งานไม่หินถ้าชวดโทรฟี่โคตรน่าผิดหวัง

            หลังจาก "บีจี" บางกอกกล๊าส เอฟซี ถือกำเนิดขึ้นมาในสารบบทีมลูกหนังไทย โดยเป็นทีมที่กลายสภาพมาจาก ธ.กรุงไทย ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขายังไม่เคยได้แชมป์รายการหลักของเมืองไทยอย่างไทยลีก, ไทยคม เอฟเอ คัพ, โตโยต้า ลีก คัพเลยแม้แต่โทรฟี่เดียว ที่เคยได้มาก็แชมป์ควีนส์คัพ ภายใต้ชื่อธ.กรุงไทย-บีจี, ซูเปอร์คัพ และรายการกุศลต่างๆ  


            ไทยลีกหนที่ 13 เมื่อปี 52 หนแรกที่มี "บีจี" ในไทยลีกได้อันดับ 3 ปีนี้แชมป์, รองแชมป์ เป็นเอสซีจี เมืองทอง กับ ชลบุรี เอฟซี 


            ไทยลีกหนที่ 14 ปี 53 จบอันดับ 5 จาก 16 ทีม แชมป์, รอง, อันดับ 3-4 เป็นของ อสซีจี เมืองทอง, ชลบุรี, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และการท่าเรือไทย 


            ไทยลีกหนที่ 15 ปี 54 ฤดูกาลที่แล้ว จบอันดับ 5 จาก 18 ทีม อันดับ 1-4 เป็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ชลบุรี, เอสซีจี เมืองทอง และพัทยา ยูไนเต็ด 


            3 ปีที่ บ.บางกอกกล๊าส บริษัทลูกของ บ.บุญรอดฯ ทำทีมขึ้นมา ไร้ถ้วยแชมป์รายการใหญ่ติดมือ


            ฤดูกาล 2012 ในปี พ.ศ. 2555 นี้ แม้ในไทยลีกจะฟอร์มลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนเดิม โดยเฉพาะเกมนัดเยือนที่เป็นปัญหาก็ยังแก้ไม่หาย แพ้, เสมอซะมากกว่าชนะ ล่าสุดอยู่อันดับ 6 ไปแล้ว หลังเกมเปิดบ้านแพ้เอสซีจีฯ โดยโดนอาร์มี่ ยูไนเต็ด แซงไปอยู่อันดับ 5 แทน 


            ฤดูกาลนี้ถือว่าน่าจะเป็นอีกหนที่พวกเขามีโอกาสใกล้เคียงที่จะเป็นแชมป์บอล ถ้วยได้สัก 1 รายการ เพราะบอลลีกอย่างไทยลีกนั้น ความหวังแชมป์โยนทิ้งคลอง 3 ไปได้แล้ว 


            ปีก่อนถ้วยน็อกเอาต์อย่างไทยคม เอฟเอ คัพ ตกแค่รอบ 4 ส่วนโตโยต้า ลีก คัพ ตกแค่รอบ 32 ทีมสุดท้ายเท่านั้น 


            ซีซั่นนี้ขุนพล "กระต่ายแก้ว" ภายใต้การคุมทัพของ "โค้ชง้วน" สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ยังอยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์บอลถ้วยทั้ง 2 รายการ 


            แฟนบอล, สื่อมวลชนหลายทีม อยากเห็น "บีจี" ที่มีการบริหารจัดการทีมได้ยอดเยี่ยม ติดระดับหัวแถวของสโมสรลูกหนังเมืองไทย แถมเป็นทีมที่มีแฟนบอลไม่น้อย โดยเฉพาะยามเตะในถิ่นที่ลีโอ สเตเดี้ยมของตัวเอง ได้แชมป์สัก 1 รายการในปีนี้ให้คนทำทีม โดยเฉพาะเจ้าของเงินอย่าง ปวิณ ภิรมย์ภักดี ทายาทเบียร์สิงห์ได้ชื่นใจ ไหนๆ ไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้าตัวในฐานะประธานสโมสรก็เพิ่งออกมาบอกว่า ปีนี้บริหารทีมมาราว 8 เดือนมีกำไร 6 แสนบาท ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีกำไร และคงมีแค่ไม่กี่ทีมเท่านั้นที่มีตัวเลขผลประกอบการเป็นบวก 


            ปวิณ ภิรมย์ภักดี ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงของ "บีจี" บอกว่า ทำทีมมาปีนี้เป็นปีที่ 4 หลังรับไม้ต่อมาจาก ธ.กรุงไทย ที่เลิกทำทีมไป ก็อยากเห็นทีมมีถ้วยแชมป์ติดมือไปประดับสโมสรบ้าง หลังจากเคยได้แชมป์แค่รายการควีนส์คัพ, สิงคโปร์ คัพ, ซูเปอร์คัพ และโล่, ถ้วยการกุศลเท่านั้น ปีนี้พี่แก บอกว่า อยากจะได้สัก 1 ถ้วยแชมป์ไปประดับตู้โชว์ของสโมสรให้แฟนบอลได้ชื่นใจบ้าง


            ดูจากเส้นทางแล้วปีนี้ "บีจี" น่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงในการมีถ้วยแชมป์ติดมือมากที่สุด


            เริ่มจากรายการอย่างโตโยต้า ลีก คัพก่อน แม้จะไม่มีตั๋วไปเล่นบอลถ้วยเอเชียเป็นเดิมพัน แต่หากได้มาก็ถือว่าโอเค 


            เกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อ 5 ก.ย. 55 ที่ผ่านมา พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะทีมแกร่งอย่างชลบุรี เอฟซี ไปได้ก่อน 1-0 นัดสอง 11 ก.ย. "บีจี" น่าจะมีลุ้นเข้ารอบรองฯ ได้ ด้วยปัจจัยที่ว่า "ฉลามชล" ต้องบดหนักกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไป เมื่อ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา อีกทั้งอีกไม่กี่วัน ชลบุรี เอฟซีเองต้องเปิดบ้านทำศึกนัดสำคัญ บอลถ้วยเอเชียอย่างเอเอฟ ซีคัพ กับ อัลชอร์ต้า จากซีเรีย ในเกมนัดแรก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่รายการดังกล่าว ชลบุรี เอฟซี หวังมากที่จะได้แชมป์หรือเข้าชิงเป็นอย่างน้อยเพื่อให้ได้สิทธิเล่นรอบเพลย์ ออฟเอเอฟซี ชปล. ฤดูกาลหน้า 


            "บีจี" มีสกอร์ชนะตุนไว้ก่อน 1-0 ไปเยือนหากเสมอกลับออกมาได้ ก็จะเข้ารอบตัดเชือกโตโยต้า ลีก คัพได้ทันที ดูแล้วมีโอกาสที่บางกอกกล๊าสจะผ่านรอบ 8 ทีมไปได้มากกว่าชลบุรี ผ่านไปถึงรอบรองฯ เจอกับใครก็น่าจะมีลุ้นเข้าชิงได้เหมือนกัน 


            ขณะที่ถ้วยน็อกเอาต์อย่างไทยคม เอฟเอ คัพ ที่รอเตะรอบ 8 ทีมวันที่ 3 ต.ค. แม้ต้องออกไปเยือน แต่เทียบกับทีมอื่นๆ แล้ว ถือว่า "บีจี" เจองานเบากว่าใครเขาเพื่อน เพราะได้เจอกับอยุธยา เอฟซี ทีมจากเอไอเอส ลีกภูมิภาค ด.2 ที่หลุดเข้ามาถึงรอบนี้ได้แค่ทีมเดียว แม้ต้องไปเยือนแต่ศักยภาพผู้เล่นเหนือกว่า "บีจี" น่าจะผ่านเข้ารอบรองฯ ได้ 


            รอบรองฯ เส้นทางกำหนดให้พวกเขาต้องเจอกับผู้ชนะระหว่างบีอีซี เทโรฯ กับ บุรีรัมย์ หากผ่าน 2 ทีมนี้ไปได้ ไปเจอกับทีมอย่างอาร์มี่, เอสซีจี เมืองทอง, เชียงราย หรือสุพรรณบุรี ในสายบน ในนัดชิงฯ ถึงตอนนั้นเชื่อว่า "บีจี" ไม่เป็นรองแน่ แม้จะต้องเจอกับ "กิเลนผยอง" ก็ตามที 


            ฤดูกาล 2012 นี้หากจะบอกว่าเป็นฤดูกาลที่ใกล้เคียงที่สุดที่ "บีจี" จะได้แชมป์บอลถ้วยของเมืองไทยรายการใดรายการหนึ่ง ไปประดับตู้โชว์สโมสร ได้ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน 


            สังหรณ์ว่าปีนี้พวกเขาจะทำได้สำเร็จสัก 1 รายการ ส่วนในความเป็นจริง "บีจี" จะเดินทางไปถึงการได้ยืนบนโพเดียมชูโทรฟี่แชมป์ได้หรือไม่ 


            คำตอบสุดท้ายคงอยู่ที่กึ๋นของกุนซือใหญ่อย่าง สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ กับนักเตะ "บีจี" ทุกคนเท่านั้นเอง ที่จะเป็นผู้ให้คำตอบกับแฟนบอล "กระต่ายแก้ว" ของตัวเองได้ดีที่สุด ซึ่งหากปีนี้ที่ดูเหมือนเส้นทางจะเป็นใจหากไร้ถ้วยแชมป์ใดเลย ก็ต้องบอกว่าเป็นปีที่น่าผิดหวังสุดๆ อย่างแท้จริงของพวกเขาไปก็แล้วกัน