ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล

2014 Retired XI

Posted 29/12/2014 by siamsport

 

 

       ชื่อของ เจมส์ วิลสัน, โดเมนิโก้ เบร์ราดี้, มูนีร์ เอล อัดดาดี้, จานลูก้า เกาดิโน่, ฌอง-คริสตอฟ บาเอเบ็ค, ไรอัน กอลด์ รวมถึงเจ้าหนูมาร์ติน โอเดการ์ด คือตัวอย่างจากเด็กรุ่นใหม่นับสิบนับร้อยรายที่พุ่งขึ้นมาแตะหูแฟนบอลในช่วง ปีที่ผ่านมา

        เป็นธรรมดาของโลกลูกหนัง เมื่อมีเด็กใหม่เกิดขึ้น ในทางกลับกันก็ย่อมมีแข้งรุ่นเก๋าที่ต้องจำยอมหลีกทางออกไปตามวัยที่ร่วงโรย และ 11 รายชื่อต่อไปนี้คือยอดดาวเตะที่เราคัดสรรเข้าสู่ทีมยอดเยี่ยมนักเตะที่แขวน สตั๊ดในปี 2014


 
        ผู้รักษาประตู : มานูเอล อัลมูเนีย
        ด้วยสาเหตุที่ โรเจริโอ เชนี่ (41 ปี) รวมถึง แบรด ฟรีเดล (43 ปี) ยังไม่ยอมแขวนถุงมือง่ายๆ ทำให้ปีที่ผ่านมา อัลมูเนีย เป็นนายทวารที่มีชื่อเสียงและดีกรีสูงสุดที่เลิกเล่นไป

        ช่วงเวลารุ่งโรจน์ของ อัลมูเนีย คือสมัยเบียดแย่งมือหนึ่งอาร์เซน่อล จาก เยนส์ เลห์มันน์ ได้สำเร็จ ทว่าความสำเร็จเดียวของเขาเกิดขึ้นในซีซั่น 2004-05 กับถ้วยแชมป์เอฟเอ คัพ ในฐานะนายทวารสำรอง รวมแล้ว 7 ปีกับ "ไอ้ปืนโต" เขาลงสนาม 175 นัดทุกรายการ

        อัลมูเนีย หมดสัญญากับวัตฟอร์ด เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และพยายามมองหาสโมสรใหม่ ทว่าขณะเข้ารับการตรวจร่างกายกับกายารี่ กลับเจอปัญหาที่หัวใจ ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจแขวนถุงมือด้วยวัย 37 ปี

 

        แบ็กขวา : ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ
        หนึ่งในนักฟุตบอลไม่กี่คน ที่แม้ว่าอายุจะปาเข้าไปหลักสามหลักสี่ แต่ก็ยังดูสดหนุ่มกว่าวัยที่แท้จริงอยู่เสมอ ด้วยแรงที่ไม่มีหมดและความเข้าใจในเกมชั้นยอด ทำให้เขาเล่นได้ทั้งฟูลแบ็ก, มิดฟิลด์ริมเส้น รวมไปถึงมิดฟิลด์ตัวกลาง

        แข้งอาร์เจนไตน์ย้ายสู่ยุโรป มาร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ในปี 1995 โดยไม่ว่าต้นสังกัดจะเปลี่ยนโค้ชเป็นว่าเล่นขนาดไหน ซาเน็ตติ ก็ยังเป็นตัวเลือกแรกของโค้ชทุกรายอยู่ดี ตลอด 19 ปีในสีเสื้อ "เนรัซซูรี่" เขาลงสนามรวม 858 นัด

        จุดสูงสุดของ ซาเน็ตติ คือฤดูกาล 2009-10 ที่เขาในฐานะกัปตันทีมได้ชูถ้วยแชมป์รายการใหญ่ทั้ง 3 ใบที่ลงสนาม ทั้ง สคูเดตโต้, โคปปา อิตาเลีย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ''เอล เเทร็คเตอร์'' แขวนสตั๊ดด้วยวัย 40 ปี

 

        เซนเตอร์ฮาล์ฟ : การ์เลส ปูโยล
        "วันแมนทีม" หนุ่มหัวฟูเลือดกาตาลัน เข้าสู่ทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่าตั้งแต่อายุ 17 ปี และเมื่อขึ้นสู่ชุดใหญ่ด้วยวัย 21 ปี นับจากนั้นเขาก็โลดแล่นบนจุดสูงสุด 15 ปีเต็ม

        6 แชมป์ลา ลีกา, 2 แชมป์โกปา เดล เรย์, 3 แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะแข้งบาร์ซ่า รวมถึงแชมป์ยุโรป กับแชมป์โลก อย่างละครั้งกับทีมชาติสเปน คือเครื่องการันตีคุณภาพของปูโยล

        ปูโยล ที่เป็นกัปตันบาร์ซ่าตลอด 10 ปีหลังสุดในอาชีพ ลงสนามให้ทีมรวม 593 นัด ขณะที่กับทีมชาติสเปนก็ติดธงครบ 100 ครั้งพอดิบพอดี เจ้าตัวอำลาสังเวียนด้วยวัย 36 ปี เพราะอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ตามรังควานไม่หยุดหย่อนตลอดหลายปีหลัง

 

        เซนเตอร์ฮาล์ฟ : กาเบรียล ไอน์เซ่
        การจับ ไอน์เซ่ กับ ปูโยล ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กันคงเป็นภาพที่แฟนบอลเลือดร้อนอยากเห็น เพราะนี่คือ 2 กองหลังที่มีแพสชั่นระหว่างเกมทะลักจุดเดือดทั้งคู่

        แน่นอนว่าแฟนบอลส่วนใหญ่คุ้นตากับการเห็นกองหลังอาร์เจนไตน์ในตำ แหน่งแบ็กซ้าย แต่นับแต่เสียตำแหน่งนั้นให้ ปาทริซ เอวร่า ที่แมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็ปรับตัวเป็นเซนเตอร์แบ็กที่ไว้ใจได้คนหนึ่งเช่นกัน

        ไอน์เซ่ มีโทรฟี่พรีเมียร์ลีก 1 ใบกับยูไนเต็ด, ลา ลีกา 1 ใบกับเรอัล มาดริด, ลีก เอิง 1 ใบกับมาร์กเซย และ 1 แชมป์ลีกบ้านเกิดกับนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ ต้นสังกัดสุดท้ายในอาชีพ ก่อนจะเลิกเล่นด้วยวัย 36 ปี

 

        แบ็กซ้าย : เอริก อบิดาล
        แฟนบอลเกือบทุกคนจดจำอบิดาลในฐานะยอดนักเตะหัวใจแกร่ง เขาผ่านช่วงเวลายากลำบากที่สุดในชีวิต เมื่อเอาชนะการต่อสู้กับเนื้อร้ายที่งอกขึ้นมาในตับ และสามารถกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง

        ทว่าหากวัดที่คุณภาพฝีเท้าแล้ว อบิดาลก็คือหนึ่งในยอดแบ็กซ้ายประจำยุคของตัวเองเช่นกัน เขาคว้าแชมป์ลีก เอิง 3 สมัยกับลียง ก่อนย้ายมากวาดทุกแชมป์กับบาร์เซโลน่าในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

        หลังอำลาบาร์ซ่า เจ้าตัวก็กลับไปอยู่กับทีมแรกในชีวิตอย่าง โมนาโก 1 ปี จากนั้นจึงย้ายมาค้าแข้งกับโอลิมเปียกอส ทว่าแค่ครึ่งปีหลังจากนั้นก็ประกาศแขวนสตั๊ดขณะอายุ 35 ปี

 

        กองกลาง : คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ
        เจ้าของสถิติเป็นนักเตะคนเดียวในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย ได้กับ 3 สโมสร

        เซดอร์ฟ เริ่มต้นอาชีพกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ด้วยวัยแค่ 16 ปี จากนั้นตอนอายุ 19 ก็ได้ชูถ้วยเจ้าหูโตเรียบร้อย ถัดมาอีก 3 ปีก็ไปคว้าถ้วยนี้ได้อีกครั้งกับเรอัล มาดริด

        แต่ภาพเซดอร์ฟที่แฟนบอลคุ้นตาสุดย่อมเป็นในสีเสื้อเอซี มิลาน ตลอด 10 ปีที่นี่ เขาลงสนามรวม 431 นัด คว้า 2 สคูเดตโต้, 1 โคปปา อิตาเลีย และ 1 แชมเปี้ยนส์ ลีก จากนั้นย้ายสู่บราซิล และแขวนสตั๊ดกับโบตาโฟโก ด้วยวัย 37 ปี เพื่อรับงานคุม ''รอสโซเนรี่'' แม้ 4 เดือนจากนั้นจะถูกปลดก็เถอะ

 

        กองกลาง : จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่
        ลูกฟรีคิกระยะ 40 หลาน่ะเหรอ? ของกล้วยๆ! นี่คือหนึ่งในจอมยิงฟรีคิกระดับตำนานเท่าที่โลกลูกหนังเคยมีมา - บางทีอาจเป็นที่ 1 เลยด้วยซ้ำ

        จูนินโญ่ แขวนเกือกด้วยวัย 39 ปีกับวาสโก ดา กาม่า หลังก่อนหน้านี้ย้ายมาสร้างชื่อกับโอลิมปิก ลียง ด้วยการคว้าแชมป์ลีก เอิง 7 สมัยติดต่อกัน ก่อนไปโกยเงินอาหรับต่อด้วยยูเอส ดอลลาร์ แล้วจึงมาจบอาชีพกับทีมที่สร้างชื่อให้เขาในบ้านเกิด

        และแม้จะเลิกเล่นไปแล้ว แต่ จูนินโญ่ ก็ทิ้งมรดกชั้นยอดให้แก่เกมลูกหนังไว้ ซึ่งก็คือรูปแบบการยิงฟรีคิกที่แข้งหลายๆ คนในปัจจุบันนำไปปรับใช้ ตัวอย่างที่ชัดเจนสุดๆ ก็ คริสเตียโน่ โรนัลโด้  นั่นไง

 

        กองกลาง : ไรอัน กิ๊กส์
        "วัน แมน ทีม" อีกคน หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมไปถึงพรีเมียร์ลีก กับสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ตลอด 24 ปีในอาชีพค้าแข้ง
 
        แน่นอนว่าเราสามารถวาง กิ๊กส์ ในตำแหน่งปีกได้ แต่อย่างที่เห็นในช่วง 3-4 ปีสุดท้ายของอาชีพ เวลช์แมนทำได้ดีไม่แพ้กันในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง จากปีกพ่อมดกระชากเป็นหายในช่วงที่ขึ้นมาใหม่ๆ กลายเป็นพ่อหนุ่มเคราครึ้มที่มีคิลเลอร์พาสเป็นจุดขายในหลายขวบปีหลัง
 
        25 แชมป์รายการใหญ่ รวมไปถึง 30 เกียรติยศส่วนตัว และเป็นไอคอนของฟุตบอลแดนผู้ดียุคหลัง กิ๊กส์แขวนสตั๊ดขณะอายุ 40 ปี เพื่อมารับงานโค้ชเต็มตัวในซีซั่นนี้ หลังซีซั่นก่อนจับพลัดจับผลูได้รักษาการเก้าอี้นายใหญ่ "ปีศาจแดง" มาแล้ว

 

        กองกลางตัวรุก : ฮวน เซบาสเตียน เวรอน
        เจ้าของฉายา "ลา บรูฮิต้า" หรือที่แปลเป็นไทยว่า "พ่อมดน้อย" เป็นบุรุษที่เกิดมาเพื่อเป็นเพลย์เมกเกอร์โดยแท้ ด้วยเทคนิคระดับพรสวรรค์ วิสัยทัศน์กว้างไกล ผนวกกับการจ่ายบอลชั้นยอด แถมยังมีฟรีคิกและลูกยิงไกลสุดอันตรายอีกต่างหาก
 
        จุดสูงสุดในอาชีพของกองกลางอาร์เจนไตน์คือการคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ กับปาร์ม่า ตามด้วยสคูเด็ตโต้กับลาซิโอ ทว่านับแต่ย้ายสู่แมนฯ ยูไนเต็ด กราฟชีวิตของเขาก็ตกลงเรื่อยๆ จนต้องย้ายกลับบ้านเกิดตอนอายุ 31 ปี ก่อนที่ 3 ปีถัดมาจะไว้ลายนำเอสตูเดียนเตสทีมรักคว้าแชมป์โคปา ลิบอร์ตาดอเรสได้สำเร็จ
 
        เวรอน เคยประกาศแขวนสตั๊ดมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อ 1 ปีก่อน ทว่าก็ตัดสินใจกลืนน้ำลายกลับมาเล่นให้เอสตูเดียนเตสอีกซีซั่น กระทั่งเลิกเล่นจริงจังในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยวัย 39 ปี และตอนนี้กลับไปนั่งแท่นบริหารทีมรักอีกครั้ง

 

        กองหน้า : ริวัลโด้
        หลังยึดถือการไล่เตะลูกฟุตบอลเป็นอาชีพนานกว่า 24 ปี เจ้าของบัลลง ดอร์ ปี 1999 ก็เพิ่งประกาศเลิกเล่นเมื่อเดือนมีนาคม ด้วยวัยที่ปาเข้าไปถึง 42 ปี
 
        ริวัลโด้ มีชื่อเสียงในฐานะจอมเทคนิคคนหนึ่งของวงการลูกหนัง ด้วยฟรีคิกสุดฉมัง, ลูกจักรยานอากาศ, การยิงไกล, การจ่ายบอล และเทคนิคยามมีบอลอยู่กับเท้า จุดสูงสุดของเขาเห็นจะเป็นฟุตบอลโลก 2002 ในฐานะหนึ่งใน "3R" ร่วมกับโรนัลโด้ และโรนัลดินโญ่
 
        เส้นทางอาชีพของริวัลโด้ผ่านการค้าแข้งถึง 13 สโมสร ไล่ตั้งแต่ในบราซิล บ้านเกิด ผจญภัยในยุโรปที่ สเปน, อิตาลี และกรีซ ข้ามแดนไปอุซเบกิสถาน ไปจนถึงเหยียบแผ่นดินกาฬทวีปที่แองโกลาเลยทีเดียว

 

        กองหน้า : เธียร์รี่ อองรี
        "คิง อองรี" ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของอาร์เซน่อล จากผลงาน 228 ประตูใน 376 เกม ตลอด 8 ซีซั่นเต็ม กับอีก 2 เดือนที่ยืมกลับมาจากนิวยอร์ก เร้ด บูลล์ส ประกาศอำลาสนามเมื่อต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยวัย 37 ปี
 
        หลังอิ่มตัวกับ "ไอ้ปืนใหญ่" คว้าแชมป์ลีกและเอฟเอ คัพ กับทีม พร้อมกวาดรางวัลส่วนตัวในเกาะอังกฤษชนิดนับไม่หมด อองรี ก็เลือกอำลาทีมไปอยู่กับบาร์เซโลน่า เพื่อเติมเต็มฝันสุดท้ายในอาชีพอย่างแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเขาก็ทำได้สำเร็จในปี 2009

        ขณะที่กับทีมชาติฝรั่งเศสเขาก็อยู่ในชุดรุ่งโรจน์ กวาดแชมป์โลก 1998, ยูโร 2000 รวมถึงคว้าถ้วยคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2003 มาครองได้อีกต่างหาก โดยตอนนี้เจ้าตัวกำลังเตรียมเริ่มงานใหม่กับสกาย สปอร์ต ในฐานะกูรูลูกหนัง

 

        สำรอง : ฟา ริด มอนดราก้อน (43 ปี), วิลเลี่ยม กัลลาส (37 ปี), เวย์น บริดจ์ (34 ปี), เมาโร คาโมราเนซี่ (38 ปี), แฮร์รี่ คีเวลล์ (36 ปี), พาร์ค ชี-ซอง (33 ปี), มาร์โก ดิ วาโญ่ (38 ปี), เคร็ก เบลลามี่ (35 ปี)

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »