"รองแชมป์เก่า" บาร์เซโลน่า ต้องลุ้นเหนื่อยกว่าจะได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกม 1-0 หลังเจอความเหนียวแน่นในเกมรับของ กลาสโกว์ เซลติก เจ้าถิ่นที่เหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนตั้งแต่ครึ่งเวลาหลัง ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช เมื่อวันอังคารที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา

 

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช

 วันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2556

 กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) 0-1 บาร์เซโลน่า (สเปน)

สนาม: เซลติก พาร์ค, (กลาสโกว์, สกอตแลนด์)
 
         "ไอ้ม้าลายเขียว-ขาว" กลาสโกว์ เซลติก แชมป์สกอตติซ พรีเมียร์ ลีก ทีมล่าสุดไม่มี โจ เล็ดลี่ย์ กับ สตีเว่น มูโยโกโล่ สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ แต่ได้ อดัม แม็ทธิวส์ หายเจ็บกลับมาเป็นตัวจริง
 
         ส่วนเกมรุกส่ง จอร์จอส ซามาราส ที่เพิ่งทำแฮตทริคในเกมลีกสกอตที่เอาชนะ คิลมาร์น็อค นั้น ลงมายืนทางกราบซ้าย โดยมี คริส คอมม่อนส์ รับบทหน้าต่ำอยู่หลัง แอนโธนี่ สโต๊คส์ หัวหอกตัวเป้า
 
         ทางด้าน "อาซูลกราน่า" บาร์เซโลน่า ยอดทีมจากสเปน มาเยือนโดยไม่มี จอร์ดี้ อัลบา, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, การ์เลส ปูโยล, อิบราฮิม อเฟลลาย และ อีซัก เกวนก้า ที่บาดเจ็บ รวมไปถึง ลีโอเนล เมสซี่ สตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวาจนต้องพักแข้งราว 2-3 สัปดาห์
 
         ในแดนหน้าได้ตัว เปโดร โรดริเกซ หายเจ็บข้อเท้ากลับมาลงลล่าตาข่ายร่วมกับ เชส ฟาเบรกาส และ เนย์มาร์
 
         ออกสตาร์ทครึ่งแรกไปได้ 5 นาที เซลติก ได้ลุ้นก่อนเลยจากจังหวะที่ แอนโธนี่ สโต๊คส์ เปิดบอลทะลุช่องให้กับ จอร์กอส ซามาราส ยิงด้วยซ้ายมุมแคบ แต่ บิคตอร์ บัลเดส นายทวารบาร์ซ่า ปัดออกหลังไปได้
 
         เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 17 บาร์ซ่า ได้โอกาสบ้างจากจังหวะที่ อันเดรส อิเนียสต้า ให้บอลไปที่ เนย์มาร์ หวดด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลถากเสาซ้ายไป
 
         สองนาทีต่อมา เจ้าบุญทุ่ม ได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ อาเดรียโน่ คอร์เรอา เปิดให้กับ อิเนียสต้า กระทุ้งด้วยขวาจากหน้าเขตโทษบอลเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกไป
 
         ผ่านมา 26 นาที บาร์ซ่า คุมเกมบุกได้ดี เนย์มาร์ จ่ายทะลุช่องให้กับ อาเดรียโน่ คอร์เรอา อัดด้วยซ้ายบอลเฉี่ยวเสาแรกไป 
 
         บาร์ซ่า บุกก็จริง แต่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ นาทีที่ 41 ดาเนียล อัลเวส ลุยขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเข้ากลาง เนย์มาร์ ได้ซัดแต่ส่งบอลหลุดกรอบออกไปอีกครั้ง
 
         นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ชาบี เอร์นานเดซ ปั่นฟรีคิกด้วยขวาบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ นายทวารเซลติก ปัดข้ามคานออกหลังไปได้ หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0
 
         เข้าสู่ครึ่งหลัง ทีมเยือนยังบุกต่อมีโอกาสในนาทีที่ 55 เมื่อ ชาบี เอร์นานเดซ ยิงจากริมกรอบเขตโทษแต่ไปติดบล็อคของ เวอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังของเซลติก
 
         สี่นาทีต่อมา เซลติก ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ สกอตต์ บราวน์ กองกลางกัปตันทีมไปดึง เนย์มาร์ จากทางด้านหลังจนล้มลง แล้ว บราวน์ ไปใช้เท้าเตะใส่ เนย์มาร์ นิดหนึ่งจนสตาร์บราซิลทำท่าโอดโอย ผู้ตัดสินเลยชักใบแดงไล่ บราวน์ ออกไป
 
         เกมของทีมเยือนคุมได้หมดแล้ว นาที 65 เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ กองกลางตัวรับดันขึ้นมาสับไกแต่ไม่ผ่านมือของ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ นายทวารเซลติก
 
         ถัดมาสี่นาที เซลติก เปลี่ยนเอา เจมส์ ฟอร์เรสต์ กับ เบราม คายาล ลงเล่นแทน ลุสติก และ สโต๊คส์ ตามลำดับ
 
         รูปเกมยังเป็นบาร์ซ่า บุก นาที 72 เนย์มาร์ ทำชิ่งหนึ่ง-สอง กับ ชาบี ในเขตโทษ แต่ยิงหลุดกรอบออกไป
 
         อย่างไรก็ตาม บาร์ซ่า ออกนำก่อนจนได้ในนาทีที่ 76 เมื่อ เนย์มาร์ จ่ายตัดหลังแบ็คให้กับ อเล็กซิส ซานเชซ ตัวสำรองโยนจากทางด้านขวาไปเสาไกลให้กับ เชส ฟาเบรกาส โหม่งย้อนศรบอลย้อยเข้าประตูไปให้เจ้าบุญทุ่มขึ้นนำ 1-0 
 
         เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม บาร์เซโลน่า บุกมาเอาชนะ เซลติก ที่เหลือ 10 คนไปได้ 1-0 เก็บสามแต้มได้สำเร็จ พร้อมกับล้างแค้นที่เคยพ่ายให้กับเซลติกที่นี่ เมื่อฤดูกาลที่แล้วได้อีกด้วย
 
         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
         เซลติก : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ - มิคาอิล ลุสติก (เจมส์ ฟอร์เรสต์ น.69), เวอร์กิล ฟาน ไดค์, เอเฟ่ อัมโบรส, เอมิลิโอ อีซากีร์เร่ - อดัม แม็ทธิวส์, สกอตต์ บราวน์ (กัปตันทีม), ชาร์ลี มัลกรูว์, จอร์จอส ซามาราส - คริส คอมม่อนส์ - แอนโธนี่ สโต๊คส์ (เบราม คายาล น.69)
         สำรอง: ลูคัสซ์ ซาลุสก้า (ผู้รักษาประตู) - นีร์ บิตอน, อมิโด้ บัลเด้, โทมัส โรจิก, ตีมู พุคคี่
 
         บาร์เซโลน่า : บิคตอร์ บัลเดส - ดาเนียล อัลเวส, เคราร์ด ปีเก้, มาร์ก บาร์ตร้า, อาเดรียโน่ คอร์เรอา - ชาบี เอร์นานเดซ (กัปตันทีม), เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า - เปโดร โรดริเกซ (อเล็กซิส ซานเชซ น.75), เชส ฟาเบรกาส (คริสเตียน เตโย่ น.78), เนย์มาร์
         สำรอง: โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ (ผู้รักษาประตู) - มาร์ติน มอนโตย่า, โจนาธาน โดส ซานโต๊ส, อเล็กซ์ ซง, เซร์จี้ โรเบร์โต้
 
         ผู้ตัดสิน: สเตฟาน ลันนัว (ฝรั่งเศส)