หลุยส์ ซัวเรซ โชว์ฟอร์มสุดยอดเหมือนเคย หลังจัดการซัดคนเดียวสองประตูช่วยให้ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ ถึงถิ่นแบบสุดมันส์ 5-3 เก็บสามแต้มพร้อมขยับอันดับขึ้นไปอยู่ที่ 4 ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา

 

 

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2557

สโต๊ค ซิตี้ 3-5 ลิเวอร์พูล

สนาม : บริทานเนีย สเตเดี้ยม

       เริ่มเกมแค่ 5 นาที ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตูนำ 1-0 ราฮีม สเตอร์ลิง ตักบอลย้อนออกมานอกเขตโทษ อาลี ซิสโซโก้ ตั้งป้อมตะบันด้วยซ้ายระยะกว่า 30 หลา บอลไปแฉลบหน้าขา ไรอัน ชอว์ครอส เปลี่ยนทางผ่าน บัตแลนด์ เข้าประตูตัวเอง

       พอได้ประตูเร็ว ทีมเยือนก็เล่นง่ายขึ้น และเกือบได้ลูกสองจากจังหวะสวนกลับเร็วตั้งแต่แดนตัวเองในนาทีที่ 22 หลุยส์ ซัวเรซ ลากจากขวาตัดเข้ากลางแล้วถ่ายออกซ้าย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ปั่นด้วยขวาระยะ 18 หลาทันทีข้ามคาน

       สโต๊ค เริ่มตั้งเกมรุกได้บ้าง อาศัยลูกเปิดจากริมเส้นเข้าโจมตี ชาร์ลี อดัม เปิดเตะมุมให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ โหม่งไปติด โคโล่ ตูเร่ ข้ามคาน และอีกครั้ง ลูกโยนฝั่งขวา มาร์โก อาร์เนาโตวิช แปด้วยขวาระยะ 18 หลาโด่งออกไปเยอะ

        แต่จากความผิดพลาดเองของแนวรับเจ้าถิ่น ก็ทำให้ ลิเวอร์พูล หนีห่าง 2-0 ในนาทีที่ 32 บอลยาวจาก สเคอร์เทล แล้ว มาร์ค วิลสัน โหม่งกลับหลังเบาเกินไป ชอว์ครอส สกัดอีกทีก็พลาด เลยเสร็จ หลุยส์ ซัวเรซ ปรี่เข้าซัดด้วยขวาผ่าน บัตแลนด์ เข้าไป เป็นประตูที่ 21 ของดาวยิงอุรุกวัยนำโด่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 

        สโต๊ค มีความหวังยิงไล่มาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 39 มาร์โก อาร์เนาโตวิช โยนจากฝั่งซ้ายให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ โหม่งนิ่มๆ ย้อนกลับเข้าไปเสียบเสาแรก เป็นการยิงทีมเก่าของ เคร้าช์ และเพิ่งเป็นลูกโหม่งประตูแรกของ ช่างปั้นหม้อ ในลีกฤดูกาลนี้ 

       หงส์แดง น่าจัดการฝังด้วยลูกสามในอีก 2 นาทีต่อมา ซัวเรซ หยอดเข้ากลางให้ คูตินโญ่ ฮาล์ฟวอลเล่ย์เท้าขวาระยะประมาณ 16 หลาไปตรงตัว บัตแลนด์ ก่อนที่ ชอว์ครอส จะเตะทิ้งทันเกือบโดน คูตินโญ่ เข้าซ้ำ

        นาทีสุดท้ายครึ่งแรก กองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮลั่น เมื่อตามตีเสมอ 2-2 สำเร็จ ชาร์ลี อดัม พลิกบอลได้แล้วลากมาถึงหน้ากรอบ ไม่มีใครเข้าสกัด จึงมีพื้นที่มีเวลาตะบันด้วยซ้ายระยะ 20 หลาลอดขา สเคอร์เทล พุ่งเป็นจรวดเสียบมุมเข้าไป หมดสิทธิ์สำหรับ มินโญเลต์ จบครึ่งแรก เสมอกันอย่างสนุก 2-2

       กลับมาเล่นครึ่งหลัง สโต๊ค เดินหน้าลุยก่อนทันที นาทีที่ 47 ชาร์ลี อดัม เก็บตกหน้ากรอบโทษฮาล์ฟวอลเล่ย์ด้วยซ้าย แต่บอลผิดเหลี่ยมหลุดกรอบออกไปเยอะ

        นาทีที่ 51 กลับเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้จุดโทษแบบน่ากังขา หลังจาก มาร์ค วิลสัน ทำพลาดเตะขึ้นหน้าไปติด สเตอร์ลิง แต่บอลเหมือนจะโดนแขน ผู้ตัดสินมองไม่เห็น สเตอร์ลิง จึงหลุดเดี่ยวลากเข้าเขตโทษแล้วโดน วิลสัน ตามแซะล้มลงไป ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ เจอร์ราร์ด สังหารจุดโทษเข้าไปให้ หงส์แดง กลับมานำ 3-2

       ให้หลัง 3 นาที เจ้าถิ่นมาได้ฟรีคิกริมกรอบโทษฝั่งขวา ชาร์ลี อดัม ไหลเรียดออกมาหน้ากรอบ อาร์เนาโตวิช วิ่งเข้ายิงด้วยขวาไปติดบล็อค ซัวเรซ พยายามฟ้องเอาจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร เพราะแขนของ ซัวเรซ แนบลำตัวอยู่

        นาทีที่ 66 ทีมเยือนเปลี่ยนตัวคนแรก แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าที่บาดเจ็บพักไปนาน ถูกเปลี่ยนตัวลงแทน คูตินโญ่ ที่โชว์ฟอร์มไม่ออก

        ลงมาเดี๋ยวเดียว สเตอร์ริดจ์ ก็แผลงฤทธิ์ทันที ช่วยให้ ลิเวอร์พูล หนีห่าง 4-2 ในนาทีที่ 71 เมื่อพาบอลลากขึ้นมาถึงหน้ากรอบล็อกเข้าซ้ายดึงกองหลังมา 2 คนแล้วดีดเข้าเขตโทษให้ ซัวเรซ หลุดโล่งๆ ปั่นด้วยขวาระยะ 15 หลาเสียบเสาไกล เป็นประตูที่ 2 ของ หลุยส์ ซัวเรซ ในเกมนี้ และเป็นประตูที่ 22 ในพรีเมียร์ลีกแล้ว

       นาทีที่ 82 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูไล่มาจากลูกโหม่งเต็มหัวของ ปีเตอร์ เคร้าช์ แต่ ซิมง มินโญเลต์ พุ่งปัดเอาไว้ได้

        นาทีที่ 85 โจนาธาน วอลเตอร์ส ได้หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษให้ สโต๊ค ไล่มาเป็น 3-4 

        นาทีที่ 87 หลุยส์ ซัวเรซ วางบอลให้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ได้ยิงที่เสาแรก แจ็ค บัตแลนด์ พุ่งปัดไว้ได้ปลายมือ แต่บอลไม่ออกกระดอนมาเข้าทาง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่ตัดสินใจยิงยัดเสาแรกเข้าไป ลิเวอร์พูล หนีห่างอีกครั้งเป็น 5-3

      ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าบ้านเดินหน้าบดหนัก แต่ก็ไม่สามารถทวงประตูคืนได้ จบเกม ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ ถึงถิ่นแบบสุดมันส์ 5-3 เก็บเพิ่มสามแต้มขยับขึ้นไปรั้งอันดับที่ 4


        รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
        สโต๊ค : แจ็ค บัตแลนด์, เจฟฟ์ คาเมรอน, ไรอัน ชอว์ครอส, มาร์ค วิลสัน, เอริค ปีเตอร์ส, เกล็น วีแลน, สตีเว่น เอ็นซอนซี่, โจนาธาน วอลเตอร์ส, ชาร์ลี อดัม, มาร์โก อาร์เนาโตวิช, ปีเตอร์ เคร้าช์
        สำรอง : โธมัส โซเรนเซ่น, มาร์ก มูเนียซ่า, ไรอัน ช็อตตัน, วิลสัน ปาลาซิออส, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์, เจอร์เมน เพนแนนท์, แม็ทธิว เอเธอริงตัน


        ลิเวอร์พูล : ซิมง มินโญเลต์, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, โคโล่ ตูเร่, อาลี ซิสโซโก้, ลูคัส เลว่า, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, ราฮีม สเตอร์ลิง, หลุยส์ ซัวเรซ
        สำรอง : แดนนี่ วอร์ด, มาร์ติน เคลลี่, หลุยส์ อัลเบร์โต้, จอร์ดอน ไอบี, วิคเตอร์ โมเสส, ยาโก้ อัสปาส, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์


        ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์