ติโต้ บีลาโนบา กุนซือมือฉมัง "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ยันไม่เสียใจพลาดท่าแพ้ "ม้าลายเขียว-ขาว" กลาสโกว์ เซลติก 2-1 ชมลูกทีมเล่นกันได้ดีแล้ว แต่ต้องยกเครดิตให้คู่ปรับ รวมถึง เฟร์เซอร์ ฟอร์สเตอร์ จอมหนึบทีมแดนน้ำเมาที่ปัดป้องเอาไว้ได้ตลอด เชื่อทีมยังมีโอกาสดีที่จะจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มในท้ายที่สุด

ติโต้ บีลาโนบา เทรนเนอร์ของบาร์เซโลน่า ยอดทีมเมืองกระทิง ยืนยันว่า เขาจะไม่คิดถึงการเซ็นสัญญากับนักเตะที่มีส่วนสูงมากกว่าลูกทีมที่มีอยู่ แม้ทีมต้องเผชิญกับปัญหาอย่างหนักในการป้องกันลูกตั้งเตะ ระหว่างเกมพ่าย กลาสโกว์ เซลติก 2-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี ที่สนามเซลติก พาร์ค เมื่อวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
    
วิคเตอร์ วานยาม่า มิดฟิลด์ของ "ม้าลายเขียว-ขาว" โขกลูกเตะมุมเป็นประตูขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 21 ก่อนที่พวกเขาจะได้ประตูออกนำ 2-2 จากการหลุดเดี่ยวของโทนี่ วัตต์ กองหน้าสำรองในนาทีที่ 83 กระนั้น เป็นลิโอเนล เมสซี่ ยอดดาวยิงอาร์เจนไตน์ มาทวงประตูให้ "เจ้าบุญทุ่ม" ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
    
บีลาโนบา ให้สัมภาษณ์หลังจากจบเกมว่า "พวกเราอาจเซ็นสัญญากับนักเตะที่สูงกว่านี้ แต่ผมชอบที่จะสนุกเมื่ออยู่ข้างสนาม และนี่เป็นแนวทางที่พวกเราลงเล่น เราประสบปัญหาในลูกฟรีคิก หลังจากเสียอีริค อบิดัล และเซย์ดู เกต้าออกจากทีมไป แต่เราก็สามารถพยายามบุกให้มากขึ้น และไม่ปล่อยให้พวกเขาได้ลูกเตะมุมอะไร"
    
 ขณะเดียวกันกุนซือคนหนุ่ม หันมาชมฟอร์มของเซลติก โดยระบุว่า "ต้องแสดงความยินดีกับเซลติก สำหรับชัยชนะในแมตช์นี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่สุดยอดแบบนี้ เรารู้ว่าเราต้องเจอกับความลำบากขนาดไหนเมื่อต้องเจอกับเกมบีบเร็วในแมตช์นี้ หากเรายิงประตูได้ก่อน เกมมันคงง่ายขึ้น"
    
 "ผมคิดว่า เราทำในสิ่งที่เราต้องทำคือการเปิดพื้นที่และพยายามเล่นเกมบุก เรามีโอกาสมากมาย แต่คุณต้องยกความดีความชอบให้กับผู้รักษาประตูของพวกเขาที่เล่นได้อย่างเหนียวแน่นมากๆ ผมเคยบอกแล้วว่านี่เป็นแมตช์สำคัญ เรายังมี 2 แมตช์สุดท้ายเหลืออยู่ การเอาชนะได้สักเกมน่าจะทำให้เราคว้าตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ได้ เราทำในสิ่งที่เราต้องทำแล้ว"
    
"สิ่งที่เราต้องการคือชัยชนะ เราลงสนามไปเพื่อคว้าชัย เราเสียประตูจากลูกเตะมุมครั้งเดียว คุณต้องยกเครดิตให้กับพวกเขา พวกเขาก็เล่นด้วยแผนการของพวกเขา ผมพอใจเพราะเราเล่นกันได้ดีแล้วในเกมนี้ เราเปิดพื้นที่ได้ดี และเรามีโอกาสจะแจ้งที่จะชนะ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเรา และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหรอกนะ"