"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้, "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ตอบตกลงในการไปฟาดแข้งในศึก บาร์เคลย์ส เอเชีย โทรฟี่ 2013 ที่ ฮ่องกง ในช่วงปรีซีซั่นของ ฤดูกาล 2013-14 โดย ริชาร์ด สคูดามอร์ ซีอีโอพรีเมียร์ลีก เชื่อว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์เกมลูกหนังเมืองผู้ดีให้ชาวเอเชียรู้จักมากขึ้น

แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ ซันเดอร์แลนด์ 3 ทีมดังศึกพรีเมียร์ลีก พร้อมใจกันออกมายืนยันว่าจะเดินทางไปร่วมการแข่งขันในรายการ บาร์เคลย์ส เอเชีย โทรฟี่ 2013 ที่จะจัดขึ้นที่เขตปกครองพิเศษ ฮ่องกง ในช่วงเดือน ก.ค. นี้
 
บาร์เคลย์ส เอเชีย โทรฟี่ เป็นการแข่งขันในปรีซีซั่นก่อนจะเปิดฤดูกาลของศึกพรีเมียร์ลีก โดยจัดขึ้นในทุกๆ 2 ปี นับตั้งแต่ปี 2003 โดยในปี 2013 ที่นับว่าเป็นการครบรอบ 10 ปีของรายการนี้นั้น ฮ่องกง รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ และส่ง เซาธ์ ไชน่า เอฟซี ทีมดังในประเทศ ไปร่วมฟาดแข้งกับ แมนฯ ซิตี้, สเปอร์ และ ซันเดอร์แลนด์
 
ทางด้าน โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมแมนฯ ซิตี้ ยอมรับว่าดีใจที่จะได้กลับเยือนทวีปเอเชียอีกครั้ง หลังจากพาทัพ "เรือใบสีฟ้า" มาทัวร์ในแถบนี้แล้วเมื่อปี 2012 "มันเป็นการมอบโอกาสให้เราในการแสดงศักยภาพในเชิงลูกหนังของเราแก่สายตาแฟนบอลใน ฮ่องกง ซึ่งนับเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาและเหมาะสมสำหรับการจัดการแข่งขันระดับสูงเช่นนี้"
 
ส่วน มาร์ติน โอนีล กุนซือ "แมวดำ" ยอมรับว่าตอบตกลงโดยไม่ต้องลังเลเลยสำหรับการจะเดินทางไปร่วมฟาดแข้งในรายนการนี้เป็นครั้งแรก "ชื่อเสียงและเกียรติยศของการแข่งขันรายการนี้นั้นมหาศาลถึงขั้นที่เราตอบรับคำชวนทันทีเลย ชื่อเสียงของ ฮ่องกง ในฐานะสถานที่ที่มหัศจรรย์กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเราตั้งตารอที่จะไปแข่งขันกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งในการประเดิมลงแข่งขันรายการ บาร์เคลย์ส เอเชีย โทรฟี่ เป็นครั้งแรกของเรา"
       
ในขณะเดียวกัน ริชาร์ด สคูดามอร์ ประธานบริหารของ พรีเมียร์ลีก ออกมาเปิดเผยว่ามีความยินดีที่จะได้การแข่งขันรายการดังกล่าวที่ ฮ่องกง เป็นครั้งที่ 3 หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วในปี 2007 และ 2011 พร้อมทั้งมั่นใจว่า 3 สโฒสรที่ตอบตกลงไปร่วมฟาดแข้งจะเป็นสื่อกลางที่สมบูรณ์แบบในการประชาสัมพันธ์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีใน เอเชีย
 
"พวกเขาเป็นสโมสรที่ประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่จะเป็นตัวแทนของทีมที่ดีที่สุดของ พรีเมียร์ลีก พวกเขามีนักเตะระดับโลกหลายคน พวกเขาเป็นผู้ชนะและมีแฟนบอลมากมายใน ฮ่องกง ที่เฝ้ารอจะชมความบันเทิงในสนามจากพวกเขา การแข่งขันเมื่อปี 2011 เป็นครั้งที่เราประสบความเร็จมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย และบรรยากาศใน ฮ่องกง สเตเดี้ยม ในทั้ง 2 คืนนั้นช่างน่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง" ซีอีโอพรีเมียร์ลีก กล่าวทิ้งท้าย