นักเขียนขายดีและนักข่าวกีฬาชื่อดังที่อาศัยสิงคโปร์เป็นบ้านมา 15 ปี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ โกล.คอม ถึงกรณีข่าวล็อกผลการแข่งขันที่สิงคโปร์และมาเลเซียมีเอี่ยวได้อย่างน่าฟัง

นีล ฮัมฟรีย์ส เกิดที่ลอนดอน แต่ยึดสิงคโปร์เป็นบ้านเกิดมาจากนานกว่า 15 ปีแล้ว เขาเป็นนักเขียนขายดี เป็นคนในวงการฟุตบอลที่มีอิทธิพลและได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ ผลงานเล่มหนึ่งของเขาคือนิยายขายดี "Match Fixer" ที่เกี่ยวกับการล้มบอลในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเขาภูมิใจนำเสนอว่าเป็นหนังสือเล่มเดียวที่ได้รับการตีพิมพ์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งตีแผ่ปัญหาเรื้อรังนี้ในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย

เนื่องในโอกาสที่สิงคโปร์ได้รับการกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับคดีล้มบอลในยุโรป จากการสืบสวนของยูโรโปล โกล.คอม จึงขอนำเขามาจับเข่าคุยถึงเรื่องนี้กันอย่างถึงแก่นสักครั้ง

อะไรทำให้คุณเขียนเรื่องเกี่ยวกับการล็อกผลการแข่งขัน

หลังจากที่อยู่ที่นี่มาหลายปี ผมได้รู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการล็อกผลการแข่งขันมากมาย หนึ่งในนั้นที่ทำให้ผมช็อคมากคือ กรณีของแมกซ์ นิโคลสัน ชาวอังกฤษซึ่งปฏิเสธที่จะรับสินบนและถูกทำร้ายโดยชายสวมหน้ากากสองคนด้วยไม้ฮ็อกกี้ (ผลสุดท้าย นิโคลสันกลายเป็นพยานในคดีล้มบอลเมื่อปี 2000 ซึ่งส่งผลให้ลุตซ์ ฟานเนนสตีล โกลชาวเยอรมัน และมิร์โก ยูริจ กองหลังออสเตรเลีย ติดคุก)

แต่ที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจที่สุดก็คือ คนที่นี่ดูเหมือนจะยังไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ จังๆ นัก การล็อกผลการแข่งขันของที่นี่ดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมที่ยอมรับการได้ มันดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ!

แต่สำหรับผม ในฐานะที่เป็นคนอังกฤษ เรื่องแบบนี้จะเป็นข้อเท็จจริงที่ยากเกินจะยอมรับได้อยู่เสมอ เมื่อผมรู้สึกโมโหเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อผมพูดถึงเรื่องนี้ในทีวี หรือในรายการทางพ็อดแคสต์ทุกสัปดาห์ ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าผู้คนที่นี่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ความขัดแย้งทางวัฒนธรมนี้ทำให้ผมอยากที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมาในที่สุด

แล้วคุณรู้สึกประหลาดใจไหม เมื่อพบว่ามีชาวสิงคโปร์อย่าง วิลสัน ราจ เปรูมาล ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุอื้อฉาวครั้งล่าสุดอีกครั้ง

ผมรู้สึกโกรธ โมโห และหงุดหงิดมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเศร้าจริงๆ ก็คือ ความรู้สึกแบบนี้ผมไม่สามารถแบ่งปันกับชาวสิงคโปร์หลายๆ คนได้ นอกจากนี้ มันยังไม่เป็นธรรมกับคนดีๆ อีกหลายคนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้วงการฟุตบอลของที่นี่ดีขึ้น ดูจากความสำเร็จของทีมชาติสิงคโปร์สิ ที่ได้แชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพมา แต่พอมีสื่อต่างชาติมาหาผมเพื่อสอบถามถึงเรื่องวงการฟุตบอลของสิงคโปร์ พวกเขากลับไม่ได้ถามถึงเรื่องนั้น แต่ถามถึงเรื่องล็อกผลการแข่งขัน แล้วคนสิงคโปร์ตั้งมากมายไม่ละอายใจในเรื่องนี้ได้อย่างไร

แล้วอย่างในเกมที่ ลิเวอร์พูลเจอเดเบรเซน ที่มีข่าวออกมาล่ะ ทีมดังของพรีเมียร์ลีกรายนี้จะเป็นเหยื่อต่อไปไหม

คืองี้ ผมดีใจเหมือนกันนะ ที่มีชื่อทีมดังๆ โผล่ออกมาบ้าง เพราะถ้ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับทีมที่ไม่ได้รับการจับตามอง เดี่ยวคนก็ลืมกันหมดไปแบบง่ายๆ แต่ถ้ามีสโมสรดังๆ ในพรีเมียร์ลีกเข้ามาเกี่ยวข้อง ปัญหานี้ก็จะค่อยๆ โผล่ออกมาจากมุมมืดเอง และคนอีกหลายๆ คนก็จะตระหนักถึงเรื่องนี้

แล้วมันยุติธรรมดีแล้วหรือ ที่เราจะโจมตีไปที่เรื่องของการพนัน ในเมื่อเงินทุนมากมายที่นำมาลงทุนในธุรกิจนี้มาจากตรงนั้น

ผมไม่คิดว่าการพนันจะเป็นปัจจัยเดียวในมะเร็งร้ายของวงการฟุตบอลชนิดนี้ มันเคยเป็นเรื่องของวงการยาสูบ แล้วก็มาเป็นแอลกอฮอล จนมาตอนนี้ถึงได้เป็นการพนัน

ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ฟุตบอลมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องแย่ๆ มากมาย แต่เหตุผลที่ทำให้มันกลายเป็นปัญหาเรื้อรังแบบนี้มาจากหลายปัจจัยด้วยกัน แรกสุดเลยคือเรื่องของวัฒนธรรมการพนันในภูมิภาคนี้ นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องของการล็อกผล, การถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม รวมไปถึงการพนันผิดกฎหมายแบบออนไลน์

ปัญหานี้มันเกี่ยวพันไปถึงการพนันผิดกฎหมายที่มีทางเลือกให้แทงเฉพาะกับเหตุการณ์บางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ในแมตช์หนึ่ง เช่น ใบเหลือง, คนที่ได้ทุ่มทีมแรก ทีมที่ได้เตะมุมทีมแรก ซึ่งเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยคนเพียงคนเดียว ทั้งผู้เล่นและผู้ตัดสิน ที่น่าเศร้าจริงๆ ก็คือ การล็อกผลการแข่งขันเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่ผู้คนคิด และมีเรื่องของเงินเข้ามาเกี่ยวข้องมหาศาล จนดูเหมือนว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดมันแล้ว แต่อย่างไรเสีย เราก็น่าจะลองพยายามทำอะไรสักอย่างดู

สุดท้ายแล้ว อยากฝากอะไรถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้บ้างไหม

ถ้าเราปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไป นั่นเท่ากับว่าเราทำความเสียหายให้สิงคโปร์และมาเลเซียอย่างร้ายแรง เราต้องพร้อมที่จะเสียหน้า เพื่อจะยอมรับว่านี่คือปัญหา ถ้าเราอยากที่จะต่อสู้กับมัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคุยกันแค่เฉพาะในกลุ่มนักข่าวที่ทำข่าวเจาะ

ผมเข้าใจดีกว่าผู้คนอาจจะกลัว แต่ผมพูดถึงเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว และยังไม่เคยมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นกับผมเลย อย่างไรก็ดี มันก็น่าจะมีการสนับสนุนสำหรับคนพวกนั้นที่มีความเสี่ยง อย่างเช่น ถ้ามีผู้เล่นดาวรุ่งที่ถูกพวกล้มบอลเข้ามาติดต่อ เขาน่าจะรู้ว่า ถ้าเขาแจ้นไปบอกหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ เขาจะได้รับการคุ้มครอง

ทั้งแฟนบอลท้องถิ่น นักฟุตบอล โค้ช สื่อ รวมถึงรัฐบาล ควรจะทำอะไรมากกว่า นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความน่าอับอายในระดับชาติ เราจำเป็นที่จะต้องพูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผยกันได้แล้ว