ทีมชาติไทยจัดการล้มแชมป์ 11 สมัยอย่างอิหร่านในรอบรองชนะเลิศเอเอฟซี ฟุตซอลเเชมเปี้ยนชิพ ยูเออี 2012 ด้วยสกอร์ 5:4 ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ซัดแฮตทริก ทะลุเข้าชิงแชมป์กับผู้ชนะระหว่างญี่ปุ่นกับออสเตรเลีย วันที่ 1 มิ.ย. 2555 เวลา 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

     ทีมชาติไทย อันดับ 10 ของโลก ลงสนามในรอบ 4 ทีมสุดท้ายของเอเอฟซี ฟุตซอล เเชมเปี้ยนชิพ ยูเออี 2012 หรือฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 12 พบกับ อิหร่าน อันดับ 6 ของโลก เจ้าของแชมป์ 11 สมัย วันที่ 30 พ.ค. 2555 เวลา 18.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ที่สนามอัล วาสเซิ่ล ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ สถิติที่ผ่านมานั้นอิหร่านชนะไปได้ 12 ครั้ง เสมอ 3 ครั้ง และไทยชนะ 2 ครั้ง

     ผลงานรอบที่ผ่านมาไทยชนะเลบานอน 5:3 อิหร่านชนะอุซเบกิสถาน 6:3 ผู้เล่นชุดแรกของทั้ง 2 ทีม วิคเตอร์ เฮอร์มันส์ กุนซือไทยใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนั้นที่แล้ว ได้แก่ สุรพงค์ ทมพา (GK-C), ก้องหล้า เหล็กกล้า, กฤษดา วงษ์แก้ว, ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง และ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ทางฝั่งของ อิหร่าน ที่มี อาลี อรานี่ เป็นกุนซือใช้ผู้เล่นชุดเดิมเช่นกัน ประกอบไปด้วย มอสตาฟา นาซารี่ (GK), โมฮัมหมัด เคชาวาร์ซ, อาลี ฮัสซันซาเดห์, วาฮิด ชามซาอี และ โมฮัมหมัด ทาเฮรี่

     น.4 ประตูแรกก็เกิดขึ้น โมฮัมหมัด เคชาวาร์ซ ส่งบอลไปให้ วาฮิด ชามซาอี ดาวยิงเบอร์ 1 ของเอเชียล้มตัวกวาดบอลทางริมเขตโทษฝั่งขวาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ถัดมา น.6 อิหร่านหนีไปเป็น 2-0 ฮอสเซียน ทาเยบี้ กลับตัวยิงด้วยซ้ายในเขตโทษส่งบอลเสียบเสาหมดสิทธิ์ที่ สุรพงค์ ทมพา จะป้องกันได้

     ไทยค่อยๆบุกแลกและสู้ได้ดีขึ้น น.ไทยไล่มา 1:2 น.10 กฤษดา วงษ์แก้ว จ่ายบอลจากลูกเตะมุมยัดมาให้ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง แปบอลไปติด มอสตาฟา นาซารี่ แต่ปัดไม่ออก บอลเข้าประตูให้ไทยตีไข่แตก จากนั้นไทยทำได้ดีขึ้นตามลำดับทำให้ อาลี อรานี่ กุนซือแชมป์เก่าต้องเรียกเวลานอก

     ท้ายครึ่งแรกไทยมีโอกาสได้ประตูเพิ่มจาก สราวุธ ใจเพชร และ ก้องหล้า เหล็กกล้า อิหร่านเองก็ยิงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา จบครึ่งแรกอิหร่านนำอยู่ 2:1

     ช่วง 5 นาทีแรกของครึ่งหลังไทยพยายามทวงประตูตีเสมอมีจังหวะได้ลุ้นจาก กฤษดา วงษ์แก้ว และ เจษฎา ชูเดช แต่ยังไม่แม่นพอ รวมทั้งลูกยิงด้วยขวาเน้นๆของ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง บอลกำลังเสียบเสาอยู่แล้วทว่า มอสตาฟา นาซารี่ เซฟไว้ได้เหลือเชื่อ ส่วนอิหร่านขึ้นเกมมาเป็นระลอก สุรพงค์ ทมพา ต้องออกแรงเซฟไม่ขาดสาย

     น.28 ไทยรอดตัวหวุดหวิด จาวิด มาห์ดี้ เข้าแปจากระยะ 3 เมตร สุรพงค์ ทมพา หลุดตำแหน่งไปแล้ว แต่ยังตามมาเซฟด้วยขาแบบเหลือเชื่อ น.30 ไทยมาโดนอีกเมื่ออิหร่านตัดบอลได้ในแดนตัวเองสวนขึ้นมาน่ากลัว อาลี ฮัสซันซาเดห์ ผ่านบอลให้ จาวาด เอสการิโมกัดดัม จัดการแปเสียบเสาให้อิหร่านขยับไปเป็น 3:1

     ไทยยิง 2 ประตูรวดตีเสมอจนได้ น.30 ไทยมาได้จุดโทษหลังจากผู้เล่นอิหร่านทำแฮนด์บอล ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง สังหารไม่พลาดเป็นประตูที่ 2 ในเกมนี้ และเป็นประตูที่ 6 ของรายการให้ไทยตีตื้นมา 2:3 ก่อนที่ น.32 ไทยไล่เจ๊า 3:3 จากการขึ้นเกมทางขวาสุดท้ายเป็น จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ที่รออยู่เสาไกลสไลด์บอลเข้าประตูท่ามกลางเสียงเฮลั่นของชาวไทยในดูไบที่ตาม มาเชียร์ในอัล วาสเซิ่ล ก่อนจะจบเกมด้วยสกอร์นี้ในเวลา 40 นาทีปกติ ต้องต่อเวลาพิเศษครึ่งละ 5 นาที

     น.43 ไทยพลิกแซงอิหร่าน 4-3 เจษฎา ชูเดช ดีดสั้นๆให้ อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ สับไกเต็มแรง มอสตาฟา นาซารี่ ปัดได้แต่บอลปลิ้นเข้าสามเหลี่ยมให้ไทยนำครั้งแรกของเกม จากนั้นแข้งฟุตซอล "ช้างศึก" ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ และได้เปรียบที่อิหร่านฟาวล์รวม 5 ครั้งจึงไม่กล้าเข้าบอลทำให้ไทยกล้าเล่นมากขึ้นไปอีก

     ทว่าแนวรับไทยต้านไม่อยู่ น.49 วาฮิด ชามซาอี ดีดส้นเข้าประตู อิหร่านตีคืน 4:4 จากนั้นไม่นานไทยมาเรียกฟาวล์ครั้งที่ 6 หลังจาก จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ถูกเสียบจากด้านหลัง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดันยิงไปติดเซฟ มอสตาฟา นาซารี่ ปัดออกหลังไปได้ และจากเตะมุมลูกนี้เอง กฤษดา วงษ์แก้ว จ่ายยัดมาให้ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง แก้ตัวได้สำเร็จจัดการยิงส่งบอลให้ไทยนำ 5:4 ในขณะที่เหลือ 33 วินาที

     สุดท้ายไทยชนะไปด้วยสกอร์ 5:4 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศผู้ชนะระหว่างญี่ปุ่นกับออสเตรเลีย ในวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 22.30 น.

      ยืดสถิติชนะ23นัดติดต่อกัน

     ชัยชนะของไทยที่มีต่ออิหร่านทำให้ไทยผ่านเข้าสู่รอบชิงแชมป์ เอเชียได้เป็นสมัยที่ 2 ส่วนอิหร่านตกรอบรองชนะเลิศเป็นครั้งที่ 2 ทำให้ไทยยังคงเดินหน้าเพิ่มสถิติชนะรวด 23 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว

      อันดับดาวซัลโว
     7 : ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง (ไทย) และ อาลี ฮัสซันซาเดห์ (อิหร่าน)
     6 : วาฮิด ชามซาอี (อิหร่าน) และ ฮอสเซียน ทาเยบี้ (อิหร่าน)
     5 : อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ (ไทย), โมฮัมหมัด ทาเฮรี่ (อิหร่าน) และ ราฟาเอล เฮนมี่ (ญี่ปุ่น)