โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ เรอัล มาดริด ยังยืนยันถึงเรื่องการทุจริตในกรณีการมอบรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีของ ฟีฟ่า ด้วยการออกโรงยกย่อง โกรัน ปานเดฟ หัวหอกชาวมาซิโดเนีย ที่กล้าประกาศว่า โหวตให้ตนเป็นคนที่ควรได้รางวัลนี้ ไม่ใช่ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ นายใหญ่ทีมชาติสเปน ที่ซิวรางวัลดังกล่าวไปนอนกอด

โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสของ เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก ลา ลีกา สเปน ยืนกรานถึงคำอ้างของตัวเองว่า มีความไม่โปร่งใสในการมอบรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประจำปี 2012 และตนคือคนที่สมควรได้รางวัลนี้ ไม่ใช่ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือทีมชาติสเปน

ผลการเลือกครั้งดังกล่าวนั้น มูรินโญ่ ได้รับการโหวตเข้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนนจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่อันดับ 1 อย่าง เดล บอสเก้ ได้รับเสียงโหวตอันท่วมท้นถึง 35 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงนั้น ประกอบไปด้วยบรรดากุนซือทีมชาติ, ผู้เล่นทีมชาติ และสื่อมวลชนของชาติต่างๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้นายใหญ่ของทัพ "ราชันชุดขาว" ออกมาซัดองค์กรลูกหนังโลกว่า มีการทุจริตในการมอบรางวัล เพราะมีหลายคนที่ลงคะแนนเลือกให้ตนเป็นผู้ได้รับรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี แต่สุดท้ายกลับมีการเปลี่ยนผลโหวตเฉยเลย ซึ่ง โกรัน ปานเดฟ กองหน้ากัปตันทีมชาติมาซิโดเนียของ นาโปลี ทีมดังในเวทีกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คือคนที่ประกาศออกมาตรงๆ ว่าตนลงคะแนนให้ มูรินโญ่ ทว่ากลับถูกเปลี่ยนให้เป็นชื่อของ เดล บอสเก้

ทั้งนี้ อดีตนายใหญ่ เอฟซี ปอร์โต้, เชลซี และ อินเตอร์ มิลาน ออกมาจุดประเด็นนี้อีกครั้ง ด้วยการกล่าวชื่นชม ปานเดฟ ซึ่งเคยร่วมงานกับตนสมัยอยู่ที่ "เนรัซซูรี่" ที่กล้าให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องร้ายแรงแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชน โดยเขาให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวว่า "ผมอยากขอขอบคุณหนึ่งในหลายๆ คน (ปานเดฟ) ที่โทรศัพท์มาเตือนผม (ถึงเรื่องการล็อกผลโหวต) เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ เลย ชายคนนี้มีความกล้าที่จะประกาศตัวต่อที่สาธารณะ ในขณะที่คนอื่นๆ ขอให้ปิดบังชื่อของพวกเขาเอาไว้ ใช่ คนที่ผมพูดถึงก็คือกัปตันทีมชาติมาซิโดเนีย"