มาร์โก้ รอยส์ เป็นฮีโร่ของทีมในค่ำคืนนี้หลังยิง 1 จ่าย 1 พาเสือเหลืองเปิดบ้านต้อนนาโปลี 3-1 ขยับขึ้นที่ 2 วัดผ่านเข้ารอบนัดสุดท้ายกับมาร์กเซย

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือมาดเท่ห์ของกองทัพเสือเหลืองประสบปัญาขาดแผงกองหลังตัวหลักไปถึงสามรายแต่ในแนวรุกนัดนี้จัดเต็มสูบหวังเก็บ 3 คะแนนให้ได้เพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไป นำโดยมาร์โก้ รอยส์ ,เฮนริค เมอคิตาร์ยาน และให้โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยืนเป็นศูนย์หน้าคอยถล่มประตูเช่นเคย

ด้านราฟาเอล เบนิเตซ มีปัญหาในการจัดทัพพอสมควรเพราะยังขาดกองกลางตัวทำเกมอย่างมาเร็ค ฮัมซิค ที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ เลยทำให้วันนี้เปลี่ยนแผนมาใช้ระบบ 4-4-2 โดยจับโฮเซ มาเรีย กาเยฆอน และดรีส์ เมอร์เทน คอยเติมเกมทางริมเส้นซ้ายขวาและให้โกรัน ปานเดฟ ยืนเป็นศูนย์หน้าคู่กับกอนซาโล อิกวาอิน

เริ่มเกมมาทั้งสองทีมครองบอลได้พอๆกันโดยจะสู้กันที่แดนกลางซะเป็นส่วนใหญ่
จนกระทั่งนาทีที่ 10 กองเชียร์เสือเหลืองก็มาได้เฮกันลั่นเมื่อเฟเดริโก เฟอร์นันเดซ ไปดึงโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในเขตโทษทำให้ผู้ตัดสินไม่รีรอชี้เป็นลูกจุดโทษพร้อมควักใบเหลืองให้กับเฟอร์นันเดซ และก็เป็นมาร์โก้ รอยส์ ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ช่วยให้ดอร์ทมุนด์ขึ้นนำ 1-0

หลังจากนั้นเจ้าบ้านเกือบได้ประตูที่สองในนาทีที่ 18 จากจังหวะฟรีคิกของมาร์โก รอยส์ ที่บรรจงปั่นด้วยขวาจากระยะ 25 หลาบอลพุ่งข้ามกำแพงกำลังจะมุดลงเสาแรกอยู่แล้วแต่โฮเซ เรน่า ยังโชว์ซุปเปอร์เซฟพุ่งปัดสุดลายมือส่งบอลออกหลังไป

เกมเริ่มเปิดมากขึ้นทั้งสองทีมผลัดกันเติมเกมบุกอย่างสูสี และในนาที 28 เป็นนาโปลีเกือบตีเสมอได้จากจังหวะที่โฮเซ มาเรีย กาเยฆอน ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงเข้าไปในเขตโทษก่อนจะยิงหักข้อด้วยขวาเต็มแรงบอลพุ่งไปชนเสาสองอย่างจัง
ช่วงท้ายครึ่งแรกทีมเยือนโหมบุกหนัก แต่ก็ยังไม่สามารถทะลุทะลวงแผงหลังของดอร์ทมุนด์เข้าไปพังประตูตีเสมอได้ ทำให้จบครึ่งแรกดอร์ทมุนด์ยังคงนำอยู่ที่ 1-0

เข้าสู่ครึ่งหลังทีมเยือนโหมบุกตั้งแต่ต้นเกมโดยดอร์ทมุนด์คอยอาศัยจังหวะสวนกลับเร็ว และในนาทีที่ 55 แฟนบอลเจ้าบ้านเกือบได้ลุกขึ้นเฮอีกรอบเมื่อดอร์ทมุนด์มาได้ฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาและก็เป็นมาร์โก้ รอยส์ เจ้าเก่าวิ่งเข้ามาตะบันด้วยขวาเต็มข้อบอลพุ่งจะเสียบคานแต่โฮเซ เรน่า ปฏิกิริยายังไวกระโดดปัดออกหลังไปได้

ต้านไม่อยู่ดอร์ทมุนด์มาหนีห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 60 จากจังหวะสวนกลับเร็วและก็เป็นมาร์โก้ รอยส์ ที่กระชากไปทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนจะเปิดถวายพานมาให้กับยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ วิ่งเข้ามาแปด้วยขวาส่งบอลพุ่งลอดขาโฮเซ เรน่า เข้าไปนอนจมอยู่ก้นตาข่าย ให้ดอร์ทมุนด์หนีห่าง 2-0

หลังจากนั้นยังคงเป็นนาโปลีที่เปิดเกมบุกอยู่ฝ่ายเดียวและก็มาประสบความสำเร็จใน นาทีที่ 71จากจังหวะที่กอนซาโล อิกวาอิน จ่ายทะลุช่องไปให้กับลอเรนโซ่ อินซินเญ่ หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดด้วยซ้ายบอลแฉลบขานายด่านเสือเหลืองเช็ดเสาสองเข้าประตูไป ช่วยให้นาโปลีตีไล่มาเป็น 1-2

กองเชียร์นาโปลีดีใจได้ไม่นาน ในนาทีที่ 78 ดอร์ทมุนด์ก็มาทิ้งห่างเป็น 3-1 จากจังหวะที่โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จ่ายบอลให้กับปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะชิพด้วยขวาบอลข้ามตัวโฮเซ เรน่า เข้าไปตุงตาข่าย ให้ดอร์ทมุนด์หนีห่างเป็น 3-1

จบเกมดอร์ทมุนด์เปิดบ้านถล่มนาโปลีไป 3-1 ขยับขึ้นที่ 2 ของกลุ่ม F หลังแข่ง 5 นัดมี 9 คะแนนเท่ากับนาโปลีแต่ประตูได้เสียดีกว่า โดยจะไปลุ้นผ่านเข้ารอบนัดสุดท้ายกับโอลิมปิก มาร์กเซย