ยังไม่ทราบเลยค่ะ แต่ที่แพลนไว้คร่าวๆ เนี่ย คือที่อเมริกากับอังกฤษนี่แหละ แต่แนวโน้วน่าจะเป็นอังกฤษเพราะว่ามันสะดวกกว่า
 

ไปเรียนต่ออย่างนี้ไม่กลัวว่าเราจะหายไปจากหน้าจอบ้างหรือ ?
เชียร์ : จริงๆ ไม่ไปเรียนก็หายได้ค่ะ (หัวเราะ) ก็อย่างที่บอกว่า ในเมื่อถ้าเวลาที่มีมันหายไปโดยเปล่าประโยชน์ ก็ไปเรียนดีกว่า
 

อยากจะปลีกตัวออกจากวงการบันเทิงหรือเปล่า ?
เชียร์ :มันก็ไม่เชิงขนาดนั้นค่ะ เราแค่รู้สึกว่าถ้าเวลามันว่างไปเลย เราก็ยังอยู่ รอๆไป รอๆ มาอะไรแบบเนี้ย เวลามันหายไปเลย โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย เราก็รู้สึกว่าน่าจะแพลน เหมือนเป็นแผนสำรองค่ะ ไม่ได้หมายความว่าเราจะเรียน ไปแน่แล้วนะอะไรแบบนี้ แค่วางแผนค่ะ
 

ที่ไปเรียนนี้คือน้อยใจทางช่องหรือเปล่าที่ให้งานน้อย ?
เชียร์ :มันก็ไม่ได้น้อยใจอะไรค่ะ แต่ก็อย่างที่เชียร์พูดไปตรงๆ เลยว่า ไม่ได้มีความแน่นอน เรื่องละคร เหมือนกับว่าเราทำอะไรที่เป็นความสุขของเราได้โดยที่ไม่ทำให้เดือดร้อนใคร ถ้ามีละครมาก็มาคุยกันอีกทีค่ะ ไม่ใช่ว่าจะใช้ความน้อยใจหรือใช้อะไรมาตัดสินใจที่จะไปเรียนหรือไม่ไปเรียนอะไรแบบนั้นค่ะ
 

เหลือสัญญากับทางช่องอีกกี่ปี ?
เชียร์ :สัญญาหมดแล้วค่ะ อยู่ที่ว่าเชียร์จะต่ออีกกี่ปีแค่นั้นเอง
 

แล้วจะต่ออีกกี่ปี ?
เชียร์ : กำลังจะมีการตกลงคุยกัน ยังไม่ได้คุยกันเป็นที่เรียบร้อย เป็นลายลักษณ์ที่ชัดเจนค่ะ แต่ว่าแค่อย่างที่บอกว่า ณ วันนี้ยังหมดสัญญาอยู่
 

สัญญาหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
เชียร์ :จริงๆ แล้วมันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เชียร์บอกว่า ยังจำไม่ได้เนี่ย เชียร์ไม่แน่ใจวันค่ะ แต่ที่เชียร์พูดในช่วงนี้เนี่ย ในช่วงน่าจะเป็นเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นช่วงวันที่เท่าไหร่
 

มีช่องอื่นมาจีบบ้างหรือยัง ?
เชียร์ :ไม่มีค่ะ ตอนนี้ไม่ได้มีช่องไหนหรืออะไรมาจีบ จริงๆ แล้วตัวเราเองไม่ได่มีความคิดว่าอยากจะไปที่ไหน หรืออะไรแบบนี้ค่ะ ณ ตอนนี้นะแค่อยากทำอะไรที่จะเป็นความมั่นคงกับตัวเราเองค่ะ
 

ทางช่องมีการเรียกคุยเพื่อที่จะต่อสัญญาหรือยัง ?
เชียร์ :มีการเรียกคุยค่ะ แต่ยังไม่ได้ตกลงแค่นั้นเอง ว่าเราจะต่อกี่ปีอะไรยังไง
 

ใจคิดไว้ว่ายังไง ?
เชียร์ :จริงๆ ไม่ได้คิดว่ายังไง เพราะว่าเราไม่ได้อยากจะไปไหนอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าช่อง 7 เป็นสถานที่แรกในการทำงานที่เป็นหลักเป็นแหล่งของเรา และก็ให้อะไรเรามากมายค่ะ ถ้าใจจริงๆ ไม่ได้อยากไปไหนอยู่แล้ว
 

ทำไมยังไม่ยอมตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญาต่อ ?
เชียร์ :คือที่ไม่ตัดสินใจจะเซ็นต่อเพราะว่า ต้องมีการคุยกันที่ชัดเจนและก็มีลายละเอียดที่เยอะมากค่ะ ไม่ใช่พอหมดปุ๊บเราต่อปั๊บอะไรอย่างนี้ค่ะ คือ ณ ตอนนี้เราก็โตขึ้นแล้ว ความคิดหรือว่าอะไรก็หลากหลาย อย่างการทำธุรกิจหรือว่าการที่

จะทำงานตรงนี้มันต้องมีการคุยขึ้นเยอะ แล้วตัวเชียร์เองรู้สึกว่าเราอยากทำอะไรที่มันมั่นคง อยากทำอะไรที่มันแบบ เอ่อ ถ้าเป็นพิธีกรต้องมีความมั่นคง คืออย่างธุรกิจเราต้องมีเวลาให้ ที่เชียร์จะคุยคือเราจะต่อยังไง ละครมีเท่าไหร่ อะไรอย่างเนี้ยก็ต้องละเอียดและชัดเจนกว่าเดิม
 

เรียกว่ามีเงื่อนไขกว่าทุกๆ ฉบับที่เคยเขียนมา ?
เชียร์ : มันต้องมีค่ะ เพราะว่าอย่างที่บอกมา เราเหมือนอาศัยว่า แล้วแต่ผู้ใหญ่ เราเป็นแค่เด็กคนหนึ่งหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเนี่ย มันมีทั้งแบบไม่แน่นอนในงานค่ะ แล้วก็คือตอนนี้เราเรียนจบแล้ว ทางนั้นคงต้องชัดเจนกับเรามากขึ้นค่ะ รองานอย่างเดียว หรือว่ารอละครอย่างเดียว มันคงไม่เหมาะสมกับความเป็นไปของชีวิตแล้วแหละ
 

เหมือนจะเป็นฝ่ายเลือกงานมากขึ้น ?
เชียร์ :ก็ไม่ได้เลือกค่ะ แต่ว่ามีความชัดเจนว่าเราอยากจะมีงานอะไรยังไง เราจะได้จัดสรรตัวเอง ไม่อย่างนั้นคือ วันๆ หนึ่ง หรือปีๆ หนึ่ง ให้มารอแต่งาน หรือละครเข้ามาอะไรแบบนี้ เราก็แพลนตัวเองไม่ถูกอ่ะค่ะ ว่าช่วงนี้จะว่างไหม จะทำอะไรกับตัวเราได้หรือเปล่า จะมีธุรกิจได้ไหมในช่วงนี้ หรืออะไรแบบนี้อ่ะค่ะ
 

ที่บอกว่าอยากทำธุรกิจ อยากทำอะไร ?
เชียร์ :มันมีคิดอยู่หลายอย่างค่ะ คือมันมีเริ่มๆ แล้วบ้างสำหรับการมีไปออกบูท มีอะไรเกี่ยวกับการขายทั้งหมด ก็อันนั้นมันเป็นธุรกิจที่เราเคยคิดจะทำตั้งแต่เด็ก เอาสิ่งที่ชอบก่อนแล้วกัน ก็คือต้องคุยกับทางนี้ก่อนค่ะ
 

หลังจากนี้จะมีทำอะไรต่อไหม ?
เชียร์ :หลังจากนี้มีค่ะ คือจะหาเวลาให้กับตัวเองแล้วค่ะ มันก็ต้องทำอะไรที่เหมือนกับเป็นงานของตัวเองแล้วค่ะ อย่างที่บอกว่าอายุก็ประมาณสองกลางๆ แล้ว มันก็ต้องทำอะไรที่เหมือนเป็นงานของวตัวเองแล้ว แก่แล้วค่ะ