อิวาน โยวาโนวิช กุนซืออาโปเอล นิโคเซีย รับไม่เชื่อเลยว่าจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการลูกหนังไซปรัส หลังจากทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ด้วยการเฉือนชนะจุดโทษ "โอแอล" โอลิมปิก ลียง ยักษ์ใหญ่แดนน้ำหอม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

 อิวาน โยวาโนวิช เทรนเนอร์อาโปเอล นิโคเซีย สโมสรม้ามืดจากไซปรัส ออกมายอมรับว่ารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่สามารถนำทีมผ่านเข้าสู่รอบ ก่อนรองชนะเลิศของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบพลิกความคาดหมายด้วยการดวลจุดโทษชนะ โอลิมปิก ลียง ยักษ์ใหญ่ลีก เอิง ฝรั่งเศส  4-3 หลังจากสกอร์รวม 2 นัดเสมอกัน 1-1 ในการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัด 2 ที่สนามจีเอส พี สเตเดี้ยม เมื่อวันพุธที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา
 
กุนซือชาวเซอร์เบีย กล่าวหลังจากสร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกของไซปรัส ที่เข้าสู่รอบนี้ได้สำเร็จนี้ "สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคืนนี้คือประวัติศาสตร์ของอาโปเอล  มันเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ของอาโปเอล, แฟนบอล และวงการฟุตบอลไซปรัส เราไม่เคยเชื่อมาก่อนเลยว่าจะมาถึงจุดที่เรายืนอยู่ในตอนนี้ได้ แต่เมื่อคุณมีนักเตะที่มีความมั่นใจล้นเหลือ มันก็มีทางที่จะเป็นไปได้"
 
"เมื่อ คุณมีสนามที่เต็มไปด้วยแฟนบอลอย่างสนามของเรา มันก็มีความเป็นไปได้ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับทุกคน ชัยชนะครั้งนี้เป็นของนักเตะและแฟนบอลทุกคน เราทุ่มเทอย่างหนักก็เพื่อสิ่งนี้ ไม่มีอะไรจะทำให้คุณมีความสุขได้มากไปกว่าการได้เห็นผู้คนมีความสุขจากความ สำเร็จของคุณ ผมรู้สึกยินดีที่ได้ช่วยให้แฟนบอลของอาโปเอล ได้สนุกสนานกับช่วงเวลาพิเศษนี้"
 
 "ผมพูดก่อนเกมรอบนี้แล้ว ว่าเราต้องเล่นอย่างสมบูรณ์แบบถ้าหากว่าอยากจะผ่านเข้ารอบต่อไป ระหว่างที่เกมดำเนินไปนั้น เราแสดงให้เห็นว่าสามารถต้านทางแรงกดดันของพวกเขาได้ และมันช่วยให้ความหวังของเรายังไม่หมดสิ้น" 
 
"แต่เราต้อง วิ่งให้เยอะขึ้นและพร้อมสำหรับการลงเล่นในทุกเกม การนำ 1-0 เป็นเรื่องที่เสี่ยง แต่เราก็พยายามยิงประตูเพิ่มตลอด 120 นาทีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญคือเรามีสมาธิ และความมุ่งมั่น ผมบอกได้เลยว่าพวกนักเตะตัดสินกันเองว่าใครจะเป็นคนยิงจุดโทษบ้าง" กุนซือวัย 49 ปี กล่าวทิ้งท้าย
 
ทางด้าน เรมี่ การ์ด เทรนเนอร์ลียง กล่าวหลังจากต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดายว่า "มันเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ในคืนนี้ อาโปเอล ไม่ใช่ทีมใหญ่ แต่อย่างที่เราเห็น พวกเขาสมควรที่จะเข้ามาสู่รอบ 16 ทีม รวมถึงรอบต่อไปด้วย คุณนึกภาพได้เลยว่าคงไม่มีใครพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามการซึมเศร้าไม่ได้ช่วยให้เราเดินไปข้างหน้าได้ ผมไม่ได้เสียใจกับการเปลี่ยนตัวสำรองของผม แต่มันเป็นเรื่องปกติที่ความพ่ายแพ้จะเป็นการเปิดทางสู่การถูกวิพากษ์ วิจารณ์"
 
"เราไม่มีเวลาสำหรับการมานั่งหดหู่กับความพ่ายแพ้ ครั้งนี้ เรายังเหลือเกมในลีก, นัดชิงถ้วยเฟร้นช์ ลีก คัพ (กับ โอลิมปิก มาร์กเซย) และอยู่ในรอบก่อนรองชนะเลิศเฟร้นช์ คัพ มันน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการกระตุ้นนักเตะมืออาชีพตัวจริง"